เชื่อว่าเราทุกคนล้วนมีเป้าหมายบางอย่างในชีวิต ที่เราอยากทำให้สำเร็จ แต่เมื่อคนเราเติบโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เราค่อย ๆ ลืมเลือนเป้าหมายเหล่านั้นไป เรามีข้ออ้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา โอกาส หรือ ความสามารถที่เราเรียกว่า พรสวรรค์ แต่เชื่อไหมครับว่า วิธีประสบความสำเร็จ จริง ๆ แล้วนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ไม่นานนี้ MenDetails ได้ดูคลิป TEDx Talks เก่า ย้อนไปประมาณ 3 ปีที่แล้ว ของชายชื่อว่า Stephen Duneier มาพูดเรื่อง “How to Achieve Your Most Ambitious Goals” เขาพูดถึง วิธีประสบความสำเร็จ ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้อย่างน่าสนใจ และไม่ใช่เรื่องยากเกินที่เราจะทำตาม วิธีของเขาคืออะไรนั้น มาดูกันครับ
ใครคือ Stephen Duneier
ก่อนที่จะไปรู้วิธีประสบความสำเร็จของ Stephen Duneier สิ่งแรกที่เราสงสัย ก็คงเป็นไม่พ้นเรื่องที่ว่า “เเล้วชายคนนี้เป็นใคร?” เขามีผลงาน หรือทำอะไรที่น่าเชื่อถือบ้าง
Stephen Duneier มีชื่อเสียงจากหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักเขาในแง่มุมไหน เเต่หากให้พูดทั้งหมด เขาเป็นทั้ง ผู้จัดการการลงทุนมืออาชีพ, ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์, นักพูด, นักเขียน, อาจารย์, ศิลปินผู้สร้างงานศิลปะขนาดใหญ่ หรือเเม้กระทั่ง ผู้ถือครองสถิติ Guinness World Record ในการถักโครเชต์ granny square ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นี่ยังไม่นับความสามารถพิเศษเเละงานอดิเรก เช่น พูดภาษาเยอรมัน, Parkour, ขับเฮลิคอปเตอร์, ปีนเขา, ตีกลอง มากมายเหลือจะกล่าว
คงเรียกได้เต็มปากว่า หากมองจากมุมมองของคนทั่วไปแล้ว เขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง แล้วอะไรที่สามารถทำให้คน ๆ นึง ประสบความสำเร็จได้มากมายขนาดนี้ โอกาส? ความสามารถ? เปล่าเลย เพราะเขาพูดเสมอว่า เขาเป็นเด็กที่เรียนได้ C C- แถมยังสมาธิสั้นไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นานนัก แต่มันคือ การมองเป้าหมายเหล่านั้น การตัดสินใจ และหาวิธีในการทำมันให้สำเร็จ ต่างหาก ที่สำคัญ
วิธีประสบความสำเร็จ ฉบับ Stephen Duneier
“ยกมือให้ผมดูหน่อย ว่ามีสักกี่คนที่คิดว่าสามารถวาดภาพของ Brad Pitt ภาพนี้ ด้วยดินสอกับกระดาษได้?” นี่คือสิ่งแรกที่ Stephen Duneier พูด เมื่อเขาขึ้นเวที TEDx Talks เเละโชว์รูปขาวดำของนักเเสดง Brad Pitt ให้ดู
“เอาล่ะ ผมจะทำให้พวกคุณดูว่ามันทำยังไง และในการทำให้พวกคุณดู ผมจะมอบทักษะที่จำเป็นในการเป็นศิลปินระดับโลกให้พวกคุณด้วย และมันจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วินาที” ต่อมาสิ่งที่เขาโชว์ให้ทุกคนดู คือภาพสีเหลี่ยมจัตุรัสสีเทาง่าย ๆ ภาพหนึ่ง พร้อมถามว่า “คุณคิดว่าคุณสามารถวาดภาพนี้ออกมาได้ไหม” หลังจากนั้น ภาพสีเหลี่ยมสีเทา กลายเป็นสองช่อง สามช่อง ขยายออกมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นภาพของ Brad Pitt
สิ่งที่ Stephen Duneier ต้องการจะบอกคือ ในการทำตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าเรามีความพิเศษ หรือพรสวรรค์หรือไม่ แต่มันคือการที่เรามองปัญหาและตัดสินใจกับมันยังไงต่างหาก เพราะในการตัดสินใจเล็ก ๆ ของเราในเเต่ละวัน จะส่งผลให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นทีละน้อย ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
จากสิ่งเล็ก ๆ สู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ตัวอย่างของการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ Stephen Duneier เล่าถึงตัวเขาเอง ในการเรียนภาษาเยอรมัน เขาเล่าว่าเขาเสียเวลากับการเดินไปกลับจากที่ทำงาน ในตอนเช้า 45 นาที ตอนเย็นอีก 45 นาที รวมเป็น 1 ชั่วโมง 30 นาที ทำให้ใน 1 ปี เขาเสียเวลาไปเปล่า ๆ กับการเดินทางถึง 360 ชั่วโมง
เขาจึงไปซื้อซีดีสอนภาษาเยอรมันมาฟังตอนเดินไปทำงาน เเทนการฟังเพลง ผ่านไป 10 เดือน เขาฟังซีดีทุกเเผ่นจบถึง 3 รอบ และไปเข้าคอร์สเรียนภาษาเยอรมันที่กรุงเบอลินอีก 16 วัน ผลลัพธ์คือ เขาสามารถสื่อสารภาษาเยอรมันได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้เขายังใช้มันในการเรียน ทำให้กลายเป็นคนที่เรียนได้เกรด A ในช่วงการเรียนมหาวิทยาลัย การทำงาน ไปจนถึงการเรียนทักษะพิเศษใหม่ ๆ ในแต่ละปี จนเป็นคนที่เราเห็นว่าประสบความสำเร็จในตอนนี้
เขาย้ำว่า เขายังเป็นคนเดิม ที่ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นาน เป็นเด็กที่เคยเรียนได้ C C- คนเดิม นี่เป็นตัวอย่างของ การแบ่งเป้าหมายที่ดูยุ่งยาก ให้เป็นส่วนเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ จนไปถึงเป้าหมายสูงสุด
Marginal gain กับการพัฒนาให้ดีขึ้น 1% ในทุก ๆ วัน
มาถึงตอนนี้ หลายคนยังอาจจะคิดว่ามันยังเป็นเรื่องยาก แต่หากว่ากันจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เราขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับคำว่า Marginal gain ที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในระยะยาว
นี่เป็นวิธีที่ Sir Dave Brailsford ผู้จัดการทีมจักรยานมืออาชีพ ที่ชื่อว่า Team Sky ของประเทศอังกฤษในปี 2010 ใช้ในการพัฒนาทีม เขาเชื่อว่าการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ อย่างละนิดให้กับทีม จะช่วยทำให้ทีมนักปั่นอังกฤษมีศักยภาพเพิ่มขึ้นได้ แม้เรื่องเหล่านั้นมักถูกมองข้ามจากคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลอาหาร การนอนของนักกีฬา ปรับปรุงโปรแกรมการฝึก ทุกอย่างที่เขาทำ ส่งผลให้ทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เขาเชื่อว่า ทุกอย่างที่เขาทำ จะช่วยให้ Team Sky คว้าเเชมป์รายการ Tour de France ได้ในเวลา 5 ปี แต่เชื่อไหมว่า มันใช้เวลาแค่ 3 ปีเท่านั้นเองครับ และทำให้ Team Sky กลายเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันรายการนี้ได้
วิธีของ Stephen Duneier และ Sir Dave Brailsford เหมือนกันตรงที่ พวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เป้าหมายสุดท้ายโดยตรง เเต่พวกเขาหาวิธีจัดการ หาวิธีมองเป้าหมาย แบ่งออกมาเป็นส่วนเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปทีละน้อย จนนำไปสู่เป้าหมายสุดท้าย
The Good & The Bad
เเม้ว่าวิธีการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ให้ประสบความสำเร็จในแบบนี้ จะมีข้อดีอยู่มาก เพราะมันทำให้เราค่อย ๆ พัฒนาตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ ซึ่งส่งผลดีในระยะยาว ในขณะเดียวกัน ก็อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว วิธีนี้คงไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ
แต่ในความต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ความสำเร็จที่ได้มานั้น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ 100% หรือมีความเป็นไปได้สูงที่จะล้มเลิกไปกลางคัน เพราะมองว่าเป้าหมายนั้น ยิ่งใหญ่และยากเกินไป เราจึงอยากให้ค่อย ๆ มองเป้าหมายเป็นส่วนเล็ก ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองไปมากกว่า
เราไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เพื่อจะเก่งขึ้นอย่างทันทีทันใด และไม่ต้องน้อยใจว่าเราไม่มีพรสวรรค์ ขอแค่เราตัดสินใจที่จะเริ่มทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจ ทำมันไปทีละน้อย แล้วในที่สุด ผลลััพธ์สุดท้ายที่เราจะตั้งใจจะผลิบาน เพราะทุกการเดินทางยาวไกลนับหมื่นลี้ เริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ