หากพูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต ย่อมมี พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) แห่งกรุงปารีสอยู่อย่างแน่นอน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะพาเราไปดื่มด่ำกับศิลปะและความสวยงามของจิตรกรรมจากทุกยุคทุกสมัย แต่เนื่องจากช่วงนี้เราต่างเผชิญสถานการณ์ที่เดินทางได้ลำบาก ฉะนั้นลองเที่ยวชมผลงานใน พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ผ่านระบบ Virtual Reality (VR) กันก่อนครับ แม้ตัวจะอยู่ที่บ้าน เราก็ยังสามารถชมภาพวาดที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ครับ
Virtual Tour at Musée du Louvre
เมื่อรูปแบบการใช้ชีวิตปรับไปอยู่บนออนไลน์กันมากขึ้น ทาง พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ จึงนำเทคโนโลยี VR มายกระดับให้คนทั่วโลกเข้าชมพิพิธพัณฑ์ผ่านทางออนไลน์ได้เช่นกัน เพียงแค่เข้าไปในเว็บไซต์หลักและเลือก Vitual Tour เดินชมงานแสดงหรือห้องเก็บคอลเลคชั่นผลงานชิ้นต่าง ๆ แบบเสมือนจริง เราก็จะถูกพาไปยังห้องที่เราเลือก สามารถมองรอบทิศได้ 360 องศา เลือกทางเดินได้ หากสนใจงานชิ้นไหนก็ซูมดูใกล้ ๆ โดยจะมีรายละเอียดของผลงานชิ้นนั้นบรรยายประกอบเอาไว้
Virtual Tour จะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในโถงกลางจริง ๆ เลยล่ะครับ ซึ่ง พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เก็บรักษาผลงานที่มีคุณค่าทางศิลปะไว้กว่า 35,000 ชิ้นครับ ท่ามกลางงานศิลปะจำนวนมากนั้น Mendetails.com ขอหยิบ 5 ภาพเขียนสุดอัศจรรย์ที่อยากให้คุณได้รู้จักสักนิดก่อนจะไปเที่ยวชมผ่านโลก Virtual ครับ
Portrait of Baldassarre Castiglione
ภาพเหมือนบุคคล Baldassarre Castiglione (บัลดัสซาเร่ คาสติลลีโอเน่) เป็นผลงานของ Raphael (ราฟาเอล) จิตรกรชื่อดังที่มีชื่อเสียงในยุค Renaissance ที่ฝากผลงานอันยิ่งใหญ่อย่าง The School of Athens เอาไว้ ศิลปะในยุคนั้นจะเน้นความสนใจไปที่เรื่องความสวยงามของสรีระมนุษย์ มิติของภาพ สีและแสงให้สมจริง ซึ่ง Portrait of Baldassarre Castiglione เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพเหมือนที่ดีที่สุดในยุคนั้น
Castiglione เป็นบุคคลสำคัญทางวรรณกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 16 ผู้ประพันธ์หนังสือ The Book of the Courtier (Il libro del Cortegiano) หนังสือที่แสดงถึงอุดมคติของข้าราชสำนักเอาไว้ และเป็นผู้บัญญัติคำว่า Sprezzatura ขึ้น คือ คำประกาศเกียรติคุณถึงแนวทางการเป็นการข้าราชสำนักที่ดีไว้ว่า ควรฝึกฝนตนเองให้มีความสามารถหลายด้าน และแสดงความสามารถยาก ๆ เหล่านั้นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีความใจเย็นสุขุม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีใจห้าวหาญเยี่ยงนักรบ และเมื่อเวลาผ่านไป Sprezzatura ได้กลายเป็นคำเรียกสไตล์การแต่งกายรูปแบบหนึ่งของผู้ชาย ในภายหลังแทนนั่นเองครับ
The Coronation of Napoleon
ภาพเขียนสีน้ำมันของ เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ขณะจักรพรรดินโปเลียนครองราชย์ “The Coronation of Napoleon” หรือ Le Sacre de Napoléon เป็นผลงานของ Jacques-Louis David (ฌัก-หลุยส์ ดาวีด) จิตรกรชั้นนำผู้เขียนภาพประวัติศาสตร์แห่งยุค Neoclassicism พิธีในภาพจัดขึ้นที่มหาวิหารน็อทเทรอดาม (Notre-Dame) ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ.1804 ขณะที่จักรพรรดินโปเลียนทรงสวมมงกุฏแก่พระนางโชเซฟีน (Joséphine) พระอัครมเหสีของพระองค์
The Coronation of Napoleon ถูกวาดบนผืนผ้าที่มีขนาดใหญ่เกือบ 10 เมตร เพื่อเก็บรายละเอียดในเหตุการณ์และจัดวางองค์ประกอบให้สมดุลกัน โดยบุคคลในภาพล้วนมาร่วมเป็นประจักษ์พยานในการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดินโปเลียน และเป็นประจักษ์พยานในการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่เช่นกัน แท้จริงแล้วประเพณีมีว่า พิธีการอภิเษกกษัตริย์ต้องเป็นไปใต้พระหัตถ์ของพระสันตปาปา แต่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น จักรพรรดินโปเลียน ทรงสวมมงกุฏให้พระนางโชเซฟีนด้วยตัวพระองค์เอง
Mona Lisa
ภาพเขียน ที่ใคร ๆ ล้วนอยากไปชมด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต Mona Lisa หนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นผลงานชิ้นเอกของ Leonardo da Vinci (เลโอนาร์โด ดา วินชี่) ศิลปินเอกของโลกที่มีความสามารถหลากหลายแขนงและเป็นบุคคลสำคัญแห่งยุคสมัย Renaissance ซึ่งจากหลักฐานในอดีตที่รวบรวมได้ ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ผู้หญิงในภาพเหมือน คือ Lisa Del Giocondo (ลิซา เดล จิโอคอนโด) สาวอิตาเลียนในตระกูลชนชั้นสูง Gherardini
เป็นภาพที่ใครที่เคยชมต่างก็บอกว่า ไม่ว่าเราจะมองเธอจากมุมไหนของภาพ จะรู้สึกเหมือนโมนาลิซามองตามคุณตลอดเวลา และยังมีเรื่องรอยยิ้มปริศนาว่าที่จริงเธอกำลังยิ้มหรือทำหน้านิ่งอยู่กันแน่
หลายคนอาจตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดภาพเหมือนบุคคลที่ไม่ได้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ถึงโด่งดังระดับโลกได้ เพราะภาพโมนาลิซาเป็นต้นแบบที่ทำให้เกิดการวาดภาพเหมือนสมัยใหม่ด้วยครับ เมื่อก่อนภาพเหมือนบุคคลจะเป็นรูปเต็มตัว ดาวินชีเป็นผู้ริเริ่มการวาดภาพเหมือนให้เห็นเพียง 3 ส่วน 4 ของร่างกาย (three-quarter pose) ที่ดูเป็นทางการน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น มีการจัดวางองค์ประกอบรูปแบบพีระมิด ด้านล่างของภาพมีน้ำหนักมากกว่า ที่ช่วยดึงดูดสายตาไปยังส่วนใบหน้าของโมนาลิซานั่นเอง
Liberty Leading the People
ภาพ Liberty Leading the People (La Liberté guidant le peuple) หรือ เสรีภาพนำประชาชน เป็นจิตรกรรมสีน้ำมันของ Eugène Delacroix (ยูแฌน เดอลาครัวซ์) ที่บอกเล่าถึงเหตุการณ์ปฏิวัติในยุคสมัยการปกครองของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 10 แห่งฝรั่งเศส ในตอนนั้นประชาชนเกิดการเสื่อมความศรัทธาในตัวพระองค์ เป็นผลให้ประชาชนทุกชนชั้น ทั้งชนชั้นกลาง นิสิตนักศึกษารวมถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ต่างลุกฮือขึ้นจนนำไปสู่การจลาจลสงครามกลางกรุงปารีส กลายเป็นเหตุการณ์ปฏิวัติเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1830 (July Revolution)
แม้ Delacroix จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์การปฎิวัติ แต่เขาก็ได้รับผลกระทบทางความรู้สึกจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงทำให้เขาสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นเพื่อระลึกถึงการต่อสู้และการอุทิศชีวิตให้แก่ประเทศชาติ หากได้ดูภาพ Liberty Leading the People สัมผัสได้ถึงพลังและความรักชาติอย่างเหลือเชื่อครับ โดยธงในมือของ Marianne (มารีอาน) สตรีในภาพแสดงออกถึงอำนาจสูงสุดของประชาชน และชัยชนะแห่งเสรีภาพที่ได้รับมา
The Raft of the Medusa
ภาพเขียนสีน้ำมัน “The Raft of the Medusa” หรือ Le Radeau de la Méduse ได้แรงบันดาลใจจาก เหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือ Medusa เป็นผลงานของ Théodore Géricault (เธโอเดอร์ เฌริโก) ศิลปินที่อยู่ในสไตล์ Romanticism ศิลปะรอยต่อจากสมัยนีโอคลาสสิก เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเรือ Medusa ที่เป็นเรือ Frigate ของฝรั่งเศสต้องเดินทางไปยังเมืองเซนต์หลุยส์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1816 แต่กลับเกิดอุบัติเหตุชนกับหินโสโครกเข้าจนกัปตันต้องตัดสินใจสละเรือ
เรือชูชีพเพื่อการอพยพไม่สามารถบรรจุผู้โดยสารทั้งหมดได้ จึงต้องต่อแพไม้รองรับคนที่เหลือ โชคร้ายที่แพถูกซัดหายออกไปเมื่อเจอพายุ ผู้โดยสารกลุ่มนั้นต้องรอนแรมอยู่กลางทะเลถึง 13 วัน มีผู้รอดชีวิตเพียงหยิบมือและสภาพไม่ต่างจากศพ ซึ่ง Géricault ใช้เวลากว่า 3 ปีในการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ สร้างแพจำลอง สังเกตพฤติกรรมคนวิกลจริตในโรงพยาบาล กระทั่งไปศึกษาศพในห้องเก็บศพเพื่อจะสร้างผลงานที่สมบูรณ์ที่สุดออกมาเป็นภาพ The Raft of the Medusa ที่แสดงให้เห็นตอนผู้รอดชีวิตกำลังเรียกเรือใหญ่ แสดงถึงความหวังสุดท้ายของการมีชีวิตรอด
นอกจากงานจิตรกรรมแล้ว ระบบ VR ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ก็ยังมีงานประติมากรรมแกะสลัก คอลเลคชั่นศิลปะภายในอย่าง Galerie d’Apollon และห้องอียิปต์โบราณให้เราได้ชมด้วยเช่นกัน สำหรับช่วงนี้เที่ยวผ่าน VR ไปก่อน ข้อดี คือ ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องต่อคิวยาวและยืนเบียดกันชมภาพครับ และเมื่อมีโอกาสค่อยแวะไปชมภาพจริงที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แห่งปารีสกัน