สำหรับผู้ชายคนไหนที่ เตรียมตัวงานแต่ง อยู่ MenDetails ต้องบอกเลยว่านี่เป็นวันสำคัญของคู่รักที่เต็มไปด้วยรายละเอียดในทุก ๆ แง่มุมจริง ๆ ครับ หากจะให้เป็นการเตรียมงานแต่งที่ไม่เหนื่อยจนเกินไปนัก มีเวลาคิดและวางแผนงานต่าง ๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบก็ควรเผื่อเวลาเตรียมตัวล่วงหน้าไว้ราว 1 ปี จะได้ง่ายต่อการจองสถานที่จัดงานด้วยครับ ซึ่งเราได้รวบรวม Wedding Checklists 5 สิ่งที่เจ้าบ่าวสามารถช่วย เตรียมงานแต่งงาน เพื่อไม่ให้ฝ่ายเจ้าสาวเหนื่อยมากจนเกินไปเอาไว้แล้วครับ เจ้าบ่าวควรช่วยหาตัวเลือกดี ๆ เสนอเจ้าสาว แล้วค่อยนำมาเลือกตัดสินใจร่วมกัน เพื่อเป็นการให้เกียรติกันและกันจะได้เลือกสิ่งที่ดีและลงตัวที่สุดสำหรับทั้งสองคน
เริ่มต้นด้วยหาสถานที่จัดงานแต่งงาน
หลังจากที่ผ่านขั้นตอนการขอแต่งงานและคุยกันทั้งสองครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเรากับเธอวางแผนใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว Checklists ข้อแรกที่เจ้าบ่าวควรหา คือ สถานที่จัดงานแต่งครับ ตรวจสอบคร่าว ๆ ก่อนว่า บ่าวสาวอยากจัดพิธีแต่งงานในช่วงไหนของปี เดือนไหน หรือถ้าครอบครัวไหนจริงจังกับฤกษ์ยามในวันแต่งงานก็ควรจะหาวันแต่งที่ฤกษ์ดีเอาไว้ก่อนไปหาสถานที่เลยครับ
ถัดจากนั้นประเมินว่า งบประมาณงานแต่งอยู่ในขอบเขตเท่าไหร่ รวมถึงประเมินคร่าว ๆ ว่าแขกที่จะเชิญมางานอยู่ที่กี่่คน เพราะสถานที่จัดแต่ละแห่งรองรับคนได้ไม่เท่ากัน เมื่อเช็กครบแล้ว จึงจะสามารถไปเริ่มต้นหาสถานที่จัดงานได้ครับ
ควรสื่อสารความต้องการของทั้งสองฝ่ายให้ดี เจ้าสาวอยากจัดงานแบบไหนและจัดที่ไหน หากเธออยากจัดอย่างยิ่งใหญ่หรูหรา เราก็ต้องโฟกัสเรื่องการหาโรงแรมเป็นหลัก หรือถ้าเจ้าสาวเน้นเรื่องความสวยงามของสถานทีแต่ไม่อยากจัดโรงแรม เราก็ควรหา Wedding Venue หรืออาคารที่คนนิยมไปจัดงานแต่งงาน เป็นต้นครับ และฝั่งเจ้าบ่าวก็ควรบอกความต้องการของตัวเองด้วยเช่นกันว่าเราคิดเห็นอย่างไร
หากเจ้าสาวอยากจัดงานแต่งริมทะเล เจ้าบ่าวก็ควรจะประเมิน Condition ต่าง ๆ ในการจัดงาน เนื่องจากข้อจำกัดของการจัด Indoor และ Outdoor ก็แตกต่างกันไป เมื่อตกลงกันได้แล้วเจ้าบ่าวก็ค่อยไปหาลิสต์ของสถานที่ที่น่าสนใจ และต้องเช็็กวันว่างของสถานที่ประกอบกับราคาในการจัดงานนะครับ
Wedding Studio อีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้การจัดงานง่ายขึ้น
จริง ๆ แล้วในทุกองค์ประกอบของการแต่งงาน ทั้งหาชุดแต่งงาน สถานที่ในการถ่ายรูป Pre-Wedding หาช่างภาพในงานแต่ง หาช่างแต่งหน้า เราสามารถแยกหาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสายงานด้วยตัวเองทั้งหมดได้เองเลย แต่สำหรับคู่บ่าวสาวที่งานยุ่งมาก ๆ และยังต้องเตรียมงานแต่งไปพร้อมกันนั้น ทำให้หลาย ๆ คู่ตัดสินใจเลือก Wedding Studio ในการเตรียมงานแต่งครับ
Wedding Studio คือ สตูดิโอที่ให้การดูแลเรื่องเครื่องแต่งกายและรูปภาพของบ่าวสาว ตั้งแต่วันถ่ายภาพ Pre-Wedding วันหมั้นไปจนถึงพิธีแต่งวันจริงครับ มักจะขายเป็น Package เช่น แพคเกจเหมาถ่ายภาพ Pre-Wedding ทั้งหมด สตูดิโอจะดูแลเรื่องชุดในวันถ่าย ทั้งในสตูและถ่ายทำนอกสถานที่ จัดหาช่างแต่งหน้าและช่างภาพให้เรียบร้อย หรือบางคนถ้าพอใจกับผลงานของสตูดิโอก็อาจจะให้จัดการดูแลในส่วนของชุดแต่งงานและช่างภาพวันจริงไปด้วยเลยครับ หากเป็นสตูดิโอที่ใหญ่มาก ๆ ก็จะมีการทำงานร่วมกับ Wedding Organizer เพื่อให้เป็นผู้รันงานในวันแต่งจริงเพิ่มเติม
หลาย ๆ คู่มักใช้บริการ Wedding Studio สำหรับการถ่าย Pre-Wedding เป็นหลัก เพราะทางสตูดิโอจะจัดเตรียมชุดและช่างกล้องให้พร้อมเลย รวมถึงมีให้เช่าหรือเช่าตัด เช่าซื้อชุดแต่งงาน ซึ่งสะดวกต่อบ่าวสาว แต่สำหรับสูทเจ้าบ่าวที่ดูดีในมุมมองของ MenDetails เราแนะนำว่าควรจะไปตัดสูทตามร้านตัดสูทโดยเฉพาะเลยครับ เนื่องจาก Wedding Studio เหล่านี้มักเน้นความสำคัญไปที่ชุดเจ้าสาวเสียมากกว่า
แต่ถ้าหากเรามีช่างส่วนไหนที่มั่นใจในฝีมือได้อยู่แล้ว เช่น ช่างภาพ ช่างแต่งหน้า เราก็สามารถแบ่งสัดส่วนงานที่ต้องการจ้างกับสตูดิโอได้ครับว่าเราต้องการความช่วยเหลือแค่ส่วนไหน คิดค่าบริการอย่างไร โดยตรงนี้เจ้าบ่าวก็ควรประเมินราคาให้ดีว่าการเลือกแพคเกจเหมาจะคุ้มราคากว่าการซื้อบริการแยกเท่าไหร่
สรุปอย่างง่าย คือ Wedding Studio ช่วยให้การจัดเตรียมงานแต่งของเราง่ายขึ้นครับ แต่ว่าสตูดิโอทุกแห่งนั้นก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป บางแห่งอาจจะโดดเด่นเพียงบางส่วนเท่านั้น ฉะนั้นหากต้องการให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ บางอย่างอาจจะต้องจ้างแยกเป็นรายคน รายทีมไปครับ
การจัดทำ Presentation หาช่างภาพนิ่งและวีดีโอ
สำหรับหัวข้อนี้ที่เจ้าบ่าวสามารถช่วยเตรียมงานได้ก็จะเชื่อมโยงมาจาก Wedding Studio ข้อบนครับ โดยเน้นไปในส่วนของภาพนิ่งและวีดีโอ หากจะแบ่งเรื่องงานภาพอย่างง่ายเอาไว้มองภาพรวมว่าต้องจ้างช่างภาพอะไรบ้าง แบ่งได้เป็น 3 กรุ๊ป ทีมช่างภาพสำหรับถ่าย Pre-Wedding ทีมสำหรับทำ Presentation เปิดในวันพิธี และสุดท้ายทีมช่างภาพทั้งภาพนิ่งและวีดีโอสำหรับงานหมั้นและงานแต่งครับ
โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่ 3 สิ่งที่บ่าวสาวต้องใช้ในตัดสินใจเลือกช่างภาพ คือ งบประมาณในใจในการจ้าง เช็กคิวของทีมช่างภาพ และสุดท้ายสไตล์ความชอบเรื่องภาพและวีดีโอของบ่าวสาว ทั้งคู่ต้องเลือกสไตล์ภาพและคลิปวีดีโอที่ชอบก่อนว่าอยากจะให้งานออกมาแนวไหน โทนภาพแบบไหน ชอบผลงานที่ละมุนแสงขาว หรือชอบโทนอุ่นแสงเหลือง หรือโทนสดใสสีสัน หรือบางทีอาจสนใจแนววินเทจไปเลย หลัก ๆ คือควรจะเสพผลงานของทีมช่างภาพที่จะจ้างเสียก่อน ดูว่าเขาถนัดงานแบบไหน หากตรงกับความต้องการเราแล้วค่อยเช็็กคิว เช็กราคาต่อไป
ซึ่งบางคู่อาจจะเลือกจ้างทีมช่างภาพของ Wedding Studio ทั้งหมดก็ได้ หากเป็นสตูดิโอใหญ่ ๆ ก็จะมีการจัดทำทั้งหมดได้อย่างครอบคลุมครับ แต่ถ้าอยากได้คนที่ Expert เฉพาะทางไปก็ควรจะจ้างแยก อย่าง Presentation เป็นงานวีดีโอก็ไปจ้างเฮาส์ที่รับงานวีดีโอโดยเฉพาะ หรือช่างภาพนิ่งสำหรับวันจริงก็ไปจ้างทีมช่างภาพ Wedding แยกเลยไม่ต้องเป็นช่างที่ทำงาน Under พวก Wedding Studio ก็ได้
แนะนำว่า เจ้าบ่าวควรจะสอบถามจากคนรู้จักก่อนว่าใครเคยใช้งานช่างภาพคนไหน ทีมไหนแล้วได้คุณภาพดีจริง ๆ บ้าง แล้วค่อยไปหาดูผลงานตาม Page อีกทีครับ
เนื่องจากการจ้างงานช่างภาพมีรายละเอียดลงไปในส่วนของความตรงเวลาทั้งวันมาถ่ายงานและการส่งรูปหลังจบงาน ความคิดสร้างสรรค์ การมองหน้ามุมกล้องหน้างาน การสื่อสารคุยงานง่ายต่าง ๆ ประกอบด้วยนอกจากเรื่องของผลงานครับ ถ้าได้คำแนะนำจากคนรู้จักที่เคยจ้างงานมาแล้วจริงน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุด
คนประสานงานและรันคิวงานขาดไม่ได้
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องเตรียมและขาดไม่ได้ คือ ต้องมีคนประสานงานส่วนต่าง ๆ ระหว่างการเตรียมการงานแต่งทั้งหมด รวมถึงต้องมีคนรันคิวงานในวันจริงด้วยครับ ในส่วนการเตรียมงานแต่งงาน เจ้าบ่าวสามารถเป็นกำลังหลักในการประสานได้ครับ ต้องมีหนึ่งคนที่มองภาพรวมของงานใหญ่ทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร เดือนไหนต้องเตรียมอะไรให้เสร็จ หากเจ้าบ่าวไม่สามารถดูแลส่วนนี้ด้วยตัวเอง เราแนะนำให้จ้าง Wedding Planner มาก็ได้ครับ เพื่อให้มีกำลังหลักในการเตรียมงานแต่งให้เราอีกหนึ่งแรง
โดยหน้าที่ของ Planner ก็จะคอบดูว่าจะต้องถ่าย Pre-Wedding วันไหน เข้าไปดูชุดแต่งงานวันไหน มีคิวต่าง ๆ อย่างไรบ้าง เรื่องไหนต้องดำเนินการให้เสร็จเมื่อไหร่ และอีกส่วนหนึ่ง คือ ต้องมีคนรันและปล่อยคิวงานวันจริงครับ เช่น ช่วงไหนพิธีกรต้องขึ้น ช่วงไหนต้องปล่อยคิวให้บ่าวสาวเดินเข้างาน ช่วงไหนต้องถ่ายภาพหน้าซุ้มกับแขก คนที่จัดการงานเหล่านี้ มักจะเป็นฝั่งครอบครัวของบ่าวสาว หรือคนสนิทของบ่าวสาวที่มีสกิลการจัดการที่น่าไว้วางใจครับ บางคู่อาจจะจ้าง Wedding Organizer ไปเลยเพื่อจะได้มีคนดูแลการดำเนินงานในวันจริงโดยไม่ให้มีอะไรติดขัดและผิดพลาดครับ
พิธีกร ดนตรี แสงสีเสียงสำหรับวันงาน
สำหรับการเตรียมงานแต่งข้อสุดท้ายที่เจ้าบ่าวน่าจะช่วยได้ดี คือ เรื่องแสงสีเสียงและพิธีกรในวันงานครับ พูดถึงในส่วนพิธีกร เจ้าบ่าวหลายงานมักจะหาจาก Connection เป็นหลัก บางคนก็เชิญเพื่อนที่พูดเก่ง ๆ มาเป็นพิธีกรให้ บางคนหากมีคนรู้จักที่เคยทำงาน MC มาก็จะติดต่อจ้างงานไปครับ แต่ถ้าไม่มีคนรู้จักที่ถนัดด้านนี้ก็ลองถามคนใกล้ตัวที่จัดงานแต่งงานไปแล้วดูครับว่าเขาให้ใครมาเป็นพิธีกรงานแต่งเผื่อว่าจะได้ตัวเลือกดี ๆ มาเพิ่ม แต่ตำแหน่งพิธีกรในงานแต่งสำคัญนะครับ เพราะจะเป็นคนดำเนินงาน ทำให้บรรยากาศสนุก ไม่กร่อย ฉะนั้นการเลือกคนที่เป็น Professional ในระดับหนึ่งจะดีกับงานมากกว่า
ส่วนเรื่องดนตรี แบ่งได้เป็นวงดนตรีเล่นสด และเพลงพร้อม Backing track สำหรับเปิดในงาน สำหรับวงดนตรี หากงบถึงจะจ้างวงดนตรีหรือนักร้องที่เจ้าสาวหรือตัวเองชอบก็ได้ครับ หรือจะจ้างวงดนตรีทั่วไปที่ถนัดเล่นในงานแต่งงานก็ได้เช่นกัน โดยสามารถดูผลงานผ่านเว็บที่รวมวงดนตรีอย่าง myband ที่จะมีบอกเรทในการจ้างพร้อมคิววันว่างเอาไว้แล้วครับ
และส่วนของเพลงเปิดในงาน เรามั่นใจว่าเจ้าบ่าวสามารถเตรียมเองได้ครับ เพราะคนที่จะรู้ว่าบทเพลงที่มีเรื่องราวและความทรงจำระหว่างทั้งสองมีเพลงใดบ้างนั้นก็คือตัวเจ้าบ่าวเอง ซึ่งการเลือกเพลงที่เปิดในงานนั้นก็เป็นตัวช่วยลีดบรรยากาศวันแต่งงานได้ดีเลยครับ โดยเพลงที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะคนจะตั้งใจฟังมาก คือ เพลงเปิดตัวที่บ่าวสาวเดินเข้างาน และตอนตัดเค้กนั่นเอง
สุดท้ายแล้ว วันแต่งงานก็เป็นวันที่สำคัญของทั้งบ่าวสาว และนอกจากการ เตรียมงานแต่งงาน แล้ว เจ้าบ่าวก็ต้องแบ่งเวลาเอาไว้สำหรับ การเตรียมเป็นเจ้าบ่าว ด้วยนะครับ ดูแลเรื่องผิวและสุขภาพก่อนถึงงานอย่างไร หาเทคนิคเลือกสูทเจ้าบ่าว รู้ว่าควรใส่รองเท้าเจ้าบ่าวระดับไหน เมคอัพแบบใดที่จะเสริมลุคของตัวเองวันจริงให้ดูดี ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เจ้าบ่าวควรศึกษาไว้อย่างละเอียดครับ