หลังจากที่การเดินทางระหว่างประเทศไม่ได้ง่ายดายเหมือนก่อนมานานหลายปี ทำให้ในปี 2023 นี้ มีความพิเศษอย่างยิ่ง เพราะหลายประเทศเปิดพรมแดนให้เดินทางท่องเที่ยวได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่ตัวเองอยากไปได้เสียที ซึ่งคนไทยก็มีหลายประเทศนิยมไปกันเป็นพิเศษ ทำให้มองไปทางไหนก็เจอแต่คนไทยและกรุ๊ปทัวร์ MenDetails จึงถือโอกาสนี้มาแนะนำ 4 ประเทศน่าเที่ยว 2023 มาฝากครับ เป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล แต่คนไทยหลายคนอาจจะมองข้ามหรือนึกไม่ถึง สำหรับใครที่อยากเดินทางสัมผัสประสบการณ์ใหม่ แต่ไม่ไปยากจนเกินไปไม่ว่าจะไปเองหรือไปกับทัวร์ก็ตาม
ตุรเคีย สะพานเชื่อมสองทวีป
ตุรเคีย หรือชื่อเดิม ตุรกี เป็นชื่อประเทศที่คนไทยรู้จัก แต่หลายคนไม่มีความคิดอยากไปเที่ยวเพราะไม่รู้ว่าประเทศนี้มีอะไรดี ทำให้มองข้ามไป และเพราะมันถูกมองข้ามจากนักท่องเที่ยวชาวไทยหลาย ๆ คนนี่ล่ะครับที่ทำให้เราเลือกหยิบมาแนะนำ
ตุรเคียหากย้อนมองไปถึงอดีตแล้ว ต้องบอกว่ามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจโดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ยุโรปยุคกลาง ทำให้มีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติมากมาย มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงและศาสนาเพราะตุรเคียรับเอาวัฒนธรรมจากทั้งฝั่งเอเชียและยุโรปมาไว้ด้วยกัน สมชื่อสะพานเชื่อมของยุโรปกับเอเชีย ทำให้กลิ่นอายของตุรเคียต่างกันออกไปตามภูมิภาคที่เราไปท่องเที่ยว
สถานที่ที่น่าสนใจของประเทศนี้ ไม่ได้มีแค่เมืองใหญ่อย่าง อิสตันบูล ที่มีทั้งวัง มัสยิด และโบสถ์ แต่ยังมีเมืองย่อยอื่น ๆ ที่มีสิ่งที่น่าสนใจของตัวเอง แต่ที่พลาดไม่ได้น่าจะเป็นคัปปาโดเกีย (Cappadocia) แหล่งมรดกโลกที่มีทั้งวิวที่สวยงาม และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรม ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายมาที่นี่ หรือจะเป็นปามุกคาเล (Pamukkale) แหล่งน้ำพุร้อนที่ได้ฉายาว่าปราสาทปุยฝ้าย ในจังหวัดเดนิซลี (Denizli) ก็เป็นสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่ดึงดูดผู้คนเช่นกันครับ ยังไม่นับเมืองใหญ่ในภูมิภาคอื่น ๆ ที่มีความสวยงามต่างกันไปให้เราได้ค้นหาอีกนะครับ และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่สถานที่เที่ยว แต่การได้ไปเห็นผู้คน บ้านเมือง และได้กินอาหารท้องถิ่นในภูมิภาคที่ต่างกันของตุรเคียก็ทำให้ตุรเคียเป็นประเทศที่น่าเที่ยวอย่างยิ่งในปีนี้ครับ
มอลตา ไข่มุกงามแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เชื่อว่าหลายคนไม่คุ้นชื่อประเทศเกาะเล็ก ๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี้แน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ได้รับฉายา ไข่มุกแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีนักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางไปพักผ่อนและตากอากาศมากมาย สำหรับคนไทยที่ต้องการไปสัมผัสประเทศที่ไม่ซ้ำใครมอลตา (Malta) เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ประเทศนี้เป็นประเทศเกาะขนาดเล็กใต้ประเทศอิตาลี เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่น ด้วยความที่เป็นประเทศเกาะทำให้เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวในการไปพักผ่อนหย่อนใจ จากวิวทะเลอันสวยงามและอากาศที่ดีตลอดทั้งปี บ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างอย่างป้อมและโบสถ์เก่าแก่ของประเทศนี้มีสีสันและการออกแบบที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนี้ และเมืองนี้เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในอดีตทำให้ประชาชนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ไปเที่ยวแล้วไม่ลำบากเรื่องการสื่อสารแน่นอนครับ
สถานที่เที่ยวส่วนใหญ่นอกจากเดินชมบ้านเรือน ก็เป็นเมืองเก่าครับ อย่างเมืองหลวงวาเล็ตต้า (Valletta) ก็ยังมีสิ่งก่อสร้างสไตล์เก่า รวมถึงวิหารสวยงามให้เยี่ยมชม หรือจะเป็นโดโซ (Gozo) เกาะอีกเกาะของมอลตาก็มีสิ่งก่อสร้างสวยงาม ป้อมโบราณและโบสถ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นกัน แต่ที่โดดเด่นกว่าจะเป็นเรื่องของวิวธรรมชาติเพราะเกาะนี้มีตึกสูงบางตากว่าเกาะหลัก นอกจากนี้ไฮไลท์อย่างกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทะเลทั้งดำน้ำ ล่องเรือก็ห้ามพลาด ส่วนอาหารการกินก็น่าสนใจเพราะมอลตารับเอาวัฒนธรรมการกินมาจากชาวเกาะซิซิลีและประเทศแถบแอฟริกาเหนือมาผสมผสานกันเป็นรสชาติแห่งเมดิเตอร์เรเนียนที่จะทำให้เราตกหลุมรัก
สัมผัสความสวยงามของตะวันออกกลางที่จอร์แดน
หากให้เราแนะนำประเทศในตะวันออกกลางสักประเทศ ที่ไปแล้วได้สัมผัสทั้งความสวยงามของธรรมชาติ สิ่งก่อสร้าง อาหารการกิน คนเป็นมิตร ท่องเที่ยวไม่ยาก จอร์แดน (Jordan) คือคำตอบของเราครับ
จอร์แดนเป็นประเทศที่ติดกับอิสราเอล อิรัก และซาอุดิอาระเบีย เป็นประเทศที่คนไทยมักมองข้ามไปเพราะทั้งเป็นประเทศในตะวันออกกลางที่คนกลัวว่าจะมีความไม่สงบ บางคนก็อาจมองว่ามีแต่ทะเลทราย ไปจนถึงบางคนที่ไม่รู้จักประเทศนี้เลยก็มี แต่ที่นี่มีทั้งสิ่งก่อสร้างที่น่าหลงใหล ร่องรอยประวัติศาสตร์และอารยธรรมที่น่าสนใจ รอให้เราเดินทางไปค้นหาครับ
สถานที่เที่ยวที่ห้ามพลาดของจอร์แดน คือ เดดซี (Dead Sea) พอพูดชื่อนี้ขึ้นมาหลายคนน่าจะรู้จักในฐานะทะเลสาบที่มีความเข้มข้นของเกลือมากที่สุดในโลก มากถึงขนาดที่ว่าเราลอยตัวในน้ำได้ ประเทศจอร์แดนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีพื้นที่ติดกับทะเลสาบนี้ให้เราไปท่องเที่ยวครับ และเมืองมรดกโลกอายุนับพันปีอย่างเพตรา (Petra) ให้เราได้ไปเยือนด้วย ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมโบราณต้องมาเยือน เพราะนี่คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นอกจากนี้ก็ยังมีเมืองตากอากาศอย่างอคาบา (Aqaba) ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) ล่องเรือในทะเลแดง ไปจนถึงชมซากโบราณสถานของอาณาจักรโรมันและป้อมจากยุคสงครามครูเสด เรียกได้ว่าตอบโจทย์ครบ
อลาสก้า สักครั้งในชีวิต
อันนี้ไม่ใช่ประเทศ แต่ถ้าให้พูดถึงประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งประเทศก็ดูจะใหญ่ไป เราเลยขอเจาะมาที่รัฐที่คนไทยรู้จัก แต่อาจไม่มีความคิดอยากไปเท่ากับเมืองอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกาอย่าง อลาสก้า สักหน่อยครับ ใครที่ชอบอากาศหนาว วิวสวยงามของธรรมชาติทั้งภูเขา ธารน้ำแข็ง และอากาศบริสุทธิ์ต้องมาสัมผัส
จุดเด่นของอลาสก้าคือความเงียบสงบ ไม่วุ่นวายมากนัก เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ พร้อมกับอากาศเย็นสบาย ถ้าหากมาที่นี่ต้องไม่พลาดเข้าเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ Glacier Bay ที่เป็นไฮไลท์สำคัญ โดยเฉพาะธารน้ำแข็งนั้นสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทุกปี หรือถ้าใครเป็นสาย Camping ที่อุทยานแห่งชาตินี้ก็มีพื้นที่รองรับเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีธารน้ำแข็งอื่น ๆ และฟยอร์ดมากมาย ให้เราได้ล่องเรือชม ใครอยากจะเดินเล่นสัมผัสชีวิตของผู้คนในเมืองต่าง ๆ ก็ได้เช่นกันครับ หรือใครที่สนใจประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองที่นี่ ก็มีแหล่งเรียนรู้ รวมถึงการไปพักกับคนพื้นเมืองเหล่านั้นด้วยครับ
แน่นอนว่าในโลกอันกว้างใหญ่ยังมีอีกหลายที่ให้เราได้ค้นหา แต่สำหรับ ประเทศน่าเที่ยว 2023 ของ MenDetails ในตอนนี้แล้ว ต้องเป็น 4 ที่นี้เลยครับ เราก็หวังว่าในปีนี้หลายคนจะได้เดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างที่ต้องการนะครับ และถ้าเรามีโอกาสได้เดินทางในปีนี้ก็จะเก็บเรื่องราวมาเขียนให้ได้อ่านอย่างแน่นอน