ต้องบอกว่าชีวิตของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังวัย 53 ปี มีความเข้มข้นและน่าสนใจ ไม่แพ้ภาพยนตร์หลายเรื่องที่เขาเล่น เพราะก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักแสดงรายได้มากที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน (2015-2017) กับจำนวนเงินเฉลี่ยสูงถึง 81 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โรเบิร์ต เคยมีชีวิตด้านมืดที่แสนเจ็บปวดมากมาย
ลูกดาราและนักแสดงเด็กที่ติดยาเสพติด
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1965 ในย่านแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นลูกของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์ นักแสดงและผู้กำกับชาวยิวผสมไอริช กับ เอลวี่ ดาวนีย์ นักแสดงชาวเยอรมันเชื้อสายสก็อตทิช มีพี่สาวคือ อัลลิสัน ดาวนีย์ นักแสดงสาวที่ตอนหลังผันตัวไปเป็นนักเขียน เรียกว่า โรเบิร์ต เกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนักแสดงอย่างแท้จริง
ชีวิตของ โรเบิร์ต พลิกผันครั้งแรกเมื่อ แม่กับพ่อของเขาหย่าร้างกันไป เขาต้องย้ายมาอยู่กับคุณพ่อในแคลิฟอร์เนีย ช่วงนั้นเองที่ภายหลัง โรเบิร์ต เปิดเผยว่า หลังเดบิวต์การแสดงครั้งแรกในหนังอินดี้ของพ่อตัวเอง เรื่อง Pound ปี 1970 ในวัย 5 ขวบ โรเบิร์ต ได้รับคำชื่นชมพอสมควรในฐานะนักแสดงเด็กหน้าตาน่ารักน่าชัง ทว่าในวัยเพียง 6 ปี โรเบิร์ต ก็เริ่มต้นเสพยาเสพติดครั้งแรก โดยเป็นการเสพกัญชาร่วมกับ โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์ พ่อของเขาในบ้าน ซึ่งพ่อของเขาได้ออกมายอมรับผิดในภายหลัง พร้อมให้เหตุผลว่า เขาเห็นพ่อตัวเองเป็นไอดอล และมองว่าการเสพยาเป็นช่องทางเดียวในการสื่อสารระหว่างพ่อลูก
ดําดิ่งสู่ด้านมืดของชีวิตจน “ติดคุก”
ปี ค.ศ. 1982 โรเบิร์ต ตัดสินใจเลิกเรียนชั้นมัธยมปลาย และย้ายกลับไปอยู่นิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นชีวิตนักแสดงเต็มตัว หลังได้เริ่มเป็นนักแสดงหลักในโรงละครบรอดเวย์ จนมีชื่อเสียงมากขึ้นจากเรื่อง Less Than Zero ภาพยนตร์แนวอาชญากรรมดราม่าปี 1987 ที่สร้างจากนิยายดัง ซึ่งเขารับบทเป็น จูเลี่ยน หนุ่มเพลย์บอยเจ้าสำราญที่ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงและยาเสพติด โดยเป็นตัวละครที่ตรงกับชีวิตของเขาในตอนนั้นที่สุดในวัย 27 ปี โรเบิร์ตขึ้นสู่จุดสูงสุดครั้งหนึ่งในอาชีพ กับบท ชาลี แชปลิน ในหนัง Chaplin ส่งผลให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก และในช่วงอายุ 28-30 ปี โรเบิร์ต มีงานแสดงภาพยนตร์ต่อเนื่องมากกว่า 10 เรื่อง
โรเบิร์ต หลงใหลไปกับชื่อเสียงเงินทองที่เข้ามาตั้งแต่ยังหนุ่ม เขาใช้ชีวิตหนักหน่วง โดยเฉพาะการสำมะเลเทเมาไปกับแสงสียามคํ่าคืน โรเบิร์ต ขยับจากเสพกัญชา ไปสู่การ เสพโคเคน จนสุดท้ายถึงขั้น เสพเฮโรอีน ที่สำคัญคือเขาติดมันจนชีวิตเริ่มพัง เสียการเสียงาน กระทั่งปี 1996 โรเบิร์ต ถูกจับในข้อหาพกพาอาวุธปืน .357 แม็กนั่ม รวมถึงมีเฮโรอีนและโคเคนในครอบครอง เขารอดคุกมาได้เพราะศาลพิพากษาโทษให้รอลงอาญาจากเส้นสายและทนายความที่มีฝีมือ แต่ในปี 1997 โรเบิร์ต ก็ไม่รอดซังเต จากการละเมิดการตรวจทดสอบสารเสพติดในร่างกายของศาล อีกทั้งไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ตามนัด จึงถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนทันที แถมในปี 1999 โรเบิร์ต ก็ถูกจับอีกครั้งในข้อหาละเมิดนัดตรวจสารเสพติดจากเจ้าหน้าที่ ศาลสั่งจำคุกเขา 3 ปี โชคดีที่หลังจากใช้ชีวิตที่คุกที่แคลิฟอร์เนียร์เกือบ 1 ปี ทนายความก็สามารถวิ่งเต้นจนพาเขาออกมาจากคุกได้ ภายหลัง โรเบิร์ต เคยลุกหนีจากวงสัมภาษณ์ของสื่อ เพราะถูกจี้ถามถึงเรื่องชีวิตในช่วงที่ติดยาจนตกตํ่า
เริ่มกลับตัวกลับใจและสร้างโอกาสให้ตัวเอง
ในปี 2003 ผู้คนเริ่มลืมเลือนชื่อของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จากผลงานแสดง แต่คุ้นเคยกับชื่อของเขาในข่าวฉาวต่างๆ จึงแทบไม่มีบทหรือหนังดีๆส่งมาถึงมือเขาเลย จู่ๆวันหนึ่ง โรเบิร์ต ระหว่างนั่งกินเบอร์เกอร์คิงอยู่ที่บ้าน เมื่อได้ทบทวนถึงชีวิตเหลวแหลกที่ผ่านมาของตัวเอง เขาก็รู้สึกสำนึกผิด โรเบิร์ต ตัดสินใจที่จะกลับตัวเป็นคนดี เริ่มต้นด้วยการเลิกยาเสพติดอย่างเด็ดขาด วันนั้น โรเบิร์ต ขับรถที่เต็มไปด้วยยาเสพติด ก่อนจะทิ้งยาเสพติดทั้งหมดที่มีลงทะเล หลังจากนั้นเขาก็หันหลังให้ยาเสพติดทุกประเภท (หลังบทสัมภาษณ์ถึงการเลิกยาของเขาเผยแพร่ไป โรเบิร์ต ก็ได้รับสิทธิพิเศษทานอาหารร้าน Burger King ฟรีตลอดชีวิต )
ต้องขอบคุณ เมล กิ๊บสัน เพื่อนสนิทในวงการบันเทิงเพียงไม่กี่คนของ โรเบิร์ต ที่ทราบข่าวและพยายามติดต่อหางานแสดงให้กับเขา แม้ว่าจะเป็นบทรองๆ นักแสดงสมทบ ตัวละครเล็กๆในเรื่อง แต่ โรเบิร์ต ก็ลดอีโก้ตัวเองลง ไม่เกี่ยงงอนที่จะเล่นหนังหลากหลายแนว เพื่อสร้างโอกาสของตัวเองบนเวทีฮอลลีวู้ดอีกครั้ง กระทั่ง โรเบิร์ต ได้รับบทเด่นอีกครั้งในหนังสืบสวนชื่อดังอย่าง Zodiac ผลงานที่ฉายความสามารถในการแสดงของเขา จนค่าย Marvel studios เสนอบท โทนี่ สตาร์ค หรือ Iron Man ภาพยนตร์เรื่องแรกของค่ายในปี 2008 (ต้องขอบคุณ ทอม ครูซ ที่ปฏิเสธบทนี้ไปก่อนที่ โรเบิร์ต จะได้รับส้มหล่นเป็นตัวเลือกใหม่ของมาร์เวล )
ไอร์ออนแมน บทบาทพลิกชีวิต
การตัดสินใจรับบท ไอร์ออนแมน ของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ถือเป็นการพลิกชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ของเขา จากนักแสดงรุ่นใหญ่ตกอับเพราะติดยา ตัวละครไอร์ออนแมนได้สร้างภาพลักษณ์และให้ชีวิตใหม่กับเขา จนกลายมาเป็น มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ติดอันดับลิสต์ Top 10 ดาราค่าตัวแพงสุดในโลกทุกปี โดยใน Ironman 3 โรเบิร์ต ได้รับค่าตัวมากถึง 48 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะรับเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการปรากฏตัวในหนัง Spider-Man: Homecoming เพียง 15 นาที และใน Avengers : Endgame หนังฟอร์มยักษ์ที่สุดของปี 2019 เขาก็ยังคงเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในเรื่อง รับเงินไปประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ภาคที่ โรเบิร์ต มีรายรับมากสุดคือ Avenger : Infinity War ประมาณเกือบ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ) พร้อมยึดตำแหน่งนักแสดงค่าตัวแพงที่สุดของค่าย Marvel studios
ทั้งนี้ จากกระแสความนิยมของภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ติดอันดับตารางบ็อกซ์ออฟฟิศแทบจะทุกเรื่อง แน่นอนภาพยนตร์ที่สร้างรายได้ให้ โรเบิร์ต มากที่สุดก็คือ เฟรนไชส์ Avenger ที่ส่งให้ โรเบิร์ต ติดอันดับ 3 นักแสดงทำรายได้สูงสุดตลอดกาลให้วงการภาพยนตร์ ซึ่งจากการแสดงหนังไปทั้งหมด 55 เรื่อง เขาทำรายได้รวมให้กับแวดวงฮอลลีวู้ดไปกว่า 4,960.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรองเพียง แฮร์ริสัน ฟอร์ด กับ แชมมวล แอล แจ็คสัน เท่านั้น ซึ่งรายได้เกือบทั้งหมดของเขามาจากการเล่นบท ไอรอนแมน ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา จน โรเบิร์ต เคยพูดติดตลกว่า ผู้คนรู้จัก โทนี่ สตาร์ค มากกว่ารู้จักตัวเขาเสียอีก
ชีวิตส่วนตัวกับการเป็นคุณพ่อ
ด้านชีวิตส่วนตัว นอกจากหน้าตาดี มีความสามารถเรื่องการแสดง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังเล่นเปียโน กีตาร์ และกลองได้ด้วย เรียกว่าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่งของฮอลลีวู้ด เคยออกเดทกับซาร่า เจสสิก้า ปาร์คเกอร์ และมีข่าวกับนักแสดงสาวมากมาย แต่สาวที่ครองใจเขาจนถึงขั้นตกลงปลงใจแต่งงานก็คือ เดบอราห์ ฟอลคอนเนอร์ นักแสดงสาวชาวสหรัฐฯ พิธีสมรสของทั้งสองเกิดขึ้นในปี 1992 พวกเขามีลูกชายด้วยกัน 1 คนคือ อินดิโอ แต่ต่อมา โรเบิร์ต กับ เดบอราห์ ก็หย่าร้างกันในปี 2004 เรื่องนี้ถือเป็นหลุมดำในใจของ โรเบิร์ต เพราะต่อมาลูกชายคนโตของเขาก็ถูกจับในคดียาเสพติดเหมือนกับตัวเอง โดย โรเบิร์ต ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า การติดยาของเขากับลูกชายอาจเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรม ซึ่ง โรเบิร์ต ยืนยันว่า ปัญหาของลูก ก็คือปัญหาของครอบครัว เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกชายคนโตให้ผ่านพ้นเรื่องราวเลวร้ายไปด้วยกัน
หลังล้มเหลวในชีวิตคู่ ครองตัวเป็นโสดมาหลายปี โรเบิร์ต ก็พบรักครั้งใหม่กับ ซูซาน เลวิน นักแสดงสาวรุ่นน้องที่เจอกันในกองถ่ายหนังเรื่อง Gothika ปี 2003 และเขาตัดสินใจแต่งงานกับเธอด้วยพิธีชาวยิวในปี 2005 ที่นครนิวยอร์ก ทั้งคู่มีลูกชายกับลูกสาวด้วยกันคือ เอ็กซ์ตัน ดาวนีย์ และ เอวรี่ ดาวนีย์ ทุกวันนี้ โรเบิร์ต พยายามลดเวลาทำงาน และทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัว รวมถึงลูกๆทุกคนมากขึ้น โดยภาพที่หลายคนไม่คิดว่าจะเห็นก็คือ การที่เขาเลี้ยงดูลูกเล็กๆทั้งสองคนด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน โรเบิร์ต ก็ยังเป็นนักแสดงใจบุญคนหนึ่ง โดยหลายปีที่ผ่านมาเขาสละเงิน เวลา มาช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ที่กำลังป่วยโรคร้ายหลายคน ไม่ว่าจะเป็น การทำกิจกรรมผ่านทางมูลนิธิต่างๆ การทำแคมเปญผ่านทางสื่อโซเชี่ยลมีเดีย หรือ การเดินทางไปเยี่ยมแฟนคลับเด็กๆแบบเป็นส่วนตัวถึงบ้าน
นักแสดงคนเดียวที่ได้อ่านบท Avengers : Endgame ทั้งเรื่อง
Avengers : Endgame ที่กำลังจะเข้าฉายทั่วโลกในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ (ในไทยฉายวันแรก 24 เมษายน) ได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่จะทำลายสถิติหลายอย่าง โดยเฉพาะรายได้ เนื่องจากขนาดหนังยังไม่ฉาย ยังทำสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ขายตั๋วล่วงหน้าวันแรกได้สูงสุดในโลกไปแล้ว ถึงขั้นสร้างปรากฏการณ์เว็บไซต์ล่มในสหรัฐฯ แฟนคลับจำนวนมากไปตั้งแคมป์ข้ามคืน รอต่อคิวยาวเหยียดในช่วงเช้า เพื่อที่จะได้ตั๋วมาดูหนังเรื่องนี้ก่อนใครในโลก
เมื่อดูจากตัวอย่างที่ปล่อยออกมาต้องยอมรับว่า ไอร์ออนแมน ยังคงมีความโดดเด่นที่สุดในเรื่อง ซึ่งมีข่าวลือว่า Avengers : Endgame อาจเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายของเขากับการรับบทตัวละคร โทนี่ สตาร์ก หรือ ไอรอนแมน โดยอิทธิพลของเขาที่มีในหนังชุดนี้และค่ายมาร์เวล นอกจากเรื่องรายได้ โรเบิร์ต ยังเป็นนักแสดงคนเดียวใน Avengers : Endgame ที่ได้รับความไว้วางใจให้อ่านบทภาพยนตร์ทั้งเรื่อง จากคำให้สัมภาษณ์ของ แอนโทนี่ กับ โจ รุสโซ่ ผู้กำกับ โดยทั้งสองคนยืนยันว่า นักแสดงคนอื่นๆจะได้รับบทหนังไปเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวละครของตัวเอง เพื่อป้องกันความลับของหนังรั่วไหล มีเพียง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากค่ายหนังที่สุด (ในช่วงที่ หนัง Avengers: Infinity War กำลังจะเข้าฉายมีข่าวว่า โรเบิร์ต คือคนที่เขียนสคริปต์ปลอมให้กับนักแสดงคนอื่นๆอ่าน เพื่อปั่นหัวเพื่อนๆไม่ให้หลุดเผลอเล่าถึงเนื้อหาจริงๆของหนังให้คนนอกฟัง )
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ใช้ชีวิตที่โลดโผนพอสมควร เขามีความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่น่าเอาเป็นแบบอย่างคือ เขายอมรับและแก้ไข ดึงตัวเองออกมาจากก้นเหว หาทางออกมาจากป่าลึกได้ด้วยตัวเอง แถมยังโชคดีกลับมาประสบความสำเร็จบนพรมแดงอย่างงดงาม ซึ่งน่าชื่นชมในแง่ของการเป็นบทเรียนให้กับใครหลายคนว่า ถึงจะเคยติดยาเสพติด ติดคุก หรือทำความผิดอะไรมาก็ตาม แต่หากคุณไม่ยอมแพ้ และใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง คุณก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เหมือนกับ โรเบิร์ต ที่มีชีวิตใหม่อีกครั้งในตอนอายุ 50
ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/robertdowneyjr