พอนึกถึงพม่า หลายท่านน่าจะนึกถึงผงแป้งสีเหลืองที่ไว้ทาหน้าเป็นเครื่องสำอางประจำชาติ แต่เชื่อหรือไม่ว่า พม่านั่น มีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น้อยคนนักจะได้เห็น ซึ่งการ เที่ยวพม่า นั้นมีความลำบากค่อนข้างมากหากไม่มียานพาหนะเป็นของตัวเอง เนื่องจากระบบขนส่งระหว่างเมืองนั้นยังไม่ดีมากพอ ครั้งนี้เราเลือกใช้รถยนต์ Nissan เดินทางตามช่วงต่างๆ ครับ ว่าแต่จะเป็นที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันได้เลย
การขับรถในประเทศพม่า
เริ่มต้นก่อนเลยคือการขับรถต่างประเทศ คุณจำเป็นต้องมีใบขับขี่สากลพกติดตัวไปด้วยเสมอนะครับ ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณมีใบขับขี่อยู่แล้ว เดินทางไปยังกรมขนส่งทางบก และแจ้งว่าต้องการทำใบขับขี่สากล พร้อมเอกสารดังต่อไปนี้
- สำเนาหนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้ในการเดินทาง ประวัติหน้าที่แก้ไข (พร้อมฉบับจริง)
- บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริง)
- สำเนาใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
- รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
- เงินสดจำนวน 505.-
- เอกสารการเปลี่ยนชื่อสกุล ใบสมรส หากมี
ซึ่งใช้เวลาในนานเลย ราวๆ 15 นาทีก็ได้มาละครับ กับเอกสารใบขับขี่สากล เพื่อทำการเช่ารถยนต์ในประเทศพม่า หรือการพารถยนต์ส่วนตัวข้ามไป แต่แนะนำให้ไปเช่าจะสะดวกกว่ามาก
ประเทศพม่านั้นขับชิดขวานะครับ ถนนหลายๆ จุดมักมีการซ่อมแซม รวมถึงรถจักรยานยนต์นั้นมีค่อนข้างมาก จึงควรใช้สัญญาณแตรให้เป็นประโยชน์ตลอดการเดินทางครับ
“เนปิดอว์” คือเมืองหลวงใหม่ของพม่าที่มาพร้อม “เจดีย์อุปตสันติ”
-นี่คือเจดีย์ชเวดากองจำลอง มีชื่อว่า เจดีย์อุปตสันติ-
ครั้งนี้ เราเริ่มต้นที่เมืองหลวงแห่งใหม่ ซึ่งตัวประเทศพม่าเองนั้น มีการเปลี่ยนเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้งอยู่แล้วครับ โดยครั้งนี้ ทางรัฐบาลเลือกเมืองเนปิดอว์เป็นสถานที่ทำการหลังของประเทศ โดยมาพร้อมกับเจดีย์อุปตสันติ หรือที่เรารู้จักกันว่า เจดีย์ชเวดากองจำลอง เนื่องจากคนพม่านั้นเลี่ยงใสและศรัทธาในศาสนาพุทธ การจะย้ายเมืองหลวง ย่อมต้องสร้างสถานที่เป็นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองไว้ด้วยนั่นก็คือ เจดีย์อุปตสันตินั่นเอง
-ด้านในของเจดีย์อุปตสันติ กับพระพุทธรูป 4 องค์หลัก ของจริงคือยิ่งใหญ่มากทีเดียว-
เจดีย์อุปตสันตินั้น จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากองแบบ 1 ต่อ 1 เลยครับ รายละเอียดภายนอกคือเหมือนกันทุกประการ ความแตกต่างจะอยู่ที่ภายใน เนื่องจากตัวเจดีย์อุปตสันตินั้นเป็นเจดีย์ใหม่ ไม่ได้มีพระธาตุหรือของสำคัญบรรจุไว้ด้านในนั่นเอง แต่แค่เห็นแค่นี้ก็ถือว่าเจ๋งจนอ้าปากค้างเลยทีเดียว
โดยรอบ จะเห็นชาวพม่าต่างพากันมากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปที่อยู่ด้านใน รวมถึงตักน้ำรดตามมุมต่างๆ รอบๆ ตัวเจดีย์อุปตสันติ คนพม่าถือว่าน่ารักมากนะครับจากมุมมองเล็กๆ ที่เราได้เห็นมา
-ขอตั้งชื่อภาพว่า คนโหม่งพระอาทิตย์ที่พม่า-
ถ้าที่นี่เป็นเพียงแค่องค์จำลอง เชื่อว่าเจดีย์ชเวดากองต้องสวยสดงดงาม อลังการกว่านี้อีกประมาณ 3 เท่า และนั้นหมายถึงจำนวนคนด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งการกราบไหว้บูชาของคนพม่านั้น จะมีดอกบัวและดอกมะลิเป็นหลักครับ โดยมีความเชื่อเรื่องการบูชาว่า “เราทำบุญเพื่อชาติหน้า” ไม่ใช่ชาตินี้
ระหว่างทางที่ขับรถจากย่างกุ้งเข้าสู่เมืองเนปิดอว์นั้น เป็นทางหลวงหลัก ระยะทางราว 600 กิโลเมตร ตัดผ่านพื้นที่เขตร้อนกลางประเทศพม่าแบบตรงๆ ยาวๆ ขับสนุก แต่ “ห้ามขับเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเด็ดขาด” มิเช่นนั้นจะถูกปรับและต้องนั่งฟังอบรมราวครึ่งวันนะครับ
แวะชมผลิตภัณฑ์ชุมชนจากต้นตาลและลูกตาลที่ Sweet Palm Factory
เนื่องที่ดินแถบนี้เป็นที่แห้งแล้งครับ ต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ขึ้นได้ดีจึงเป็นต้นตาล คนพม่าจึงนำเอาต้นตาลมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมไปถึงการนำใบตาลมาทำเป็นหลังคาแทนหญ้าคาดังที่เห็นในเขตอื่นๆ ซึ่งที่ชุมชนนี้ ได้ก่อตั้งเป็นกลุ่ม Sweet Palm Factory โดยนำเอาผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ มาแปรรูปให้ได้เป็นสินค้าสุดธรรมชาติเช่น น้ำตาลโตนดแท้ๆ 100% รวมไปถึงน้ำมันจากถั่วลิสง และงาต่างๆ
การทำน้ำมันจากถั่ว ยังคงใช้วิธีการโบราณอยู่ครับ โดยการใช้แรงวัว บดถั่วจนได้น้ำมันออกมาตามรูระบาย ซึ่งน่าจะหาดูได้ยากมากๆ แล้ว ณ ปัจจุบัน ซื้อน้ำมันจากทีนี่คือธรรมชาติ 100% แน่นอน
นอกจากน้ำตาลสดๆ หวานหอมแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำตาลเมาด้วยนะครับ ซึ่งเจ้าน้ำตาลเมาก็คือการนำเอาน้ำตาลสดไปหมักเพิ่มจนมีแอลกอฮอล์ขึ้นมาเล็กน้อย เปลี่ยนน้ำตาลเป็นความเปรี้ยว ได้รสชาติแปลกใหม่ไปอีกแบบ อีกทั้งยังมีเหล้าขาวจากน้ำตาลให้ได้เลือกซื้ออีกด้วย
ขับต่อมาถึงเมืองพุกาม กับทะเลเจดีย์อันเลื่องชื่อ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเมืองเยี่ยมชมเมืองพุกามกับทุ่งเจดีย์นั้น ควรมาในช่วงเดือนตุลาคม ถึง มีนาคม เนื่องจากคุณจะได้เห็นบอลลูนลอยอยู่เต็มท้องฟ้าในช่วงเวลาเช้าๆ นั่นเอง (ค่าขึ้นบอลลูนราว $400) ซึ่งแค่ไปเห็นบอลลูนก็คุ้มละครับ แต่พอดีช่วงที่เราไปนั่น ไม่มีการปล่อยบอลลูนให้ลอยขึ้นฟ้าอีกแล้ว มันก็จะเศร้าๆ หน่อย แต่ก็ได้ขับรถแวะชมเจดีย์แบบ Ring Side สุดๆ จนพอจะทราบได้ว่า เจดีย์เหล่านี้นั้น ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่หลายจุด ที่แห่งนี้จึงไม่ได้รับรางวัลมรดกโลกแต่อย่างใดนั่นเอง
แต่ก่อนนั้นที่ทุ่งเจดีย์แห่งนี้ คาดว่าน่าจะมีเจดีย์มากถึง 6,000 เจดีย์เลยทีเดียว แต่ช่วงหนึ่งนั้น เมืองพุกามได้ถูกทิ้งร้าง และโดนแผ่นดินไหวหลายครั้ง ทำให้เหลือเจดีย์ให้เห็นชัดๆ เพียงราวๆ 3,500 เจดีย์เท่านั้น ฟังดูเหมือนน้อยลงเยอะ แต่จริงๆ คือไม่น้อยเลย
เกร็ดความรู้ : ที่ทุ่งเจดีย์แห่งนี้ คุณจะสามารถสังเกตได้ชัดเจนระหว่างเจดีย์ที่ประชาชนเป็นผู้ก่อสร้างด้วยความเลี่อมใสในพระพุทธศาสนา กับเจดีย์ที่กษัตริย์เป็นผู้สร้างจากขนาด หากใหญ่โต หรือมีสีท้องด้วยแล้ว เจดีย์เหล่านั้นถูกสร้างโดยกษัตริย์ครับ
ปิดฉากด้วยการเที่ยวเมืองซะไกง์
เมืองซะไกง์นั้นถือเป็นเมืองสำหรับผู้แสวงบุญโดยเฉพาะครับ โดยใครก็ตามที่อยากบวชและศึกษาพระธรรมตลอดชีวิต มักเดินทางมาบวชที่เมืองแห่งนั้น โดยตั้งอยู่ทางขวาของแม่น้ำอิรวดี แม่น้ำสายหลักของคนพม่า ซึ่งเราเลือกแวะไปยังเขต Min Kun เพื่อไปเยี่ยมชม Mingun Pahtodawgyi เจดีย์ที่สร้างไม่เสร็จตั้งแต่ปี 1790s โดยเชื่อกันว่า หากสร้างเสร็จแล้ว น่าจะเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่าเลยก็ว่าได้
ต่อมา เราออกเดินทางต่อไปยัง Hsinbyume Pagoda หรือเจดีย์สีขาวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองซะไกง์ และอยู่ไม่ไกลจาก Mingun Pahtodawgyi เลย โดยตัว Hsinbyume Pagoda นั้นสร้างให้เหมือนเขาพระสุเมรุ ชั้นล่าง สร้างเหมือนเป็นคลื่นน้ำ และด้านบนนั้น เลียนแบบรูปลักษณ์ของเขาพระสุเมรุได้อย่างสวยงาม มองจากภายนอกว่าสวยแล้ว แนะนำให้ลองเดินเข้าไปดูครับ งามและมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจมากจริงๆ
อาหารการกิน อาจลำบากสักหน่อย
เนื่องจากอาหารพม่านั้น รสชาติไม่อร่อยอย่างที่เราคาดเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น คุณควรเตรียมน้ำพริก / หมูแผ่น หรืออะไรก็ตามที่เพิ่มรสชาติให้กับอาหารได้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ดี เพราะน้อยมากครับที่จะเป็นอาหารถูกปาก แต่ถ้าคุณพักที่โรงแรมก็อาจจะหายห่วงไปได้หน่อยสำหรับมื้อเช้า
หากเดินทางโดยรถยนต์บน Highway จะมีร้านแนะนำคือ Feel Express รสชาติถือว่าโอเคเลยครับ และถ้าคุณแวะไปเที่ยวพุกาม เราขอแนะนำร้าน Sharky เลย เป็นอาหารอิตาเลี่ยนที่รสชาติโอเค และผักปลูกเอง รอดจากเมืองพุกามได้ก็เพราะร้านนี้เลยครับ
เลือกขับรถดีๆ ไปนะครับ เพราะสภาพถนนไม่ค่อยปราณีเราสักเท่าไร
บน Highway อาจจะขับง่าย ขับสบาย เปิด Adaptive Cruise Control แล้วปล่อยไหลยาวๆ เลยก็ได้ เพราะตัวรถจะเบรกให้เราเอง หากระยะใกล้เกินไป แต่ถ้าเดินทางขึ้นเขา ขึ้นเนินบ่อยๆ เราไม่ค่อยแนะนำรถ Sedan ไปนะครับ เนื่องจากถนนค่อนข้างขรุขระ แถมเป็นคลื่นอยู่บ่อยครั้ง แนะนำรถกระบะหรือ PPV ไปแทนจะดีกว่าเยอะๆ เลยครับ เลือกรถคันใหญ่หน่อย จะได้ขับสบายๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญมากสำหรับใครก็ตามที่อยากเที่ยวแบบ Road Trip ในดินแดนที่ยังไม่มีใครเคยไปแบบนี้ครับ
ก็ต้องขอขอบคุณทาง Nissan Thailand เป็นอย่างยิ่งกับรถและ Trip ที่ให้พวกเราได้ไปร่วมเดินทาง ขับสนุกๆ เรื่อยๆ ชิลๆ ด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางช่วงเราชอบความรู้สึกที่ได้ขับ X-Trail บางช่วงก็ชอบ Terra แต่พูดเลยว่า รถดี ตอบสนองไว ช่วงล่างยอดเยี่ยม แนะนำให้ไปลองขับกันดูครับ