เมื่อเร็วๆนี้ ใครที่ติดตามข่าววงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดคงจะทราบดีว่า แบทแมน คนใหม่ ได้แก่ โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson) นักแสดงหนุ่มวัย 33 ปี หลังจากที่เขาเป็นตัวเลือกคนสุดท้ายร่วมกับ นิโคลัส โฮลท์ (Nicholas Hoult) นักแสดงรุ่นน้องวัย 29 ปี ที่มีบุคลิกใกล้เคัยงกัน แต่สุดท้ายแล้ว Warner Bros. เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ Batman และเหล่าฮีโร่ของค่าย DC ได้ออกมายืนยันว่าพวกเขาเลือก โรเบิร์ต แพททินสัน ให้มาเป็น บรูซ เวย์น หรือ แบทแมน คนที่ 9 ของวงการฮอลลีวู้ด โดยรับช่วงต่อจาก เบน แอฟเฟล็ค ที่ขออำลาบทมนุษย์ค้างคาวหลังเล่นเป็นตัวละครนี้ในหนังสองเรื่องคือ Batman v Superman: Dawn of Justice และ Justice League
Ben Affleck กับบทบาทของ Batman “หูสั้น” ได้ยุติลงแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่ค่ายวอร์เนอร์บราเธอร์ส อนุมัติแล้วให้ Robert Pattinson (โรเบิร์ต แพททินสัน) เป็น แบทแมน คนใหม่ ในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฉบับเดี่ยวของอัศวินรัตติกาล The Batman ของผู้กำกับ แมต รีฟส์ เจ้าของผลงานหนังไตรภาค Planet of the Apes หลังจากที่เขาเข้ามาเทสต์หน้ากล้องรอบสุดท้ายกับ นิโคลัส โฮลท์ แล้วผ่าน (ก่อนหน้านี้มีชื่อของ จอน แฮมม์ , นิก โจนาส , เบน บาร์นส์ และ อาร์มี แฮมเมอร์ แต่ถูกคัดออกไปทีละคน) ก็เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์มากมายจากสาวกค่ายดีซีคอมิกส์ที่มองว่า โรเบิร์ต แพททินสัน ไม่เหมาะกับบทแบทแมน ทั้งยังหนุ่มเกินไป รูปร่างที่ไม่ค่อยบึกบึน หรือแม้กระทั่งผมสีทอง ขณะที่บางคนก็ให้การสนับสนุน เพราะ โรเบิร์ต เป็นหนึ่งในพระเอกหนุ่มที่มีฝีมือทางการแสดงพอสมควร และที่สำคัญพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ด้วยการรับบทที่หลากหลายตลอดหลายปีในวงการบันเทิง
ว่าแล้วก็ขอพาไปทำความรู้จักกับ โรเบิร์ต แพททินสัน เจ้าของบทแบทแมนคนล่าสุดกันให้ลึกซึ้งมากขึ้น เผื่อว่ามุมมองของคุณต่อตัวเขาอาจเปลี่ยนแปลงไป
Robert Pattinson ในภาพยนตร์เรื่อว Ring of the Nibelungs
เริ่มต้นด้วยการเป็นเบื้องหลังละครเวที ก่อนเข้าสู่วงการภาพยนตร์แต่ตัวละครถูกตัดทิ้ง
โรเบิร์ต แพททินสัน เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ครอบครัวของเขาถือว่ามีฐานะดี แคลร์ คุณแม่ทำงานในวงการโฆษณา ส่วน ริชาร์ด พ่อของเขาทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์เก่าจากสหรัฐฯ หลังจากเรียนจบด้านการแสดง โรเบิร์ต ได้เป็นทีมงานเบื้องหลังละครเวทีที่บาร์นส์เทียรเตอร์คอมปานี ก่อนที่บุคลิกและหน้าตาของเขาจะไปโดนใจบริษัทเอเย่นต์โฆษณา จนเรียกตัวเขาไปเป็นนายแบบ รวมถึงเริ่มมีงานแสดงซีรีส์และภาพยนตร์ติดต่อเข้ามาหลังจากนั้น
โรเบิร์ต ได้แสดงหนังเรื่องแรกคือ Vanity Fair (2004) เล่นเป็น Older Rawdy Crawley แต่ตัวละครของเขาถูกตัดออกจากภาพยนตร์ในภายหลัง แม้ว่าจะเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดี แต่เขาก็ไม่ท้อ ในปีเดียวกัน มีผลงานเป็นนักแสดงสมทบในหนังที่ฉายทางทีวีเรื่อง Ring of the Nibelungs รอบนี้เขาไม่ถูกตัดออก
โอกาสใน Harry Potter และบทเปลี่ยนชีวิต เอ็ดเวิร์ด คัลเลน ในหนังเฟรนไชส์ Twilight
ในวัย 19 ปี โรเบิร์ต แพททินสัน ได้รับโอกาสทางการแสดงครั้งสำคัญ เมื่อเขาได้รับเลือกให้เล่นบทเด่นเป็น เซดริค ดิคกอรี่ ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Harry Potter & Goblet of Fire จนหลายปีต่อมาเขามีข่าวเป็นคู่จิ้นกับ เอ็มม่า วัตสัน นักแสดงสาวชื่อดังที่มีชื่อเสียงจากบท เฮอร์ไมโอนี่ ใน หนังชุด Harry Potter
นอกจากนี้ โรเบิร์ต ยังโชคดีสุดๆเพราะหลังจากนั้นไม่นาน เขาได้เข้าไปทดสอบหน้ากล้องบท เอ็ดเวิร์ด คัลเลน และสามารถเอาชนะนักแสดงชาย 3,000 คน คว้าบทแวมไพร์หนุ่มในภาพยนตร์ Twilight ได้สำเร็จ ซึ่งกลายเป็นบทบาทที่พลิกชีวิตของเขาไปตลอดกาล หลังหนังเข้าฉายในปี 2008 ชื่อของเขาก็โด่งดังไปทั่วโลก กลายเป็นนักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวๆ แถมเขายังได้สานต่อความสัมพันธ์กับ คริสเตน สจ๊วร์ต นักแสดงสาวที่รับบท เบลล่า สวอน คู่รักในเรื่อง จนกลายมาเป็นคู่รักนอกจอ
โรเบิร์ต แพททินสัน กับ คริสเตน สจ๊วร์ต ใน Vampire Twilight
หนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ของฮอลลีวู้ดที่ประสบความสำเร็จที่สุด
หลังหนัง Twilight ฉายจบทุกภาค โรเบิร์ต แพททินสัน กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ของวงการฮอลลีวู้ดที่ประสบความสำเร็จที่สุด ในวัย 22 เขามีรายได้หลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2008 ของนิตยสาร The People ตามด้วย 1 ใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลกในปี 2010 ของนิตยสาร Time
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง โรเบิร์ต แพททินสัน ก็ถูกมองว่าเป็นนักแสดงที่ไม่มีความสามารถเท่าไหร่ เน้นขายหน้าตามากกว่าฝีมือ รวมถึงข่าวรักๆเลิกๆระหว่างเขากับ คริสเตน สจ๊วร์ต ก็ทำให้ โรเบิร์ต ต้องเจอกับแรงกดดันหลายสิ่งหลายอย่างที่คนหนุ่มวัยเดียวกันไม่ได้พบ จนแฟนๆหลายคนเป็นห่วงว่า โรเบิร์ต จะเสียคน ล้มเหลวในวงการบันเทิงเหมือนกับนักแสดงวัยรุ่นหลายคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่รับมือกับชื่อเสียง เงินทอง และข่าวฉาวที่ประเดประดังเข้ามาไม่ไหว
มุ่งมั่นพิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับมากขึ้น
แม้ว่า โรเบิร์ต แพททินสัน จะมีชื่อเสียงจากหนังบล็อกบัสเตอร์ ซึ่งหลายมองว่า หลังจากนี้เขาต้องรับแต่บทเด่นๆในหนังใหญ่เท่านั้น แต่ โรเบิร์ต เลือกที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการ ไม่เล่นหนังบล็อกบัสเตอร์อีกเลยหนังจาก Twilight แต่ขอฝึกปรือฝีมือในหนังฟอร์มเล็กทุนต่ำ หนังอินดี้ และหนังอาร์ทหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Remember Me , Water for Elephants , The Rover , Life , Maps to the Stars , Queen of the Desert , Good Time และ High Life เป็นต้น โดยส่วนใหญ่บทของเขาไม่ใช่พระเอกหรือตัวละครนำ บางเรื่องเป็นเพียงตัวประกอบ แต่ข้อดีก็คือทำให้คนดูได้เห็น โรเบิร์ต แสดงในหลายบทบาทมากขึ้น จนเขาสามารถลบภาพแวมไพร์หนุ่มออกไปได้หมด
ในที่สุดความสามารถทางการแสดงของเขาก็เริ่มฉายแสงจนได้รับบทที่น่าสนใจในเรื่อง The Lighthouse ภาพยนตร์สยองขวัญที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ และถูกคัดเลือกจาก คริสโตเฟอร์ โนแลน สุดยอดผู้กำกับที่เคยปั้นหนังแบทแมนอย่าง The Dark Knight จนได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ให้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำในโปรเจกหนังฟอร์มยักษ์แนวแอ็คชั่นดราม่าทริลเลอร์เกี่ยวกับสายลับชื่อ Tenet
แบทแมน คนล่าสุด ที่อาจได้เป็น เจมส์ บอนด์ คนใหม่ด้วย!?
นอกจากจะเพิ่งสร้างความฮือฮาด้วยการคว้าบทแบทแมนไปแล้ว โรเบิร์ต แพททินสัน ยังถูกจับตาจากสื่อฯทั่วโลกอีกครั้ง หลังมีข่าวว่าเขาคือหนึ่งในแคนดิเดตนักแสดง ที่อาจรับบทเป็น เจมส์ บอนด์ สายลับเจ้าของรหัส 007 คนต่อไป เพราะเจมส์ บอนด์คนปัจจุบันอย่าง “แดเนี่ยล เคร็ก” เตรียมที่จะวางมือจากบทนี้ หลังจบ “Bond 25” ที่มีคิวเข้าฉายในปี 2020
ตอนแรกหลายคนก็ไม่เชื่อ และคิดว่าเป็นแค่ข่าวถือ แต่ แดนนี่ บอยล์ ผู้กำกับภาพยนตร์ และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ ที่อาจได้กำกับ Bond 25 ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเพิ่งได้ชม High Life หนังที่ โรเบิร์ต เล่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าอยากให้ โรเบิร์ต แพททินสัน มารับบท เจมส์ บอนด์ ดูเช่นกัน
การที่ โรเบิร์ต แพททินสัน จะรับบททั้ง แบทแมน และ เจมส์ บอนด์ อาจเป็นเรื่องยาก แต่ในโลกภาพยนตร์ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญคือในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ โรเบิร์ต จะกลายเป็นนักแสดงชายที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ดแน่นอนครับ