หากจะให้ทีมงาน MenDetails แนะนำร้านอาหารอิตาเลี่ยนสัก 1 ร้าน ที่จะทำให้ค่ำคืนพิเศษของคุณ เต็มอิ่มไปด้วยรอยยิ้ม และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม La Scala ณ The Sukhothai Bangkok ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่อยู่ใน List ของเราแน่นอน กับร้านอาหาร Italian ที่มีเปิดมายาวนานเกือบ 20 ปี พร้อมรายนามเชฟระดับ Top ของโลกมากมาย ซึ่งในปีนี้ ทาง La Scala มี Head Chef คนใหม่นาม Eugenio Cannoni ที่จะมารังสรรค์เมนูอาหาร Italian ในมุมมองใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติของวัตถุดิบชั้นยอด และนี่คือการเดินทางครั้งใหม่ ผ่านรสชาติอาหาร ณ La Scala ที่เราอยากให้ทุกท่านได้ร่วมเดินทางไปกับเรา ผ่าน รีวิว ในครั้งนี้กันครับ
From La Tradizione to Viaggio Gastronomico
ถึงแม้ตัวร้านจะมาในรูปแบบ Fine Dining ซึ่งหากท่านอยากได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด การเลือกรับประทานเมนูแบบ 4-8 Courses ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม พร้อมรับเส้นเรื่องแห่งรสชาติที่เชฟเลือกสรรมาเป็นอย่างดี ทว่า หากท่านใดไม่ได้อยากนั่งทานตามลำดับรายการ ก็สามารถสั่งเมนูแบบ À la carte ได้เช่นเดียวกัน โดยในส่วนของ Set Menu นั้น ทาง La Scala จะมีให้เลือกตั้งแต่ La Tradizione (4 Courses : 2,480.-) และ Viaggio Gastronomico (6 Courses : 3,200.- / 8 Courses : 3,800.-) และไม่ว่าท่านจะเลือกทานแบบใดก็ตาม เราเชื่อแน่ว่า นี่จะเป็นมื้อที่ยอดเยี่ยมที่สุดมื้อหนึ่งแน่นอน
Scampo & Fegato Grasso
เริ่มต้น Courses ด้วยเมนู Scampo กับกุ้ง Langoustine หรือที่หลาย ๆ ท่านอาจรู้จักในนาม Norway Lobsters มาพร้อมพริกหวาน และซอสสูตรพิเศษที่ให้รสหวาน / เปรี้ยว เป็นเมนูเปิดที่ทานง่าย มีรสหวานนำทั้งตัวกุ้ง Langoustine และรสหวานจากพริกหวาน หากแต่ได้ความเปรี้ยวเพื่อเพิ่มความสดชื่นในตอนปลาย ช่วยเปิดการรับรสในปากได้เป็นอย่างดี
ก่อนจะต่อด้วยเมนู Fegato Grasso ที่เลือกใช้ตับห่าน หรือ Foie Gras ชิ้นหนา และ Pan-Seared มาได้นุ่มมากจริง ๆ ครับ ซึ่งถ้าไม่ใช่วัตถุดิบที่สดใหม่ และผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ควบคุมเป็นอย่างดีแล้ว Foie Gras อาจแข็งเกินไป หรือไม่อยู่ทรงเป็นชิ้นเลยก็มี เพิ่มความหวานด้วยหอมใหญ่ และความเปรี้ยวเล็กน้อยด้วยผล Calamansi ตัดเลี่ยนจากความมันของ Foie Gras ได้เป็นอย่างดี เรียกว่า เปิดมา 2 เมนู รสชาติกลมกล่อมมากจริง ๆ
Capesante & Ravioli
สำหรับเมนู Capesante นั้น นอกจาก Scallop ที่ย่างมาได้หอมนุ่มแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกจุดก็คือ แผ่นที่คลุมตัว Scallop นั้น ก็ทำมาจาก Scallop ด้วยเช่นเดียวกัน โดยทำออกมาเป็น Carpione โดยรีดเป็นแผ่นแล้วนำไปซูวี ก่อนจะนำมาห่อ แถมราดด้วยซอสที่ทำมาจาก Colonnata Lard หรือมันหมู เพิ่มความเปรี้ยวเล็กน้อย Pumpkin Puree กับรสชาติที่ หวาน ๆ มัน ๆ แต่ถ้าใครไม่คุ้นชินกับกลิ่นมันหมู อาจทานแล้วมีความรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แต่ถือว่าเชฟ ทำมาได้ลงตัวมากทีเดียว
ต่อกันด้วยเมนู Ravioli ที่ถือเป็นเมนูสุด Classic ที่สุดเมนูหนึ่งในโลก Italian Food แต่เชฟ Eugenio เลือกใส่ใส้ในเป็นหางวัว ซึ่งกลิ่นไปแรงเลยครับ หอมกำลังดี เสิร์ฟพร้อม Fermented Cabbage Cream ที่เข้ากันอย่างน่าตกใจ ตกแต่งด้วย Fermented Wild Cabbages สำหรับครีมถือว่าหวานมัน คนไม่ทานผักก็สามารถทานได้สบาย ๆ แต่หากท่านใดไม่ค่อยชื่นชอบผักใบเขียวเป็นทุนเดิม เมนูนี้อาจไม่ถูกปากก็เป็นได้ ส่วนตัวแล้วชอบรสและกลิ่นของหางวัวมาก ๆ กับความเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อของครีมซอส แนะนำให้ลองครับ
Aragosta
เมนูนี้ถือว่ายอดเยี่ยมเป็นอันดับ 2 ในความเห็นส่วนตัวจากทั้งหมดที่ได้ลองทานมาครับ กับ Roasted Lobster ที่ปรุงสุกมาได้กำลังทานมาก ๆ นุ่มกำลังดี มีความเด้งของเนื้อ Lobster ด้วย มาพร้อมซอส Salsa Verde หรือซอสสีเขียวที่เป็นส่วนผสมของสมุนไพรต่าง ๆ Top ด้วย Garlic Milk ซึ่งหอมมากครับ แถมที่โรยมาด้านที่เป็นเม็ด ๆ คือ Anchovies ทานทุกอย่างในคำเดียว ได้รส หอม หวาน มัน เค็ม ครบ และละมุนมากจริง ๆ ดีมาก ๆ เลยครับสำหรับเมนูนี้
Piccione e NoccioleI
มาถึงเมนู Highlight ที่เราให้เป็นอันดับ 1 เลยครับจากทั้งหมดที่ได้ทานมา เนื้ออกนกพิราบ ทานคู่กับซอส Hazelnut และ Anchovies เมนูนี้ดีมากจริง ๆ เพราะถ้าใครที่เคยลองทานเนื้อนกพิราบมาบ้าง จะพอทราบครับว่า เนื้อเจ้า Pigeon นอกจากจะชิ้นเล็กแล้ว ยังมีกลิ่นสาบค่อนข้างแรง ทว่า เชฟ Eugenio สามารถปรุงให้รสมีความหอมมัน มีกลิ่นเฉพาะตัวของนกพิราบ แต่ไม่มีกลิ่นสาบเลยครับ แถมชิ้นใหญ่โต ทานคู่กับซอส Hazelnut และ Anchovies บอกได้อย่างเดียวเลยครับว่า ควรลอง และจะยิ้มในทุกคำที่ได้ทาน นอกจากนั้นยังมี Side Dishes อย่างเนื้อนกพิราบบดปั้นก้อนทอด และเครื่องในบดเสิร์ฟคู่กันอีกด้วย
Yuzu & Petit Four
ตบท้ายด้วยของหวานที่ทำจาก Yuzu / Yogurt และน้ำผึ้ง หอม มัน และเปรี้ยวกำลังดี ชอบที่กลิ่นน้ำผึ้งหอมเตะจมูก แต่ที่ประทับใจมากเป็นพิเศษ ต้องยกให้ Yuzu Mousse ครับ เปรี้ยวกำลังดี หอม Yuzu ซึ่งเหมือนเป็นตัวชูให้สิ่งอื่น ๆ ในจาน หอมและหวานขึ้น ก่อนจะปิดท้ายแบบท้ายสุดด้วย Petit Four กับของทานเล่นก่อนกลับ 4 อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นเมนูที่เชฟคิดขึ้นจากผลไม้ที่เข้าชื่นชอบที่สุดอย่าง “ขนุน” ด้วยครั
ที่ La Scala แห่งนี้ คุณจะได้สัมผัสถึงอาหาร Italian ที่ยอดเยี่ยม กับหัวใจหลักที่ต้องการดึงเอารสชาติแห่งวัตถุดิบชั้นเลิศ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วยความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความ Traditional อยู่ อีกทั้ง ที่นี่ยังให้ความเป็นส่วนตัวที่สูงมาก ๆ ครับ หากได้ลองมาคนรู้ใจของคุณ มานั่งทานและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแสนโรแมนติก ใจกลางสาทร เราเชื่อครับว่า La Scala จะทำให้ค่ำคืนของคุณสมบูรณ์แบบขึ้นแน่นอน และนี่คือ รีวิว ที่ MenDetails ตั้งใจหยิบมาฝากกัน
แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนนะครับ และถ้าต้องการทานแบบ 8 Courses แนะนำให้ไปเร็วสักหน่อย เนื่องจากรวมเวลาทั้งหมด อาจกินเวลาถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว