หนึ่งในโรงแรมที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ใจกลางถนนสาทร กับโรงแรมที่ตั้งใจสร้างเหมือนเป็นจุดหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองหลวง เข้าสู่รีสอร์ทและความเขียวที่ชุ่มปอด ที่นี่คือโรงแรม The Sukhothai Bangkok ครับ ที่วันนี้ MenDetails พามารู้จักกับ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนนาม La Scala ซึ่งอยู่ใน Lists ของ Michelin Guide รวมถึงได้รับรางวัลพิเศษจากนิตยสารอาหารและไวน์จากประเทศอิตาลีอย่าง Gambero Rosso อีกด้วย บอกเลยว่าที่นี่จะทำให้ค่ำคืนธรรมดาของคุณ สุดพิเศษได้ไม่ยากแน่นอน ว่าแล้วก็ตาม รีวิว La Scala ของเรามาได้เลย
La Scala บันไดสู่มนต์เสน่ห์ของอาหารอิตาเลี่ยน
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งเดียวในโรงแรม The Sukhothai Bangkok กับเชฟ Anthony Burd กับประสบการณ์อันมากล้น ตั้งแต่การเริ่มงานกับร้านอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาว / ร่วมงานกับเชฟระดับโลก และร้าน Michelin Star ดังนั้น ร้าน La Scala จึงเป็นเหมือนที่ปลดปล่อยรสชาติในแบบฉบับของสุดยอดเชฟ Anthony Burd ผู้ซึ่งหลงไหลในวัตถุดิบอันหลากหลาย และรสชาติแบบดั้งเดิมที่เขาคุ้นเคยเมื่อสมัยเยาว์วัย
ตัวร้าน La Scala ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของตึกใหม่ฝั่งซ้ายมือครับ เปิดทั้งวันนะครับ โดยจะเปิด 2 รอบได้แก่ ช่วงเวลากลางวัน Lunch 12:00 PM – 3:00 PM (last order 2:00 PM) และช่วงเย็น Dinner 6:00 PM – 11:30 PM (last order 10:00 PM) เวลามีกฏเรื่องการแต่งกายเล็กน้อยคือ ห้ามใส่กางเกงขาสั้น / เสื้อไม่มีแขน และงดการสวมรองเท้าแตะเข้าร้านอาหารนะครับ
เปิดตัวด้วย Salmone และ Fegato
เรามาเริ่มต้นกันที่ Crudo กันก่อนเลยครับกับ Tartare di Salmone (620.-) ซึ่งทางร้านเลือกใช้ Ora King Salmon มาทำเป็น Tartare ครับ ทานคู่กับขนมปังราดน้ำมันมะกอกสูตรเฉพาะ ซึ่งเราเชื่อว่าทางร้านต้องการให้รสออกมาเปรี้ยว เพื่อเปิด Palette ในการรับรสของผู้ทาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับจานต่อ ๆ ไป แนะนำว่าให้ทานคู่กับขนมปังครับ เพราะรสค่อนข้างเปรี้ยวพอสมควร
อีกจานหนึ่งที่เราเลือกสั่งก็คือ Antipasti ที่มีชื่อเมนูว่า Fegato (920.-) เป็นเมนู Foie Gras ชิ้นโตที่ Seared บนกระทะร้อน พร้อมซอสหวาน ๆ และแยมหอม ๆ จับคู่กับ ลูก Fig อบ จานนี้คือดีเยี่ยมเลยครับ ทั้ง ๆ ที่ซอส หากตักมาชิมแยกจะรู้สึกหวาน แต่เมื่อทานรวมกับ Foie Gras บอกเลยครับว่า มันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ และหากทานลูก Fig ปิดท้าย รับรองว่าคุณจะชอบจานนี้ขึ้นไปอีกขั้นครับ
ขึ้นบันไดต่อไปที่ขั้น Main Course กันครับ
เริ่มต้นกันด้วย Pasta เส้นสดกับ Tagliolini (980.-) ที่ผัดเส้น Pasta กับ กุ้ง Sicilian และหอย Mussels / Clams ใส่กระเทียมและพริกเล็กน้อย พอให้ได้กลิ่นเตะจมูกบาง ๆ ถือเป็นเมนูที่ผัดได้ Light แต่ Full Favors มาก ๆ ทานได้เรื่อย ๆ เลยครับ ไม่รู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด แถมเส้น Pasta ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ครับ ทานคู่กับกุ้ง Sicilian คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจานนี้เลย
ต่อด้วย Filetto di Manzo (1,980.-) เนื้อ Dry-Aged 200 วัน กับ Black Angus Beef Tenderloin เคียงด้วยไขกระดูกวัวและ Zucchini และ Parmigiana จานนี้ถือเป็นขั้นสุดของสายเนื้อเลยครับ กับ Tenderloin ที่นุ่มแบบไร้คำบรรยาย ทานคู่กับซอสที่ราดมา พร้อมไขกระดูกวัวและ Zucchini ได้ครบรสความละมุนในปาก หากแต่ชิ้นที่เราได้มาทานนั้น อาจปรุงบางไปสักหน่อย ทำให้กลิ่นเนื้อ Dry-Aged พุ่งแซงทุกอย่างมากไปสักนิดในความคิดเห็นส่วนตัว แต่ยังถือเป็น Main Course ที่ควรค่าแก่การมาลองด้วยตัวเองสักครั้ง
Signature Pizza : Schiacciatina
นี่คือ 1 เมนูสำคัญ ที่เราแนะนำให้คุณลองสั่งมาทานกันดูครับ เพราะถือเป็นเมนูที่อยู่คู่กับร้าน La Scala มาอย่างยาวนาน ต่อให้เชฟจะเลือกปรับเปลี่ยนเมนูแบบใดก็ดี Schiacciatina (900.-) จะยังคงอยู่ในลูกค้า La Scala ได้สั่งแน่นอน เพราะนี่คือ The Iconic La Scala Crispy Pizza ที่หาทานที่ใดไม่ได้อีกแล้ว กับ Housemade Mascarpone Cheese จับคู่กับมะเขือเทศสด / ผัก Rocket และ Parma Ham บ่มพิเศษนานถึง 24 เดือน
ใครที่เคยรู้สึกว่า การทานพิซซ่านั้น ช่างหนักและไม่สบายตัว แถมไม่กรอบอย่างที่คิด เราขอแนะนำให้มาลองทานตัวนี้กันครับกับ Schiacciatina หอมและกรอบกว่าที่อื่น ๆ แน่นอน
บันไดขั้นสุดท้าย จบลงที่ Panna Cotta และ Crostata
ของหวานของที่นี่ นอกจากจะกลมกล่อมแล้ว ยังมีรูปลักษณ์ที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะ Panna Cotta (360.-) ที่เลือกทำจาก Almonds เสิร์ฟคู่กับ White Chocolate Crema และ Strawberry Sorbet รสหวานกำลังพอดีครับ ส่วนตัวเราแล้ว ไม่ใช่สายของหวาน แต่สำหรับ Panna Cotta จานนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีมากครับ ทานได้เรื่อย ๆ เลย ยิ่งทานคู่กับกาแฟสักแก้ว ถือเป็นตัวปิดท้ายที่ดีเยี่ยมจริง ๆ
เมนูของหวาน บางครั้งก็มีแบบ “นอกเมนู” ด้วยนะครับ อย่าง Crostata จานนี้ ไม่ได้มีอยู่ในเมนูหลัก หากแต่ต้องลองถามพนักงานดูครับว่า วันนี้มีเมนูพิเศษอะไรบ้างหรือไม่ อย่างไร ซึ่ง Crostata จานนี้ สังสรรขึ้นจาก โกโก้เข้มข้นสูงถึง 70% จาก Kad Kokoa เสิร์ฟคู่กับ Passion Fruit Sorbet โดยรวมถือว่าเข้มข้นทั้งโกโก้และความเปรี้ยวของ Sorbet แต่อาจเปรี้ยวไปสักหน่อยในความเห็นส่วนตัวครับ ถ้าใครชอบเปรี้ยว ๆ เป็นทุนเดิม จานนี้น่าจะถูกใจแน่นอน
นี่คือ รีวิว La Scala ที่เราทีมงาน MenDetails กล้าบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยครับว่า “ที่นี่คือร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุด 1 แห่งในกรุงเทพฯ” และเราขอแนะนำให้ทุกท่านได้มาลองชิมด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้ว การได้ลองชิมและลิ้มรสด้วยประสบการณ์ตรง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและอาจรู้สึกไม่เหมือนกับเราเลยก็เป็นได้ในบางเมนู แต่เราเชื่อครับว่า La Scala จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน