โลกของการทำงานในจินตนาการที่มนุษย์ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
ลองจินตนาการถึงสังคมที่มนุษย์ทุกคนไม่ได้รับเงินหรือผลตอบแทนใดๆจากการทำงานเลย ทุกคนจะได้รับสวัสดิการในระดับที่เท่าๆกันทั้งหมด ขอเพียงแค่คุณมีหลักฐานยืนยันว่ามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งเท่านั้นก็พอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือจะมีคนบางคนที่ขี้เกียจสุดๆ และไม่คิดจะทำงานอะไรให้ดีเลยทั้งสิ้น แต่ MenDetails เชื่อว่ามนุษย์ “ส่วนใหญ่” จะยังคง “ทำงาน” และเขาจะเลือกงานจากฐานของความชอบและความหลงใหลเป็นการส่วนตัว แทนที่จะเป็นการเลือกงานเพื่อหวังเรื่อง “จำนวนเงินรายได้” หรือ “ความจำเป็น” เป็นสำคัญ ดังนั้นจะไม่มีใครทนทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบแต่ต้องทนเพราะความจำเป็นอีกต่อไป
แน่นอนสังคมที่เป็นเช่นนั้นมันไม่มีจริงหรอกครับ แต่การจินตนาการถึงโลกดังกล่าวทำให้เราย้อนกลับมาถามตัวเองได้ว่า ที่จริงแล้วเราทำงานที่ตัวเอง “อยากทำ” จริงๆหรือไม่ ลองคิดว่าถ้าเราไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลยจากการทำงาน เราจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า
เช่นนั้นทุกคนก็จะไม่ทำอะไรเลย
มีบางข้อเสนอบอกว่า หากให้เรามีเงินใช้พอสมควรโดยไม่ต้องทำงาน เราจะขี้เกียจและไม่ทำอะไรเลย และสังคมจะไม่มีใครทำงาน ทุกคนจะอยากเป็นแค่ ‘Free Rider’ หรือ ‘เกาะคนอื่นกิน’ ไปวันๆแน่นอน เรื่องนี้เป็นข้อเสนอที่ฟังดูมีน้ำหนักแต่เรามองว่าไม่เป็นความจริงเสมอไป เพราะโดยธรรมชาติในชีวิตของมนุษย์ ไม่มีใครที่จะอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยได้นานนัก อันที่จริงมนุษย์ทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณค่าด้วยการทำงานกันทั้งสิ้น แต่เพียงแค่เราให้คำจำกัดความคำว่า “งาน” ในยุคทุนนิยมว่า “ทำงานก็ต้องได้เงิน” นั่นทำให้สิ่งใดที่ทำแล้วไม่ได้เงิน แม้จะมีประโยชน์และสร้างสรรค์ แต่ก็กลายเป็นแค่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่ “งาน” ในความหมายของมนุษย์ทุนนิยมนั่นเอง
ในช่วงชีวิตของการทำงานประจำอย่างต่อเนื่อง ถ้าวันหนึ่งเราเกิดลาพักร้อนและไม่ต้องไปทำงาน เราจะรู้สึกดี และรู้สึกอยากพักผ่อนมากๆ แต่ความรู้สึกนี้จะคงอยู่แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง บางคนอาจจะแค่แป๊บเดียว บางคนก็อาจจะนานเป็นเดือน แต่ถึงจุดหนึ่งเราจะรู้สึกอยากกลับมาทำงาน อยากกลับมาเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ หรือสานต่อสิ่งที่ยังคั่งค้างให้เรียบร้อย ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องปกติทางจิตวิทยาของมนุษย์ และเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แน่นอนคนที่เป็น Free Rider นั้นย่อมมีอยู่เสมอในสังคม แต่จะคิดเหมาว่าทุกๆคนจะพยายามเป็น Free Rider ทั้งหมด ย่อมเป็นการไม่ถูกต้อง นักดนตรีที่มีความสุขกับการเล่นดนตรีให้คนอื่นฟัง ต่อให้เขาไม่ได้เงินหรือค่าตอบแทนใดๆเลย เขาก็ยังอยากจะเล่นดนตรีต่อไป, นักคณิตศาสตร์ที่หลงใหลในตัวเลข และชอบที่จะคิดค้นทฤษฎีใหม่ๆ ก็ยังอยากจะทำงานทางด้านคณิตศาสตร์ต่อไป แม้ไม่มีใครให้เงินเป็นค่าตอบแทนก็ตาม ความหลงใหลและชื่นชอบในงานที่ตัวเองทำ จะเป็นตัวกำหนดให้เขาทำงาน ไม่ใช่ความจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและครอบครัว
ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงิน
MenDetails ขออนุญาตเรียกสถานะดังกล่าวข้างต้นว่า สถานะของคนที่ “ทำงานเพื่องาน” ไม่ใช่คนที่ “ทำงานเพื่อเงิน” ใครก็ตามที่อยู่ในสถานะดังกล่าวจะมีความหลงใหลในงานของตัวเอง ถึงแม้ไม่ได้เงินก็ยังอยากจะทำต่อไปอยู่ดี เขามีความรักและความเอาใจใส่ที่จะทำงานนั้นออกมาให้ดีที่สุด ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม งานทุกชิ้นที่ออกมาจึงมีคุณค่าและมี “จิตวิญญาณ” มากกว่างานที่ใครสักคนหนึ่งทำขึ้นมาเพียงเพราะต้องการ “เงิน” เป็นของตอบแทนเท่านั้น แต่ทว่าการจะอยู่ในสถานะเช่นนั้นได้ย่อมต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง อย่างแรกคือการรู้ตัวเองว่าตัวเรามี Passion กับสิ่งไหน หรืองานแบบใดเป็นพิเศษจริงๆ ที่เราสามารถทำงานเพื่องานนั้นๆได้ แม้ไม่มีรายได้เป็นผลตอบแทนกลับมา และอีกอย่างที่สำคัญมากไม่แพ้กันก็คือเรื่องของปากท้องที่เขาไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าจะหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวอย่างไร ไม่ว่าจะด้วยฐานะส่วนตัว หรือความช่วยเหลือจากสังคมก็ตาม จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราได้ทำงานที่ตัวเองรักอย่างเต็มที่ แต่ตัวเองและครอบครัวต้องอยู่อย่างยากลำบาก และอดมื้อกินมื้อ
‘โลกสวยเกินไป’
ใช่แล้วครับ เรารู้ว่าคุณผู้อ่านกำลังนึกถึงคำนี้อยู่ในใจ เราจึงอยากจะย้ำอีกครั้งว่า “โลกแห่งการทำงานในอุดมคติ” มันไม่มีอยู่จริงในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเช่นในปัจจุบัน ครั้นจะมุ่งหวังให้รัฐบาลหรือผู้ปกครองดูแลประชาชนทุกหมู่เหล่าด้วยความเท่าเทียม (แบบจริงๆ ไม่ใช่แค่ลมปาก) ก็ยิ่งเป็นไปได้ยากหนักเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามคนเราแต่ละคนสามารถที่จะสร้างโอกาสที่จะก้าวไปสู่จุดนั้นได้ด้วยตัวเองเป็นการส่วนตัว เป็นจุดที่เราสามารถ “ทำงานให้ได้งาน” โดยไม่ต้องกังวลหรือสนใจว่าจะได้เงินหรือไม่ แต่นั่นหมายความว่าเราจะต้องมี “Mindset” ที่เหมาะสมเสียก่อน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เราหลงทางระหว่างที่จะเดินไปถึงจุดหมายครับ
หาให้เจอก่อนว่า “งาน” ของเราคืออะไร?
คำว่า “งาน” ในที่นี้คืองานในรูปแบบที่เราอธิบายไปแล้ว นั่นคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่คุณมีความสุขที่จะทำ และจะทำต่อไปถึงแม้ไม่มีใครให้เงินหรือค่าตอบแทนใดๆกลับมา “งาน” ดังกล่าวจึงต้องเป็นงานที่เรามี Passion กับมันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ครูอาจารย์, ศิลปิน, ช่างภาพ, เกมเมอร์, นักลงทุน, นักวิเคราะห์การเงิน, นักกีฬา ฯลฯ จะเป็นงานแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่คุณต้องมั่นใจว่า จะไม่เบื่อมันและพร้อมทุ่มเทให้กับมันได้จริง ไม่ใช่เห่องานนั้นๆ เพียงชั่วครั้งชั่วคราวครับ
อย่าใจร้อน หรือเอาแต่ใจ
หากอาชีพที่คุณทำแล้วได้เงินหรือผลตอบแทนอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ได้ตรงกับงานที่คุณอยากทำจริงๆ แบบที่กำลังคิดอยู่ในใจ คำแนะนำอื่นๆอาจบอกให้คุณอย่าเสียเวลา รีบลาออกมาทำสิ่งที่อยากทำดีกว่า เพราะชีวิตคนเราสั้นนัก แต่ว่า MenDetails ไม่คิดเช่นนั้นครับ แม้อาชีพที่เราทำอยู่ตอนนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เราชอบที่สุดก็จริง แต่ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินนั่นแหละที่มีประโยชน์และจะเป็นใบเบิกทางไปสู่สถานะที่เราจะ “ทำงานเพื่องาน” ได้จริงๆในอนาคตครับ จงทำงานที่เราได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด แต่มีเป้าหมายทางการเงินที่จะเก็บเงินและลงทุนให้ได้มากพอ เพื่อให้เงินก้อนนั้นหารายได้แทนเราได้อย่างเพียงพอในอนาคต และให้เราเปลี่ยนสถานะของตัวเองไป “ทำงานเพื่องาน” ได้ในที่สุด
ลืมคำแนะนำของเราให้หมด ถ้าคุณได้ทั้งงาน ได้ทั้งเงิน ครบทั้งคู่แล้วในตอนนี้
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่โชคดี ได้พบกับงานที่ใช่ เป็นงานที่ตรงใจ และเป็นงานที่ตัวเองอยากทำอยู่แล้ว แถมมีรายได้จากงานที่ทำพอสมควร และถึงต่อให้ไม่ได้เงินเป็นค่าตอบแทนเลยก็ยังจะทำงานนี้ต่อไป MenDetails ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ และเราแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า ในสังคมของเรายังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้โชคดีเช่นคุณนะครับ
บทสรุป
คนที่ “ทำงานเพื่องาน” มีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากกว่า อยู่กับงานได้นานกว่า และผลงานที่ออกมาก็จะมีคุณภาพที่ดีมากกว่าคนที่ต้องทำงานเพียงเพราะความจำเป็นบังคับเพื่อให้ได้ “เงิน” มาจุนเจือตัวเองและครอบครัว ผู้ชายเราบางคนเกิดมาในครอบครัวหรือตระกูลที่ร่ำรวยก็จริง แต่เขาอาจไม่สามารถเลือกที่จะ “ทำงานเพื่องาน” ได้ อาจเพราะด้วยความจำเป็นบังคับให้ต้องดูแลธุรกิจของครอบครัว ฯลฯ ในทางกลับกันผู้ชายที่เกิดมาไม่ได้ร่ำรวยก็จะติดในเรื่องความจำเป็นทางการเงินที่อาจบังคับให้เขาต้องทำงานที่เขา “ไม่ได้รักจริงๆ” อยู่อย่างทุกวันนี้ จุดกึ่งกลางที่ดูลงตัวที่สุดในเรื่องนี้เห็นจะเป็นคนที่รักในงานที่ตัวเองทำ แถมยังได้เงินอีกต่างหาก เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่ถ้าคุณยังไม่ได้อยู่ในจุดนั้น เราขอแนะนำให้คุณทำตามความจำเป็น “อย่างมีเป้าหมาย” รู้จักเก็บออม ศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน สร้างฐานะให้ตัวเองอยู่ได้อย่างพอเพียงด้วยเงินลงทุนก้อนนั้นในอนาคต จนถึงจุดหนึ่งเมื่อความจำเป็นที่จะต้อง “ทำงานเพื่อเงิน” นั้นลดลง โอกาสที่คุณจะได้ “ทำงานเพื่องาน” จริงๆก็จะตามมาครับ MenDetails หวังว่าบทความนี้จะช่วยจุดประกายให้ผู้ชายทุกคนไม่ยึดติดกับการ “ทำงานเพื่อเงิน” และมุ่งสู่การสร้างสรรค์งานที่ทำ “เพื่อให้ได้งานที่ดีจริงๆ” กันทุกคนนะครับ