ความโชคดีของคนกรุงเทพฯ อย่างหนึ่งที่หาที่ไหนเทียบได้ยากมาก ๆ นั่นก็คือ “อาหาร” ครับ เนื่องจากเมืองหลวงแห่งนี้มีอาหารนานาชนิตที่ปรุงออกมาได้ใกล้เคียงกับอาหารของชาตินั้น ๆ มากกว่าที่ใดในโลก (ลองนึกถึงเวลาคุณเดินทางไปยังกรุงปารีสแล้วทานอาหารญี่ปุ่นดูได้) วันนี้เราพาทุกท่านเดินทางมายัง ซอยอารีย์ 2 ครับ กับ ร้าน Wraptor ร้านอาหาร Mexican ที่ถูกปรับเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่างให้เข้ากับคนไทย โดย คุณพิสิฐ สุธีโร หรือพี่แมว กับ คุณสิเพ็ญ รพีมนัส หรือพี่น้ำ จนกลายมาเป็นโลโก้ของร้านอย่าง แมวน้ำ กันครับว่า Mexican ในความคิดของพวกเขา 2 คนนั้น เป็นอย่างไร
ร้าน Wraptor มีทั้งหมด 2 สาขานะครับ
หลายคนอาจคิดว่า ร้านนี้ใช่ร้าน Original หรือป่าว แต่ความจริงแล้วมันคือร้านเดียวกัน มาจากโรงครัวเดียวกัน รสชาติจึงเหมือน ๆ กันครับ ไม่ต้องกังวลว่าร้านไหนจริง ร้านไหนไม่จริง ระหว่างร้านที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 2 กับซอยอารีย์ 2 เปิดทำการตั้งแต่เวลา 11:30-24:00 น. เลยทีเดียว และถ้าท่านใดขับรถยนต์ส่วนตัวมา ก็สามารถจอดรถได้ในซอยอารีย์สัมพันธ์ 2 ครับ ไม่อยากเดินไกลก็แวะเข้าร้านหน้าปากซอย แต่ถ้าร้านแรกแน่น เดินมาอีกนิดที่ซอยอารีย์ 2 ก็ได้เช่นกัน
ตัวร้านตกแต่งเน้นสนุกเป็นหลัก ไม่จำกัดสไตล์
หลาย ๆ ร้านอาหารที่เรามีโอกาสแวะไปทาน มักจะมีสไตล์ในการตกแต่งร้านที่เป็นเอกลักษณ์ครับ แต่สำหรับที่นี่นั้น คุณแมวเริ่มต้นด้วยความสนุกเป็นที่ตั้ง อาจมีเอกลักษณ์อยู่บ้างอย่างกระเบื้องขาว ไฟนีออนดัดสีเขียวสด แต่ที่เหลือก็ดูจะเน้นให้ร้านดูไม่น่าเบื่อและธรรมดาจนเกินไป อย่างที่นี่มี Counter เหมือน Cocktail Bar อยู่ด้วย เพดานเป็นสไตล์ Loft แต่ขายอาหาร Mexican นะ นี่แหละความสนุกที่อยากส่งต่อ ตั้งแต่ชื่อร้านไล่ไปถึงโลโก้ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า แมวน้ำเกี่ยวอะไรกับอาหาร Mexican และชื่อ Wraptor จนได้รู้จักชื่อเจ้าของร้านนี่แหละครับ
เปิดด้วย Salad ต่อด้วย Classic Wrap
ร้านแรกเลยคือ Avocado / Guacamole Taco Salad (240/290.-) โดยทางร้านเอาแผ่นแป้ง Taco ทำเอง นวดเอง โดยเน้นใช้ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ ลดเนยลงกว่าครึ่ง นำมาทอดแล้ววางผัก Salad ลงต่อด้วยเนื้อสัตว์แล้ว Top ด้วย Guacamole ซึ่งใหญ่มาก ที่เดียวทานได้ 2 คนเลยนะ รสชาติถือว่าดีงาม โดยเฉพาะตัว Guacamole เรียกว่าหอมมากจริง ๆ ส่วนเนื้อที่เราสั่งเป็นไก่ครับ ให้มาแบบแน่น ๆ จุก ๆ กันไปเลย แนะนำให้ทานคู่กันระหว่าง Guacamole และเนื้อไก่ จะเค็ม หวาน มัน พอดี ๆ
ต่อด้วย Classic Wrap อย่าง Fajitas โดยเราจัดเป็น Beef Steak อันนี้ดีงาม ต้องไปโดนครับ รสชาติกำลังพอดี ไม่เค็มไป ไม่หวานไป แป้งหอมแถมเนื้อ Beef Steak นี่ใส่มาไม่ยั้งจริง ๆ ทานครึ่งชิ้นมีอิ่มนะ ถือเป็นเมนู Recommended จากทางเราเลย ไปแล้วต้องลอง ไม่งั้นมาไม่ถึง Wraptor แน่ ๆ
ต่อด้วย Quesadilla ที่อัดชีสมาเน้น ๆ และชุด Wraptor Fried Taco
สำหรับ Quesadilla (180-200.-) คือนำแผ่นแป้ง Taco Homemade มาประกบกับเนื้อและชีสจนเยิ้ม 1 ที่มีทั้งหมด 4 ชิ้น ขอบอกก่อนเลยว่า ถ้าสั่งเมนูนี้มา แนะนำให้ทานตอนร้อน ๆ นะครับ อย่ารอให้เย็นจนชีสไม่เยิ้ม มันจะไม่อร่อย (อย่างเราที่ถ่ายรูปกันก่อน) แป้งหอม ชีสดี เนื้อไก่ที่เราสั่งก็ดี แต่ติดเล็กน้อยที่เค็มไปนิดในความรู้สึกเรา ถ้าใครทานเค็มอยู่แล้วอาจชอบขึ้นไปอีก แต่ถ้าชอบสักเท่าไร แนะนำทาครีมชีสที่อยู่ในเซต รับรองว่าช่วยได้ แถมอร่อยขึ้นด้วยนะ
Wraptor Fried Taco เป็นอีกเมนูที่อยากให้ลองครับ ถ้าใครที่ชื่นชอบของทอดอยู่แล้ว น่าจะอิน ในชุดมีทั้งหมด 3 ชิ้น อันนี้เราลองเป็น Guacamole และ Salsa ครับ จับคู่กับไก่ทอด ไก่อบ กับชีสแบบจัดหนัก ซึ่งต้องขอบอกครับว่า เป็นอีก Signature ที่น่าลองเป็นอย่างยิ่ง และรสชาติดี แป้งทอดดูเข้ากับทุกอย่างเนื่องจากรสแป้งเป็นกลาง เข้าคู่ได้กับความมันของ Avocado และความเปรี้ยวของ Salsa
ขอเตือนก่อนว่า “แต่ละจานคือเยอะ” ระวังทานไม่หมด
บางร้านนั้น ถึงแม้จะอยู่ช่วงราคาใกล้กัน แต่บอกเลยว่าปริมาณไม่เท่า แนะนำให้เลือกสั่งมาสัก 2 เมนูก่อนนะครับ ไม่งั้นมีห่อกลับแบบเรานี่แหละ เนื่องจากเยอะเกินความอิ่มที่พอดี จึงขออนุญาตห่อกลับบ้านกันสักหน่อย โดยที่ Wraptor ยังมีเครื่องดื่มและไอสครีมให้เลือกทานอีกด้วยเช่นเดียวกัน อย่าง Avocado Smoothie และไอสครีม Avocado ใครชอบนม จัด Smoothie คือดีมาก ๆ ครับ ส่วนใครชอบของหวาน ๆ จัดไอสครีมได้ กลิ่น Avocado ออกชัดเจน แต่สำหรับเรา เราว่าหวานไปนิดครับ
จริง ๆ แล้วที่ร้านยังมีเมนูขึ้นชื่อที่หยิบเอาน้ำผึ้งป่ามาเป็นส่วนผสมอีกด้วยนะ เผื่อใครอยากลองรส Signature จากน้ำผึ้งที่ปรับจนลงตัว ก็สามารถสอบถามพนักงานได้เช่นเดียวกัน ซึ่งโดยรวมสำหรับเราแล้ว Wraptor คือส่วนผสมที่ผ่านการทดลองให้เหมาะกับคนไทยในระดับหนึ่งเลย เพราะถ้าคุณได้ลองทานอาหาร Mexican แท้ ๆ ตัวอาหารจะค่อนข้างหนักครับ ไม่ว่าจะหนักเนย หนักชีส หนักไปหมด ทานแล้วก็จะหนัก ๆ หน่อย แต่ที่นี่ ทานแล้วรู้สึกกลาง ๆ ไม่เบาไม่หนัก กำลังพอดี เลยอยากแนะนำให้มาลองทานกันดูครับ