จาก ร้าน Burger ที่เสิร์ฟเพียง 4 ชิ้นต่อวัน และเป็น Talk Of The Town ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ร้านที่ทุกคนต่างชมเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือ Burger ที่ยอดเยี่ยมที่สุด” นามว่า ‘Homeburg’ จากฝีมือเชฟไทกิ ซึ่งเรามั่นใจว่าคุณอาจไม่ได้มีโอกาสสุดพิเศษนั้น แต่ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่คุณจะได้ลองทาน Burger สุดพิเศษ ที่ไม่ต้องจองคิวให้ยุ่งยากถึงขนาด 4 ชิ้นต่อวันอีกต่อไป กับ ‘Bun Meat and Cheese’ แห่งนี้
จาก 4 ชิ้นสู่ 100 ชิ้นกับคุณภาพเน้นๆ ทุกชิ้น
ความท้าทายมากที่สุดของร้าน Bun Meat and Cheese เลยก็คือ คุณภาพที่ย่อมลดลงตามปริมาณหรือจำนวนการผลิตที่สูงขึ้น ถึงแม้ว่าเราชาว MenDetails จะไม่เคยมีโอกาสได้ลองทานที่ร้าน Homeburg เลยสักครั้ง แต่บอกได้เลยว่า จาก 4 ชิ้นเป็น 100 ชิ้นของร้าน Bun Meat and Cheese นั้น ยังไงก็ยังดีกว่าหลายๆ เจ้าที่คุณเคยทานมาแน่นอน
ที่แน่ๆ เลยคือ ทางร้านเปิดจริงๆ เวลา 5 โมงเย็นครับ แต่เริ่มมีคนมาเดินวนไปวนมาตั้งแต่ 4 โมงแล้ว และเริ่มต้นสั่งตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดเสียด้วยซ้ำไป (นั่นรวมถึงเราชาว MenDetails ด้วย)
เนื้อ Wet Aged 70% และเนื้อ Dry Aged 30% เป็นหัวใจหลัก
หัวใจของร้าน Bun Meat and Cheese น่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพเนื้อที่ยอดเยี่ยมหลังจากการย่างบนเตา ที่นี่เลือกใช้เนื้อ Wet Aged 70% และ Dry Aged 30% นั่นทำให้มีส่วนของเนื้อที่ต้องตัดออกทิ้งเป็นจำนวนมาก กล่าวคือ คุณจะได้ทานเฉพาะเนื้อคุณภาพจริงๆ เท่านั้น
เพราะเนื้อไม่ใช่อย่างเดียวที่เป็นปัจจัยหลัก ตัวขนมปังก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ ทางร้านเลือกใช้บันสไตล์ฝรั่งเศส จากร้าน Bakery นามว่า Amatissimo โดยคุณพิริยรัชต์ จิรสินกิตติ ซึ่งคุณจะได้สัมผัสที่นุ่ม แต่มีความกรอบหลังจากที่ปิ้งบนกระทะเล็กน้อยคล้าย บาแกตต์ บอกเลยหาขนมปังรสและผิวสัมผัสแบบนี้ยากแน่นอน
เมนูมีให้เลือกแค่ เนื้อหรือหมู และ Topping เท่านั้น
ง่ายๆ ตรงไปตรงมา เพราะขายแค่ Burger แต่จะเน้นเนื้อเป็นหลัก ส่วนหมูนั้นจะมีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น (ดังนั้นถ้าคุณทานเนื้อไม่ได้ แนะนำให้รีบไปครับ) ซึ่งเมนู Signature ก็จะเป็น Homeburg Prototype#1 (380.-) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่เชฟไทกิคิดมาแล้วว่า “ลงตัวเป็นที่สุด” ตั้งแต่ Topping อย่าง Lemon Syrup Bacon / Diced Pickled Jalapeños / ชีส American 2 ชิ้นเต็มๆ พร้อม Stream มาให้แบบเยิ้มๆ พร้อมซอสสูตรพิเศษที่ได้จากเครื่องปรุงทั้งหมด 14 ชนิด
-ดูความช่ำของเนื้อสิครับ กัดแล้วชุ่มมากจริงๆ-
อ่านยังไงก็คงไม่เข้าใจ หากมาได้มาลองด้วยตัวเอง เพราะตัวเนื้อนั้นช่ำมากจริงๆ บวกกับเครื่องปรุงที่ไม่เยอะเกินไป ไม่น้อยเกินไป ได้รสชาติกลมกล่อมในทุกๆ ด้าน บอกได้คำเดียวว่า “คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จริงๆ”
-เบอร์เกอร์หมูครับ เนื้อจะแห้งหน่อย ไม่เหมือนตัวเนื้อวัว-
ส่วนเนื้อหมูนั้น อาจจะได้รสที่แตกต่างสักหน่อย เพราะด้วยตัวหมูเอง ไม่ได้มีความช่ำมากเท่ากับเนื้อวัว การปรุงจึงแห้งกว่า แต่ก็ไม่ได้แห้งมากจนกระด้าง Pork Burger (300.-) ที่เราสั่งนั้น สั่งเป็นชิ้นแล้วเพิ่ม Topping แทนครับอย่าง Crispy Bacon (30.-) และ Caramelised Onion (20.-) ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าตัว Caramelised Onion จะมาน้อยไปนิด แต่โดยรวมถือว่าดีมากทีเดียว
เพราะทุกรสเกิดจากวิทยาศาสตร์ โดยเริ่มจากการลองผิดลองถูกของเชฟไทกิเป็นหลัก ทั้งอุณหภูมิของตัวเนื้อ ระยะเวลาในการย่าง ขนาดของชิ้นเนื้อ และน้ำหนักกดทับ ณ เวลาย่าง ทั้งหมดนี้คือ วิทยาศาสตร์ล้วนๆ ที่เป็นที่มาของรสชาติที่คงเส้นคงวาตั้งแต่ชิ้นแรกจนชิ้นสุดท้ายนั่นเอง
ร้าน Bun Meat and Cheese ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 โครงการ 72 Courtyard ซ.สุขุมวิท 55 (ซ.ทองหล่อ) เยื้องๆ กับ J-Avenue เปิดตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็น ไปจนถึงตี 1 หรือจนกว่าของจะหมด (ซึ่งปิดเร็วกว่าเปิดทำการเสมอ) ส่วนใครที่อยากทาน Burger แท้ๆ สไตล์ Homeburg ก็อดใจรอสักหน่อยนะครับ เพราะเชฟไทกิกำลังจะเปิดที่ Ekkamai Macchiato เร็วๆ นี้