-บรรยากาศร้านถือว่าเยี่ยมยอดมากจริงๆ ครับ-
ย่านอารีย์ ถือเป็นย่านที่มีบรรยากาศแตกต่างไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านอาหารต่างๆ นั้นเปิดใหม่มากมายที่อารีย์ แต่พอถึงเวลาอยากลองทานเนื้อคุณภาพเน้นๆ สักทีหนึ่ง เรากลับเลือกเดินทางไปยังย่านทองหล่อ / เอกมัยแทน วันนี้ MenDetails อยากจะเชิญชวนทุกท่านมาลองร้านเนื้อที่เราคิดว่า “นี่แหละนิพพานของจริง” กับร้าน ‘Wagyuism’ ร้านเนื้อวากิวระดับเทพที่ตั้งอยู่ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 กัน
–ซ้าย : หน้าร้านที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 ขวา : ชิ้นเนื้อที่คุณสามารถเลือกได้พร้อมรายละเอียดต่างๆ-
เนื่องจากทางร้านนั้นเป็นผู้นำเข้าเนื้อวัว Wagyu เข้ามาขายในบ้านเราอยู่แล้ว ทำให้มีเนื้อ Wagyu คุณภาพเยี่ยมให้เลือกมากมายตั้งแต่ A4-A5 ซึ่งความเจ๋งของร้านี้คือ “ไม่ว่าคุณจะเลือกเนื้อชนิดไหน น้ำหนักเท่าไร ทางร้านคิดค่าปรุงสุกในราคาเพียง 150 บาทเท่านั้น” ถือเป็นราคาที่ดีมากจริงๆ เพราะคนที่ปรุงสุกนั้นเป็นชาวญี่ปุ่นโดยแท้ และมีความเชี่ยวชาญเรื่องเนื้อ Wagyu เป็นอย่างยิ่ง
“เราอยากให้ลูกค้าได้ประสบการณ์การทานเนื้อ Wagyu ที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่เราจะสามารถให้ได้” คุณพิ้งค์ เจ้าของร้าน Wagyuism กล่าวก่อนพูดเสริมว่า “เพราะตัวเราเองก็เป็นคนทานเนื้อเช่นเดียวกัน ทุกเมนูของที่นี่เราชิมเอง เลือกเองหมด และมั่นใจว่าทุกท่านจะชื่นชอบแน่นอน”
หากคุณมาทานที่ร้านนี้ คุณจะได้เนื้อ Wagyu แท้ๆ จากประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่เนื้อลูกผสมแบบที่อื่นๆ ดังนั้นคุณภาพจึงถือว่าคับแก้วมากจริงๆ แถมมี Selection ของไวน์ / สาเก และเบียร์ให้เลือกรับประทานคู่กับเนื้อคุณภาพอีกด้วย และเนื่องจากพ่อครัวเป็นชาวญี่ปุ่น ดังนั้นสาเกของที่นี่จึงเลือกอย่างพิถีพิถันอย่างยิ่ง เพื่อให้การทานคู่กับเนื้อคุณภาพสูงนั้นได้รสชาติที่เยี่ยมยอดขึ้นไปอีกครับ
-ของเด็ดทางร้านคือ Wagyu Lunch Set นี่แหละครับ ราคาดีพร้อมเนื้อคุณภาพ-
ถ้าคุณมาที่ร้านนี้ เมนูห้ามพลาดเลยคือ Grilled Wagyu White Miso! สั่งมาทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ สักถ้วย “นิพพานของจริง”
เอาเป็นว่าเริ่มต้นเลยละกันครับ วันนี้เราเลือกสั่งมาลองทานทั้งหมด 4 อย่าง ซึ่งถือเป็นเมนูเด็ดของทางร้าน เริ่มต้นที่ Gyu Tofu (480.-) ก่อนเลยละกัน กับเนื้อ Wagyu คุณภาพที่เลือกตุ๋นในน้ำซุปคล้ายๆ กับสุกี้ยากี้ ซึ่งทางร้านแจ้งว่าต้องใช้เวลาตุ๋นนานถึง 10 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อนั้นเปื่อยแบบกำลังดี เสิร์ฟพร้อมเต้าหู้ญี่ปุ่น รสชาติจัดได้ว่าดีเยี่ยมครับ เข้มข้นมาก ดังนั้นหากสั่งมาทานเปล่าๆ อาจไม่เหมาะเท่าไรนัก แนะนำให้ทานคู่กับข้าว รับรองว่ารสชาติจะถึงพริกถึงขิงมากขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ค่อยชอบหวาน อาจต้องเตรียมใจนิดหน่อย เพราะคาดว่าความหวานจากตัวเนื้อนั้นได้ไหลมารวมกันในน้ำซุปตุ๋น 10 ชั่วโมงเรียบร้อยแล้ว
-จานนี้อร่อยมาก แนะนำให้มาลองเลย Grilled Wagyu White Miso-
จานต่อมาคือ Grilled Wagyu White Miso (460.-) บอกครับว่า “ห้ามพลาด” จานนี้ถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมดอง MDs’ RECOMMENDED แบบสุดตัว กับรสชาติที่นุ่มลึก กลิ่นกำลังดีในทุกมิติ เริ่มด้วยกลิ่นของมิโสะที่นำไปหมักกับเนื้อ Wagyu และปรุงด้วยวิธีการย่าง ดังนั้นกลิ่นมิโสะจึงเตะจมูกก่อนอันดับแรก เคล้ากลิ่นหอมแบบย่างถ่าน และตบท้ายด้วยความมันและหอมของเนื้อ หากใครอยากได้รสที่ละมุนขึ้นไปอีก ให้จิ้มกับไข่แดงดองแบบญี่ปุ่นเพิ่มเข้าไปด้วย รับรองว่าจานนี้จะทำให้คุณตายตาหลับแน่นอน
ไม่รอช้าครับกับจานที่ 3 ได้แก่ Wagyu Soba (450.-) เมนูนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนความ Traditional แบบญี่ปุ่นแท้ๆ ให้เข้ากับความเป็นไทยในระดับหนึ่ง เนื่องจากโดยปกติแล้วนั้น คนญี่ปุ่นจะไม่นิยมทาง Soba กับเนื้อ Wagyu มักทานเป็นแบบเย็นหรือในน้ำซุปปลา แต่ครั้งนี้ทางร้านก็จับมาเข้าคู่กัน รสชาติดีทีเดียวครับ แปลกแต่ลงตัว
ปิดเกมส์ได้เนื้อ Kobe Wagyu Ribeye A5 ที่เราเลือกทำเป็นแบบ Smoked Wagyu Steak ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละชนิดของชิ้นเนื้อ + น้ำหนัก แต่บวกค่าปรุงสุกเพียง 150.- เท่านั้น โดยเราเลือกแบบรมควันและบอกเลยว่า Smoked มาแบบถึงใจดีจริงๆ (ดูรูปด้านบนได้เลย) รสชาติเนื้อดีเยี่ยมมากๆ ครับ นุ่มแบบไม่ถึงกับละลายในปากแต่ไม่ยากที่จะเคี้ยว พร้อมกลิ่น Smoked ระดับเทพ สำหรับเราแล้ว “จานนี้คือดีเยี่ยมที่สุด” แต่คุณอาจต้องเตรียมสตางค์มาเยอะสักหน่อยหากจะลองทานน้ำหนักสัก 300g อาจต้องมี 2,000.- ขึ้นเลยทีเดียว ซึ่งถ้ามันคือโอกาสพิเศษที่อยากจจะฉลองให้กับตัวเอง เมนูนี้ก็น่าจะทำให้คุณยิ้มได้ทั้งคืนแน่นอน
“เราอยากให้คุณมาลองทานแบบกลุ่มเพื่อนสัก 4-5 คน” คุณพิ้งค์กล่าว “กำเงินมาคนละ 1,500.- รับรองว่าคุณจะได้ประสบการณ์การทานเนื้อ Wagyu คุณภาพแบบเน้นๆ แถมได้ดื่มอีกด้วยนะ ซึ่งด้วยราคาและคุณภาพระดับนี้ เราเชื่อว่าที่อื่นให้คุณไม่ได้ดีเท่านี้แน่นอน”
ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชื่นชอบและหลงรักใน “เนื้อ Wagyu” เราก็อยากจะแนะนำให้คุณมาลองทานดูครับ เพราะด้วยคุณภาพของเนื้อที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี / เชฟที่ส่งตรงมาจากแดนอาทิตย์อุทัย / เมนูที่หลากหลายและปรับเข้ากับคนไทย ที่เลือกด้วยตัวเจ้าของเอง นี่คือร้านที่เปิดเพื่อสนอง Passion ส่วนตัวและอยากให้ทุกท่านได้มา Enjoy ไปกับ Wagyuism ในราคาที่จับต้องได้ และไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่นก็สามารถทานประสบการณ์ระดับ A5 ได้แล้วที่อารีย์