ความขยันตั้งใจและรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้ชายทุกคนควรมี แต่ถ้ามันมากเกินไปจนเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า “คุณบ้างานเกินไปแล้ว” และควรที่จะเพลาๆเรื่องงานลงไปบ้าง เพื่อหันไปดูแลชีวิตของตัวเองในแง่มุมอื่นๆนอกเหนือจากงาน ถือเป็นการปรับสมดุลให้ชีวิตของตัวเองครับ ส่วนจะมีสัญญาณอะไรบ้างนั้น ตาม MenDetails ไปดูกันทีละข้อได้เลยครับ
คุณไม่มีเวลาที่จะวางแผนชวนแฟนหรือภรรยาไปเที่ยวด้วยกัน
ผู้ชายที่รักและคิดถึงแฟนหรือภรรยาของตัวเองเหมือนเดิม แต่กลับเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งลงวางแผนหาร้านอาหารดีๆ หรือสถานที่สวยๆ เพื่อชวนแฟนหรือภรรยาของตัวเองให้ไปด้วยกัน เพราะมัวหัวปั่นอยู่กับงานแทบตลอดเวลา แล้วพอมีเวลาว่างก็อยากที่จะพักผ่อนให้เต็มที่มากกว่าที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ กับใครเขาอีก สถานการณ์นี้เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังทำงานหนักเกินไป จนไม่สามารถหาจุดสมดุลระหว่างเรื่องงานกับเรื่องความรักส่วนตัวได้ แต่ผู้หญิงบางคนอาจพยายามทำความเข้าใจ แต่เธอเองย่อมอยากจะได้รับเวลาและความเอาใจใส่จากคุณบ้างเช่นกัน หากคุณไม่มีสิ่งเหล่านั้นให้เธอ นานวันเข้าความรักก็จะจืดจางลงในที่สุด หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น คุณควรใส่ใจกับสัญญาณเตือนนี้แล้วรีบหาทางจัดการแบ่งเวลาเสียใหม่ก่อนที่คุณจะเสียเธอไปนะครับ
เป้าหมายชีวิตในอนาคตของคุณมีแต่เรื่องงานและเรื่องเงิน
ผู้ชายทุกคนควรมีเป้าหมายชีวิตเป็นของตัวเองทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้การดำรงชีวิตของเรานั้นมีแนวทางและจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าแง่มุมในเรื่องการงานและการเงินนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆของผู้ชาย แต่ชีวิตก็มีอีกหลากหลายแง่มุม ถ้าหากคุณมีเป้าหมายชีวิตแค่เฉพาะเรื่องงานอย่างเดียว เรื่องอื่นๆนั้นคิดไม่ออก หรือยังไม่อยากจะคิดถึงมัน แบบนี้ก็เป็นสัญญาณหนึ่งเช่นกันที่กำลังบอกว่า “คุณบ้างานเกินไปแล้ว” ทางที่ดีคือคุณควรจะวางแผนการณ์และเป้าหมายที่ครอบคลุมเรื่องอื่นนอกจากงาน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว, สุขภาพ, การเล่นกีฬา และงานอดิเรกอื่นๆ เพื่อให้เป้าหมายนั้นมีประโยชน์สูงสุด และช่วยบรรเทาอาการบ้างานของตัวเองนะครับ
คุณพูดถึงเรื่องงานตลอดเวลา
การพูดถึงเรื่องงานเมื่ออยู่ในเวลางาน และอยู่ในที่ทำงาน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอะไร แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณพูดถึงแต่เรื่องงานตลอดเวลา ไม่ว่าพักเที่ยง ออกไปดื่มกับเพื่อนร่วมงานหลังเลิกงาน หรือกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว ทุกบทสนทนาที่คุณพูดก็จะวนเวียนแต่เรื่องธุรกิจการงานของตัวเองตลอด ยิ่งถ้าเมื่อไหร่คุณสามารถดึงบทสนทนาจากเรื่องอื่นวกเข้าไปเป็นเรื่องงานได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ แปลว่าอาการบ้างานของคุณนั้นหนักถึงขั้นสูงสุดไปเรียบร้อยแล้ว นั่นเพราะชีวิตยังมีเรื่องอื่นที่คุณสามารถพูดถึงได้มากมายไม่ว่าจะเป็น เรื่องดนตรี, ภาพยนตร์, การท่องเที่ยว ฯลฯ ดังนั้นคุณควรจะเพลาๆเรื่องงานลงบ้าง รู้จักเวลาว่าช่วงไหนควรจะพูดเรื่องงานและช่วงใดควรจะมีบทสนทนาอื่นๆผสมลงไปบ้างนะครับ
คุณลงมือทำงานด้วยตัวเองเสมอ แม้จะมีคนที่ทำแทนได้ก็ตาม
ผู้ชายที่ทำงานเก่ง และมีความมั่นใจในตัวเองสูง มักจะตกอยู่ในกับดักนี้ได้ง่ายๆ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตัวเองอย่างร้ายแรงโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายกลุ่มนี้จะต้องการความสมบูรณ์แบบ และมักคิดว่าพวกเขาต้องลงมือทำงานเอง งานจึงจะออกมาดีและน่าพอใจ พวกเขาไม่ค่อยไว้ใจที่จะให้คนอื่นทำงานแทนให้ ต่อให้คนๆนั้นจะมีฝีมือดีขนาดไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเขาทำเองดีกว่าอยู่ดี จึงแทบหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้ชายกลุ่มนี้มักจะต้องทำงานหนัก และทำงานตลอดเวลา และสิ่งที่จะตามมาก็คือความยากลำบากในการที่จะขยายธุรกิจ เพราะเขาจะรู้สึกว่าเขาไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงนั่นเอง หากคุณเป็นผู้ชายที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ และไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นช่วย แต่ยืนยันที่จะลงมือทำเองเสมอ แปลว่าคุณเข้าข่ายบ้างานเกินไปแล้วเช่นกัน ซึ่งผู้ชายบางคนเป็นแบบนี้มานานจนไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยตรงนี้ได้แล้ว แต่ถ้าคุณคิดว่ายังพอเปลี่ยนตัวเองได้ ก็ค่อยๆลองปรับตัวเองให้ไว้ใจให้มือดีคนอื่นทำงานแทนบ้าง เพื่อชีวิตการทำงานที่สมดุลของตัวเอง และจะดีต่อการขยายธุรกิจในอนาคตด้วยครับ
ทั้ง 4 ข้อคือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นและเป็นสัญญาณเตือนที่บอกให้คุณรู้ว่าคุณกำลังบ้างานมากเกินไปแล้ว ผู้ชายบางคนอาจคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา งานคือเงิน เงินคืองาน และเราควรให้ความสำคัญกับมันมากที่สุด ทว่า MenDetails เองก็อยากให้คุณมีสมดุลระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวด้วยนะครับ งานและเงินสำคัญก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตหรอกครับ มีเวลาดูแลตัวเอง และดูแลครอบครัวบ้าง เพื่อคุณภาพที่ดีของชีวิตในทุกๆแง่มุมจะเป็นการดีกว่านะครับผม