อ่านหัวข้อแล้วหลายคนอาจจะสงสัย ว่าเป็นไปได้ด้วยหรือที่จะมีใคร “ออกกำลังกายมากเกินไป” เพราะที่เคยเจอก็มีแค่คนที่อยากออกกำลังกายให้มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง แต่ความจริงแล้วมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลยที่ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ชนิดที่เรียกว่า “เสพติดการออกกำลังกาย” ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เรียกว่า ‘Over Exercise’ การออกกำลังกายจะส่งผลเสียตีกลับสู่ร่างกายและจิตใจได้เช่นกัน ว่าแต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่เราออกกำลังกายมากเกินไปแล้ว? MenDetails มีสัญญาณเตือน 5 ข้อมาฝากให้ไปตรวจเช็คกันครับ
อาการเซื่องซึมหลังออกกำลังกาย
ความรู้สึกที่ดีหลังการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ควรจะเป็นความรู้สึกโล่งสบาย สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และยังพร้อมที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อได้ไม่ยากหลังจากที่พักเหนื่อยเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเราออกกำลังกายมากไปและบ่อยครั้งเกินไปจนกระทั่งเกิดความรู้สึกเซื่องซึม, อ่อนเพลีย, ง่วงนอนจัด และไม่อยากทำอะไรต่อทั้งสิ้น นั่นคือสัญญาณอันตรายที่บอกว่าเรากำลังเข้าสู่โหมด Over Exercise แล้วล่ะครับ
ก้าวขาไม่ออก
จากที่เคยก้าวขาวิ่งได้อย่างสบายๆ ไม่มีอะไรติดขัด แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับรู้สึกว่าวันนี้ “ขาหนัก” ราวกับว่ามีอะไรมาถ่วงไว้จนก้าวขาแทบไม่ออก หรือแขนไม่สามารถยกน้ำหนักเดิมที่เคยยกได้แบบสบายๆ อีกต่อไปแล้ว นี่คือสัญญาณอันตรายที่ร่างกายพยายามบอกกับเราว่า “พักบ้างเถอะเพื่อน”
ป่วยง่ายและป่วยนาน เหมือนคนไม่ได้ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายแต่พอดีจะช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ทำให้ไม่ป่วยง่าย หรือถึงแม้เจ็บป่วยไม่สบายก็จะสามารถหายจากอาการเหล่านั้นได้เร็วขึ้น แต่ถ้ายามใดที่เรา Over Exercise หรือออกกำลังกายมากเกินไป ผลตีกลับของมันจะเป็นไปในทางตรงข้าม เพราะร่างกายจะอ่อนแอลงจนกลายเป็นทำให้เราป่วยง่ายขึ้น และไม่ยอมหายสักที ราวกับเป็นคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำไป หากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายเยอะ แต่เป็นหวัดบ่อย อาจต้องระวังเรื่องนี้ไว้บ้างแล้วนะครับ
บาดเจ็บง่าย และเจ็บนานขึ้น
คล้ายๆ กับอาการป่วย นั่นคืออาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย เช่น เจ็บกล้ามเนื้อ, เจ็บเข่า, เจ็บหัวไหล่ ฯลฯ อาการเหล่านี้จะเกิดบ่อยขึ้น อีกทั้งเมื่อบาดเจ็บแล้ว ร่างกายกลับต้องใช้เวลาฟื้นตัวเองนานขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็น ผู้ชายบางคนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น แต่ความจริงอาจเกิดจากการที่คุณหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปก็เป็นได้
ไม่มีสมาธิทำงานอื่น
บางครั้งผลกระทบไม่ได้เกิดที่ร่างกายอย่างชัดเจน แต่กับเกิดขึ้นภายในจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่สังเกตได้ยาก แต่ลองตรวจสอบสภาพจิตใจตัวเองสักหน่อยว่าการออกกำลังกายที่คุณทำอย่างหนักหน่วงทุกวันนี้นั้น มันทำให้คุณรู้สึกมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตน้อยลงหรือไม่ วันๆ คิดแต่จะออกกำลังกายหรือเปล่า และเมื่อออกกำลังกายเรียบร้อยแล้ว เราสามารถกลับมาสู่โหมดการทำงานในเวลาต่อมาได้ง่ายและเร็วแค่ไหน หากเราประสบปัญหาดังกล่าวจนทำให้ทำงานช้าลง งานเสร็จช้าและไม่มีประสิทธิภาพ ก็คงถึงเวลาที่ต้องปรับตัวเองแล้วนะครับ
เรื่องของการออกกำลังกายนั้น ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่คือ “ความขี้เกียจ” จนไม่สามารถที่จะสร้างวินัยในการออกกำลังกายให้กับตัวเองได้ แต่ปัญหาสำหรับผู้ชายบางคนกลับอยู่ที่การทุ่มพลังงานให้กับมันมากเกินไป จนส่งผลเสียในระยะยาว เราอาจบาดเจ็บ หรือป่วยนานเกินไป จนกระทั่งเลิกออกกำลังกายไปเลยก็เป็นได้ ทางที่ดีเราควรสังเกตข้อผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการ “ออกกำลังกายมากเกินไป” เพื่อสร้างสมดุลให้กับตัวเอง ให้เราสามารถสร้างวินัยในการออกกำลังกายได้อย่างพอดีไปเรื่อยๆ จะเป็นการดีกว่าครับ