“Passion” คือสิ่งหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ใฝ่หา เพราะมันเหมือนชนวนที่ช่วยผลักดันพลังงานบางอย่างในตัวให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง แต่ก็มีน้อยคนครับที่จะลองวิ่งตามฝันนั้นแบบสุดตัว วันนี้เราได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับช่างภาพอิสระ ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานภาพงาน Concert ต่างๆ ของ GREASY CAFÉ กับบท สัมภาษณ์ อูฐ Camelcut ที่ต่อให้อะไรในชีวิตจะเปลี่ยน แต่ “บางอย่างไม่เคยเปลี่ยน”
MDs’ : สวัสดีครับพี่อูฐ เริ่มต้นก่อนเลย อยากให้ช่วยแนะนำตัวสักนิดครับผม
คุณชาคริต : ก็ชื่อ ชาคริต ลีลาชูพงษ์ ตอนนี้ก็ทำอาชีพช่างภาพ Concert เป็นหลักครับ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำอาชีพนี้มาก่อนเลยนะ ออกจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความชอบหล่ะมั้ง ทำให้พยายามจนมาถึงจุดนี้ จุดที่เรามากลายเป็นช่างภาพเต็มตัว
-ผลงานบางส่วนของคุณอูฐ ชาคริต-
MDs’ : งั้นก่อนหน้านี้ทำอะไรมาก่อนครับพี่อูฐ เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยฮะ
คุณชาคริต : จริงๆ ตั้งแต่ตอนเรียนจบละ เราก็อยากจะลองออกมาถ่ายรูปเล่นดู คือมันมีเหตุผลมาตั้งแต่เด็กๆ ละนะ เพราะชอบเที่ยวไง เลยชอบถ่ายรูปตามไปด้วย แต่คุณพ่อก็อยากจะให้ทำงานบริษัทดูก่อน เพื่อให้ชีวิตมั่นคง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีนะ ตัวเราเองก็เลยลองไปสมัครทำงานบริษัทดู จนได้งานทำในร้านหนังสือ และเอาเข้าจริงคือตอนนั้นเราดีใจมากนะ เพราะคิดแค่ว่า เราจะได้มีโอกาสได้ไปนั่งเปิดอ่านหนังสือในโซนการถ่ายภาพนั่นแหละ แต่สุดท้ายก็ไม่มีเวลาอ่านเลยสักครั้งเดียว เพราะยุ่งมาก จนเรารู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เลยตัดสินใจลาออกจากงานนั้น
MDs’ : ตอนตัดสินใจลาออกจากงานนี่ “คิดนานมั้ยครับ”
คุณชาคริต : คิดไม่นานนะ คือทำงานที่ร้านหนังสือเนี่ย เราก็ทำได้อยู่ราวๆ 5-6 เดือน ก็เริ่มคิดกับตัวเองแล้วว่า มันใช่สิ่งที่เราอยากทำหรือเปล่า ซึ่งคำตอบในหัวของเรามันก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ก็อย่างที่เล่าไปว่าเราชอบงานถ่ายภาพ ที่มาลองทำก็เพราะอยากลองดูว่าชีวิตบริษัทมันโอเคจริงไหม พอมันไม่เป็นอย่างที่คิด ก็เลยตัดสินใจลาออกเลย
MDs’ : ช่วงหลังๆ มานี้ ใครๆ ก็บอกให้ตามหา Passion ของตัวเองแล้วเดินตามสิ่งนั้นไป แต่ก็อยากรู้อยู่ดีว่า “มันต้องแลกกับอะไรบ้าง”ในมุมมองของ อูฐ Camelcut
คุณชาคริต : ผมคิดว่าสิ่งที่คุณชอบอะ มันทำให้คุณทำงานตลอดเวลานะ หมายความว่า เราจะสนุกจนไม่จำกัดเวลาว่าต้องทำตอนกี่โมงถึงกี่โมง เราจะทำมันตลอด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนหลับแล้วก็จะวนกลับขึ้นมาใหม่ เพราะเราชอบมันไง นั่นแหละคือ Passion จริงๆ สิ่งที่แลกก็คือ “เวลา” เพราะคุณอาจมีเวลาในการทำอย่างอื่นน้อยลงแบบไม่รู้ตัว จริงๆ จะมองว่าเป็นข้อดีก็ได้นะ เพราะเราสามารถบริหารเวลาได้เอง แต่มันก็คือข้อเสียในทางกลับกัน อย่างตัวผมเคยมีแฟนมาก่อน ช่วงเวลาการทำงานเราก็ค่อนข้างดึกเพราะถ่าย Concert ตื่นก็สายแล้ว มันก็ทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาได้
MDs’ : มีจุดที่เคยท้อมั้ยครับกับทางที่เลือกเดิน
คุณชาคริต : มีนะ ผมว่าทุกคนก็ต้องมีแหละ อย่างผมจะเป็นช่วงปีแรกที่ลงมาทำแบบเต็มตัว เนื่องจากเราได้มีโอกาสตามพี่เล็ก GREASY CAFÉ และถ่ายรูปพี่เขาในงาน Concert ต่างๆ มันก็เหนื่อยมากสำหรับก้าวแรกของเรานะ ช่วงนั้นก็ใช้เงินเก็บไปเกือบหมด เพราะตลอด 1 ปีเต็มๆ ก็ต้องใช้เงินสำหรับการเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร มันก็เริ่มเหนื่อย เริ่มท้อเป็นปกติ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ ก็ยังนั่งทำงานสายนี้อยู่จนถึงวันนี้
MDs’ : หากย้อนกลับไปเลือกใหม่ได้ “จะยังคงเลือกทางเดินนี้ไม่เปลี่ยน?”
คุณชาคริต : ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตแล้วหล่ะ ไม่เปลี่ยนใจแน่นอนครับ
MDs’ : หากต้องการติดตามผลงานของพี่ มีช่องทางไหนบ้างครับ
คุณชาคริต : ก็ติดตามได้จากช่องทาง Social Media เป็นหลักเลยครับ อย่าง Facebook Page : Camelcut และ Instagram : Camelcut เช่นเดียวกัน
MDs’ : สุดท้าย อยากให้พี่อูฐฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากจะก้าวออกมาทำในสิ่งตัวเองรักสักหน่อย
คุณชาคริต : เริ่มเลยครับ ไม่ต้องรอ เพราะเวลามันไม่เคยรอเราจริงๆ ถ้าน้องมั่นใจและค้นเจอ Passion ของตัวเองจริงๆ ก็อยากให้ออกมาวิ่งตามความฝันก็มันดู เอาให้เต็มที่ จะได้ไม่เสียใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีไฟ มีแรง แต่ไม่ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบสักที มันอาจจะแลกมากับความเหนื่อย และท้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่ถ้ามันใช่ ผมเชื่อว่า “คุณจะฝ่าฟันมันไปได้”
นี่คืออีกหนึ่งท่านที่เราชาว MenDetails อยากให้คุณได้ติดตาม เพราะเราเชื่อว่า มุมมองการใช้ชีวิตของเขาน่าจะเป็น แรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับคุณได้แน่ๆ กับ Passion ที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน กับคุณอูฐ ชาคริต ลีลาชูพงษ์ คนนี้
ขอขอบคุณร้าน วิ มา ลิน ที่เอื้อเฟื้อสถานที่สำหรับการสัมภาษณ์และถ่ายภาพด้วยนะครับ