ถ้าพูดถึงวงการเพลง คุณคงรู้จักนักร้องชื่อดังอย่าง Bodyslam หรือศิลปินอย่าง The Toy แต่ถ้าพูดถึงวงการเพลงอินดี้ที่สร้างสรรค์เพลงในสไตล์ของตัวเองแล้วนั้น คุณต้องเคยได้ยิน Fungjai แน่นอน เพราะถือเป็นแหล่งรวมเพลงอินดี้เมืองไทย หรือเพลงทางเลือกไว้ในที่เดียว ยิ่งมี Concert ‘เห็ดสด’ ด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงความดังครับ วันนี้ MDs มีโอกาสได้มานั่งจับเข่าคุยกับคุณศรัณย์ ภิญญรัตน์ หรือพี่ท็อป CEO แห่ง Fungjai ด้วยคำถามแสบๆ คันๆ กันครับ
MDs : ก่อนอื่นเลย อยากให้พี่แนะนำตัวให้ผู้อ่านได้รู้จักสักนิดครับ
พี่ท็อป : ชื่อศรัณย์ ภิญญรัตน์ครับ หรือ “ท็อป” เป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Fungjai ก่อนหน้านี้ทำงานเป็น Designer 2-3 ปี แล้วก็ไปศึกษาต่อที่ประเทศ Finland หลังจากนั้นก็ได้โอกาสไปทำงาน Start Up ที่ Silicon Valley ได้ประมาณปีนึง เลยเป็นตัวจุดประกายเกี่ยวกับธุรกิจ Start Up เลยเกิด Fungjai ขึ้นตอนกลับมาถึงไทยนี่แหละ
MDs : พี่คิดว่าเพลง Classic ช่วยให้คนฉลาดขึ้นจริงมั้ย
พี่ท็อป : มันก็มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ออกมาให้เห็นแหละว่า เพลง Classic ช่วยให้ฉลาดจริง แต่เราก็ไม่เคยไปนั่งอ่านบทวิจัยนั้นหรอก (หัวเราะ) คืองานวิจัยมันเกิดขึ้นในประเทศฝั่งตะวันตกเนอะ เลยไม่รู้ว่าผลดังกล่าวมันใช้ชี้วัดได้ทั่วโลกหรือไม่ ถามว่าจริงมั้ย (หัวเราะ) ตอบยากโคตรๆ เพราะว่ากว่าจะวัดผลได้ว่าคนๆ ฉลาดขึ้นจริงๆ คงต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี แล้วต้องฟังวันละกี่ชั่วโมง เลยตอบแบบฟันธงให้ไม่ได้ แต่ด้วยการฟังเพลงเนี่ย มันช่วยให้สภาวะ EQ ของมนุษย์ดีขึ้นได้จริง คือเพลงหรือจังหวะเนี่ยมันมีมาตั้งแต่สมัยยุคหินแล้ว มันคือการจัดระเบียบความคิดอย่างหนึ่งนะเราว่า แต่จะต้องเพลง Classic อย่างเดียวมั้ยเนี่ย อันนี้ไม่ขอฟันธงละกันนะ
MDs : Ed Sheeran หรือ John Mayer
พี่ท็อป : คิดว่าเป็น John Mayer นะ คือก็ไม่ได้ชอบมากทั้ง 2 คน แต่ว่าเพลงของ Ed Sheeran บางครั้งมันก็ Cheesy เกินไป โดยเฉพาะช่วงนี้ด้วยมั้ง ทุกๆ ที่ก็เปิดเพลงของ Ed Sheeran ไปหมด เราเลยหลอน (หัวเราะ) รู้สึกว่าเขาอยู่ทุกที่ ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี ไม่เก่ง เพลงไม่เพราะนะ แต่เราแค่ไม่ชอบ ก็เหมือนอาหารที่บางคนชอบ บางคนไม่ชอบเนอะ ดังนั้นถ้าให้เลือกคนที่ไม่ค่อยชอบ กับคนที่เรารู้สึกหลอน เราขอเลือกคนที่ไม่ค่อยชอบน่าจะดีกว่า
MDs : 1975 หรือ Coldplay
พี่ท็อป : อันนี้ตอบง่าย Coldplay แน่นอน เพราะเราผูกพันธ์กับ Coldplay มากกว่าอยู่แล้ว จะบอกว่า 1975 ไม่ดีก็ไม่ใช่นะ เขาก็ดีในแบบหนึ่ง แต่ถ้าให้เราเลือกเราก็ต้องเลือก Coldplay อยู่แล้ว เพราะเราโตมากับเพลงของเขาเกือบทุกชุด ทุกอัลบั้มเลย คือให้เลือก ยังไงก็ต้องเลือก Coldplay ล้านเปอร์เซ็นต์อยู่ดี
MDs : ถ้าไม่มี Fungjai ตั้งแต่เริ่ม คือแบบไม่มีตัวตนเลย วันนี้พี่อยากทำอะไรมากที่สุด
พี่ท็อป : มันมี 2 เรื่องเลยนะที่อยากทำ อยากลงมือแก้ อันแรกเลยคือปัญหาเรื่องขยะในกรุงเทพฯ เอาจริงๆ เราอินมาก เพราะตั้งแต่เด็กเราเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ เราจะรู้สึก Sensitive มาก และที่เราเห็นบ่อยมากๆ คือเรื่องขยะ คือตอนแรกเราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้นะ เพราะเราเห็นมาตั้งแต่เกิด แต่พอเรามีโอกาสไปเห็นประเทศโลกที่ 1 อย่าง Finland ที่เขามีระบบในการจัดการขยะแบบเป็นระเบียบมากๆ ต้องแยกขยะตั้งแต่ในบ้าน ถึงขนาดระบุวันเลยนะว่าวันนี้ทิ้งอันนี้เท่านั้น ถังขยะทั่วๆ ไปนี่มีมากถึง 7 อันเลย เพื่อจัดการขยะอย่างจริงจัง คือเป็นปัญหาที่เรามี Passion มากจริงๆ อันต่อมาคือเรื่องการศึกษา พูดแล้วหล่อเลยเนอะ (หัวเราะ) แต่อันนี้คืออีกอย่างที่อยากทำมากๆ นะ เพราะเราอยู่ในเมืองไทยมาจนถึงจุดหนึ่งที่เราตระหนักได้แล้วว่า “เราต้องเป็นความเปลี่ยนแปลงนั้นที่เราอยากเห็น” คือมันยากมากเลยนะที่จะต้องรอใครสักคนมาทำให้ชีวิตเราดีขึ้น หรือผลักดันเรื่องการศึกษาเพื่อเพิ่มคุณภาพคนในสังคม ซึ่งถ้าเราไม่ได้ทำ Fungjai เราคงทำอะไรเกี่ยวกับการศึกษานี่แหละ แนว Education Content ดีๆ เป็นชุดความรู้ที่คนเข้าถึงได้ง่าย
MDs : เราเชื่อว่า “สไตล์มาพร้อมกับเพลง” หลากหลายสไตล์การแต่งตัวก็มีจุดเริ่มต้นจากเพลง อยากถามพี่ว่า ถ้าให้ตี Fungjai ออกมาเป็นสไตล์ พี่คิดว่าจะเป็นคนแบบไหน
พี่ท็อป : เราเคยลองทำ Fungjai Poll นะว่าสไตล์แบบเซอร์ๆ หรือแบบเนิร์ดเพลง ที่บ่งบอกความเป็น Fungjai คนส่วนใหญ่บอกว่า Fungjai คือหนุ่มเซอร์นะ แบบใส่เสื้อเชิ้ตคอกว้างแบบ Hawaii ไรแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วคนใน Fungjai ส่วนใหญ่นี่เรียกได้ว่า GEEK เลยนะแบบเนิร์ดเลย ฟังเพลงกันลึกมากจริงๆ บางคนมาคุยกันในออฟฟิศเนี่ย เรายังฟังไม่รู้เรื่องเลยนะจริงๆ แต่เราเองก็ไม่ได้ปิดกั้นนะว่าแนวไหนดีไม่ดี สิ่งที่เราต้องการสื่อสารออกไปคืออยากให้ทุกคนเปิดใจลองฟังอะไรใหม่ๆ ซึ่งถ้าจะให้ตอบเรื่องสไตล์ของ Fungjai ที่เราอยากให้ทุกคนรับรู้ คงเป็นผู้ชายแบบเนิร์ดๆ ฟังเพลงมาตลอดทั้งชีวิต และน่าจะเป็นคนที่ชอบสะกิดคนอื่นๆ แบบ “เฮ้ยๆ ลองฟังเพลงนี่ดิ” จนบางทีอาจโดนมองแรงใส่ด้วย อะไรแบบนั้น ใส่เสื้อผ้าเรียบๆ สบายๆ แต่มีของแนวๆ พกติดตัวไปไหนมาไหนมากกว่า ไม่รู้ตอบคำถามปะนะ (หัวเราะ)
MDs : ถ้าวันนี้พี่มีวงดนตรีเป็นของตัวเองและตัวพี่เองเป็นนักร้องนำ พี่จะเลือกใครมาร่วมวงบ้าง
พี่ท็อป : โอ้ยยากมากเลยอะ (ทำหน้าครุ่นคิด) เอาแค่กีต้าร์ / เบส / กลองแล้วกันเนอะ (คิดต่อ) โห ยากมาก เพราะมีคนเก่งๆ ในซีนเยอะมากเลย แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ คงเป็น (คิดอีกนิดนึง) มือกีต้าร์คือ เติ้ล The Whitest Crow ก็เป็นน้องในออฟฟิศนี่แหละ เรารู้จักนิสัยมันดี และเป็นคนที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์บางอย่างกับเราบนเวที เราเชื่อว่าเราไว้ใจให้เติ้ลจัดการต่อได้ มือเบสคงเป็นเพียว Polycat เพราะเรารู้สึกว่าวิธีการเล่นเบส เดินจังหวะมันดีมากนะ มีสไตล์ มีครั้งหนึ่ง Polycat เคยมาเล่นให้ Fungjai เป็นแนวช้า ซึ่งเบสของเพียวเนี่ยดีมาก ก็ถ้าให้เลือกคงเป็นคนนี้แหละครับ ส่วนกลองต้องเป็น จินซัง จริงๆ เขาเป็นคนญี่ปุ่น วง Inspirative คือเขาคนนี้เนี่ยตีกลองด้วยชีวิตมากๆ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเขามีพลัง 100 เขาจะใช้พลัง 120 บนเวที ประมาณว่าพอ Concert จบ เขาก็นอนตายบนกลองนั่นแหละ เหมือนรีดพลังงานทั้งชีวิตมาใช้บนเวที คือถ้าคนนี้อยู่ข้างหลังเรา และเขาตีให้เราอยู่เราว่าเรารอดชัวร์ ทั้งหมดทั้งมวลคงได้วง Rock หวานๆ 1 วงเลยแหละ ตั้งวงเลยดีมั้ยเนี่ย (หัวเราะ)
MDs : ถ้า Fungjai สามารถเลือกใคร หรือวงไหนก็ได้ในโลกมาแสดงในงาน ‘เห็ดสด’ ครั้งต่อไป พี่จะเลือกใครมาแสดงบนเวทีครับ
พี่ท็อป : ตอบในฐานะพี่เองละกันเพราะไม่รู้ว่า Fungjai จะอยากดูด้วยมั้ยนะ (หัวเราะ) แต่ส่วนตัวเลยอยากดู Nine Inch Nails มากๆ คือ Nine Inch Nails เนี่ยเป็นวง Industrail Rock เพลงเขาเท่มากๆ อยากให้ลองฟังกันดู เพราะมันมีช่วงหนึ่งที่เราชอบฟังแนวนี้ แนวหม่นๆ Dark หน่อยๆ ออกแนวดิ่งๆ แต่ไม่ตะโกนออกมา ดิบเถื่อนลึกๆ ซึ่งในความหม่นของตัวเพลง เรากลับเจอส่วนที่ไพเราะของมันอยู่นะ แล้วก็เป็นวงที่อยากดูสดมาก อยากดูวิธีการใช้ Visual / Focus ของไฟ มันคล้ายๆ เราดูละครเวทีเลยจริงๆ เลยอยากลองเอามาให้คนไทยได้ดูกัน คือถ้า Fungjai เอามาเองก็ไม่น่าจะรอดนะ เพราะคนรู้จักน้อย ไม่คุ้มแน่นอน (หัวเราะ) แต่ก็อยากดูอยู่ดี
MDs : อีก 10-20 ปีข้างหน้า พี่อยากให้ Fungjai เป็นอะไรครับ
พี่ท็อป : ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มั้ย แต่ถ้ามีคนตั้งใจทำหนังสือสักเล่มที่เล่าประวัติเกี่ยวกับเพลงและดนตรีในไทย เราอยากเป็นหน้าหนึ่งในนั้นที่กล่าวว่า องค์กรเราเป็นฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลงในด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าเป็นได้อย่างงั้นคงดีใจมากทีเดียว
MDs : เป็นผู้อยู่ในวงการดนตรีมาสักพักใหญ่ อยากรู้ว่าในมุมมองของพี่ แนวเพลงไหนที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในอนาคตอันใกล้นี้
พี่ท็อป : K-pop มั้ง (หัวเราะ) จริงๆ มันเป็นคำถามที่ตอบยาก เนื่องจากพอเรามาทำ Fungjai แล้ว เราพอเข้าใจคนมากขึ้นนะ เพราะโลก ณ ปัจจุบัน คนเราเลือกฟังเพลงตามใจตัวเองมากขึ้น ไม่ตามกระแสเลยก็มี บางวงทำเพลงแนวตัวเองมากๆ ซึ่งเราเคยนึกว่าไม่น่ามีคนฟัง แต่กลับกลายเป็นว่ามีคนติดตามเยอะมากทีเดียว เลยตอบอะไรแบบฟันธงไม่ได้ แต่ถ้าให้พูดถึงแนวที่กำลังจะมา คงต้องพูดถึงแนว Hip-Hop / Rap ซึ่งถือเป็นยุคที่กำลังกลายเป็นกระแสแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Rap is Now หรือเพลงไทยหลายๆ เพลงที่เริ่มใส่ท่อน Rap เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แนวนนี้นี่แหละ น่าจะกลายเป็นกระแสที่มีผลต่อวงการในไม่ช้า แต่แนวเพลงแบบนี้ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองประมาณหนึ่งนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยืนระยะในวงการ ความเป็นมืออาชีพของนักร้องเป็นต้น
MDs : ถ้าอยากจะให้พี่แนะนำวงดนตรีให้ผู้อ่าน MenDetails ลองฟังกันดู พี่จะแนะนำใครดี
พี่ท็อป : อืม… ในฐานะคนฟังคนหนึ่งแนะนำให้คนอื่นฟังละกันเนอะ คนอ่าน MenDetails เองน่าจะชอบฟังเพลงสากลอยู่แล้วเนอะ แต่ถ้าจะให้ลองหันมาฟังเพลงไทยก็ขอพูดถึงวงนี้ก่อนเลยคือ Gym and Swim ถือเป็นวงที่มีแนวดนตรีที่ฟังง่าย ฟังได้เรื่อย โยกตามได้ และเป็นเพลงภาษาอังกฤษหมดเลย ซึ่งถ้าลองให้ฟังดูโดยไม่บอกว่าบอกว่าเป็นวงอะไร เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะไม่รู้ว่านี่คือวงคนไทยด้วยซ้ำนะ แถมเป็นวงดนตรีไทยวงแรกที่ได้รับเชิญไปเล่นที่เทศกาลดนตรีที่ฮ่องกงอย่าง Clockenflap และคนดูเยอะมากๆ น่าจะไประดับโลกในไม่ช้านี้ ท่านต่อมาไม่พูดถึงไม่ได้คือพี่แสตมป์ กับอัลบั้มใหม่ ‘Stamp Somthing’ ส่วนตัวคิดว่าเป็น EP ที่ดึงตัวเองออกจากคนเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือนะ โดยเฉพาะเพลง ‘Don’t You Go’ ถือเป็นเพลงที่เราเปิดให้คนอื่นฟังได้แบบไม่อายใครเลย อยากให้ลองฟังกันดูจริงๆ อีกวงละกัน วงนี้ไม่ได้ทำเพลงออกใหม่ละ แต่สำหรับเราแล้วเนี่ย วงนี้คือวงดนตรีที่ดีที่สุดวงหนึ่งเท่าที่เมืองไทยเคยมีมา โดยเฉพาะยุคที่เขาทำเพลงนั่น ไม่มีใครกล้าทำเพลงแบบนี้ออกมาแน่นอน วงนั้นคือ ‘Death Of A Salesman’ เป็นแนว Pop แต่มีชั้นเชิงมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกเครื่องดนตรีที่ไม่คุ้นหู และการจัดวางทำนองที่เป็นเอกลักษณ์ และในสมัยนั้นไม่มีใครกล้าทำเพลงแนวนี้ แต่พวกเขาก็ประสบความสำเร็จมากจริงๆ ถ้าอยากลองฟังเพลงไทยเจ๋งๆ ที่เงินทุนไม่เยอะ แต่เอาความสามารถเข้าแลก ลองฟัง Death Of A Salesman ดูครับ
ถือเป็นการสัมภาษณ์ที่เราได้อะไรเยอะมากๆ จาก CEO Fungjai คนนี้ครับ นอกจากเขาจะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทที่รวบรวมเพลงทางเลือกของเมืองไทยแล้ว เขายังเป็นนักฟังเพลงตัวยงที่เข้าใจศิลปะการทำเพลงอย่างมาก และอย่างที่พี่ท็อปกล่าวไว้ข้างต้นครับ “ถ้าคุณลองเปิดใจ ลองอะไรใหม่ๆ คุณจะเจออะไรที่ดีกว่า” หวังว่าทุกท่านจะไปลองค้นหาเพลงแนวใหม่ๆ มาลองฟังกันดูนะครับ เริ่มต้นด้วยการเข้าไปที่ www.Fungjai.com ก่อนเลย