วัฒนธรรมอาหารไทยที่น่าสนใจอย่างหนึ่งสำหรับ MenDetails คือ การที่ในบางเมนูมีการกล่าวถึงเมืองหรือชื่อประเทศใดประเทศหนึ่ง ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าอาหารชนิดนี้มาจากประเทศนั้น ๆ หรือเป็นอาหารพื้นบ้านของคนชาตินั้น ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเมื่อไปประเทศนั้นอาจไม่มีอาหารดังกล่าวเลย ซึ่งหลายเมนูมีความน่าสนใจในเชิงวัฒนธรรมหรือที่มาของมันอย่างมาก และหนึ่งในนั้น คือ ข้าวผัดอเมริกัน
‘ข้าวผัดอเมริกัน’ อาหารประเภทข้าวผัดสีสันน่ากินมาพร้อมกับเครื่องเคียงต่าง ๆ ทั้งไข่ดาว ไส้กรอก และไก่ทอด ถูกอกถูกใจทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงนักร้องดังอย่าง Jackson Wang ที่ไม่นานมานี้เดินทางมาประเทศไทย แล้วได้ลิ้มลองจนออกปากชื่นชมจนทำให้มันเป็นกระแสมีคนแห่ตามไปกินกันมากมาย แต่ถึงจะชื่อข้าวผัดอเมริกันแต่ไม่มีขายในอเมริกา แต่ก็มีที่มาน่าสนใจไม่น้อย ในบทความนี้เราจะมาตามดูประวัติของอาหารจานนี้กันว่าจากหลักฐานที่พอหาได้ จะมีอะไรบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกับเรา
ข้าวผัดอเมริกัน อาหารที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่
สำหรับคนไทยเมนูนี้น่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยในช่วงราว ๆ 50 ปีนี้ต้องเห็นผ่านตามาบ้าง นี่คือเมนูที่นำข้าวมาผัดกับผักหลายชนิด ทั้งแครอท ถั่วเขียว ข้าวโพด หัวหอม มะเขือเทศ ลูกเกด ตามแต่ใครจะชอบ (แต่ไม่ว่าจะใส่ผัดอะไร ของที่ขาดไม่ได้เห็นทีจะต้องมีลูกเกด) ผัดกับซอสมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว เบคอน ไส้กรอก ไก่ทอด แต่เครื่องเคียงก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปตามร้าน แต่จะไม่หนีจากนี้เท่าไหร่นัก
สำหรับหลาย ๆ คน นี่คือเมนูโปรดสมัยเด็ก และยังเชื่อว่ามันยังเป็นหนึ่งในอาหารที่ครองใจใครหลายคนอยู่แม้เราโตขึ้น แม้ในปัจจุบันน่าจะหากินยากอยู่สักหน่อย ส่วนคนอเมริกันที่เราเอาชื่อเขามาตั้งเป็นชื่อเมนูนี่น่าจะเป็นอาหารที่แปลกตาสำหรับพวกเขาไม่น้อย เพราะถึงชื่อจะเป็นอเมริกัน แต่ถ้าเดินไปสั่งในสหรัฐอเมริกาก็คงได้อาหารหน้าตาไม่เหมือนอย่างนี้แน่นอน
หากจะบอกว่า ข้าวผัดอเมริกันเป็นการแสดงถึงการไหลของวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกินของมวลมนุษยชาติเมนูหนึ่งก็ไม่ผิดนัก เพราะกว่าจะมาเป็นข้าวผัดอเมริกันแบบทุกวันนี้ อาหารจานนี้ก็มีเรื่องราวการเดินทางของมันที่มีเรื่องราวที่มาต่างกันไป แยกย่อยได้ถึง 3 แหล่งที่มา ซึ่งเราจะมาสรุปคร่าว ๆ ให้อ่านกันเพลิน ๆ
ต้นกำเนิดที่สนามบินดอนเมือง
ที่มาแรก มีการคาดเดาว่ามาจากฝีมือ คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือสกุลไทยฉบับเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. 2549 ว่านี่เป็นอาหารที่คุณหญิงสุรีพันธ์ได้คิดค้นขึ้นเองตอนที่ทำงานเป็นผู้จัดการราชธานีภัตตาคาร ร้านอาหารในสนามบินดอนเมืองของกรมรถไฟในขณะนั้น
วันหนึ่งมีสายการบินหนึ่งมาจองอาหารเช้าแบบอเมริกันเอาไว้ให้แขกที่จะมาลงเครื่องที่นี่ แต่เที่ยวบินถูกยกเลิกทำให้อาหารจำนวนมากเหลือทิ้ง ด้วยความเสียดายเธอจึงนำข้าวผัดมาผัดกับอาหารเช้าเหล่านั้นเพื่อกิน แล้วพบว่ารสชาติอร่อยมาก ทำให้นายทหารอากาศไทยที่เห็นเข้าได้สั่งกินด้วย กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจลูกค้า เมื่อนายทหารอเมริกันมาเห็นและถามถึงชื่อเมนู คุณหญิงสุรีพันธ์ จึงมอบชื่อให้ว่า “American Fried Rice” หรือ ข้าวผัดอเมริกัน นั่นเอง ซึ่งเมนูนี้มีส่วนผสมไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นในครัวจะเหลืออะไร ทำให้เป็นความน่าค้นหาอีกอย่างของเมนูนี้ คาดกันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2492 – 2497 เพราะหลังจากนั้นคุณหญิงสุรีพันธ์ลาออกจากราชธานีภัตตาคารไปเรียนต่อที่อังกฤษ แต่เมนูนี้ก็ได้รับความนิยมไปเป็นวงกว้างจนมีคนเอาไปทำขายมากมาย
อาหารให้ทหารประจำการชาวอเมริกันในไทย
ที่มาที่สอง อาจจะดูมีมูลน้อยที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมา ในเรื่องนี้บอกว่า ข้าวผัดอเมริกันเกิดจากพ่อครัวชื่อ “โกเจ๊ก” ที่คิดเมนูนี้ให้กับเหล่าทหารอเมริกันที่มาประจำการอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอุดรธานี ในช่วงสงครามเวียดนามที่อเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย ต่อมาได้รับความนิยมจนเผยแพร่ไปทั่วประเทศ
ต้นกำเนิดจริง ๆ อยู่ที่เม็กซิโก
สำหรับที่มาสุดท้าย คาดว่ามาจากการส่งต่อของวัฒนธรรมการกินอาหารโดยมีการปรับให้เข้ากับประเทศ (เช่นเดียวกับที่ชาวญี่ปุ่นรับเทมปุระมาจากโปรตุเกส และรับแกงกะหรี่จากอังกฤษที่ได้มาจากอินเดียอีกที) โดยเชื่อว่าต้นตำรับของข้าวผัดอเมริกันคือ “ข้าวผัดเม็กซิกัน” ซึ่งเป็นญาติกับ “ข้าวผัดสเปน” (หรือข้าวปาเอญ่า) อีกที ซึ่งชาวอเมริกันก็รับเอาสูตรข้าวผัดเม็กซิกันเข้ามาปรับตามฉบับของตัวเองอีกที ซึ่งมีสูตรเหลือเป็นหลักฐานไว้ในหนังสือพิมพ์ Newark Evening Star and Newark Advertiser ในปี 1910 (พ.ศ. 2453) และสูตรอื่น ๆ ตามตำราหรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในอเมริกาอีกมากมาย คาดว่ามีการพัฒนา ปรับปรุงสูตรเรื่อยมา ก่อนที่มันจะเดินทางมาในไทยพร้อมกับอิทธิพลอเมริกาในช่วงสงครามเย็น ที่คนไทยก็ค่อย ๆ รับและปรับสูตรจนเป็นเอกลักษณ์ต่างไปจากลูกพี่ของมัน
ปัจจุบันข้าวผัดเม็กซิกันก็ยังสามารถหากินได้ตามร้านอาหารเม็กซิกันนะครับ ในไทยก็มีเช่นกันไม่ต้องไปไกลถึงเม็กซิโก
แม้อาจจะชี้ชัดไม่ได้ว่าแหล่งไหนถูกต้อง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมนูนี้เป็นเมนูที่น่ากิน ครบเครื่อง และอร่อยถูกใจทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยครับ ว่าแล้วเราก็คงต้องไปสั่งข้าวผัดอเมริกันมากินบ้างแล้วครับ