กระดุมเป็นสิ่งที่อยู่กับการแต่งกายของมนุษย์มานาน และกระดุมยังสามารถบ่งบอกความหรูหราของเสื้อผ้าไปจนถึงฐานะของผู้สวมใส่ได้ ตามประเภทและวัสดุที่ใช้ในการผลิตกระดุม คงไม่ผิดนักหากเราจะบอกว่า เจ้าสิ่งเล็ก ๆ นี้ ทำให้การแต่งกายของมนุษย์เป็นอย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ หลังผ่านการพัฒนามานานนับพัน ๆ ปี
แต่กว่าจะเป็นอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ได้ มนุษยชาติมีเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับกระดุมบ้าง ในวันนี้ MenDetails จะพาทุกท่านมารู้จักกับ ประวัติกระดุม สิ่งเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ รวมถึงรู้จักกับประเภทของกระดุมเบื้องต้นที่ผู้ชายควรรู้จักว่ามีอะไรบ้าง
ประวัติกระดุม การเดินทางยิ่งใหญ่ของสิ่งเล็ก ๆ จากยุคโบราณ ถึงการปฏิวัติแฟชั่นในปัจจุบัน
กระดุมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ถูกขุดพบ มีอายุราว 5000 ปี ทำจากเปลือกหอย โดยถูกพบในพื้นที่ที่เป็นอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ เป็นอารยธรรมยุคสัมริดที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อารยธรรมอียิปต์โบราณและอารยธรรมเมโสโปเตเมียเลย กระดุมดังกล่าวถูกพบใกล้กับเขตเมือง Mohenjo-daro เมืองโบราณที่ปัจจุบันเป็นพื้นที่ของประเทศปากีสถาน
กระดุมในยุคโบราณนั้น ไม่ได้มีหน้าที่เหมือนกับที่ใช้ในปัจจุบัน เพราะมันใช้ในการประดับบนเสื้อผ้า หรือตกแต่งแสดงฐานะ ประโยชน์ในการนำมาใช้แบบปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น แม้แต่รังดุมในยุคนั้น ยังไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
กระดุมเริ่มได้รับการพัฒนาเพื่อใช้ในการใส่เมื่อเข้าสู่ยุคโรมัน แต่เพราะเสื้อผ้าที่รุ่มร่ามของชาวโรมัน ทำให้กระดุมที่ใช้ต้องมีขนาดที่ใหญ่ มีความแข็งแรง ทำให้ขนาดของรังดุมมีขนาดใหญ่ ไม่สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ยังมีการใช้งานในกระเป๋าหนังเก็บของไปจนถึงการนำไปใช้ในชุดออกรบ
จนกระทั่งมาถึงศตวรรษที่ 13 ในประเทศเยอรมนี รังดุมถูกเย็บเข้าไปกับเสื้อผ้า ทำให้เกิดเป็นกระดุมในแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน เสื้อผ้าเริ่มเข้ารูปและสวมใส่ได้โดยไม่หลวมมากขึ้น แต่ในยุคนี้กระดุมยังถือเป็นของสำหรับชนชั้นสูง ใครที่มีเสื้อผ้ามีกระดุม จะถือว่าเป็นคนที่มีฐานะ ขุนนาง ไปจนถึงเชื้อพระวงศ์
ถึงแม้คนธรรมดาจะมีโอกาสใช้กระดุมอยู่บ้าง เป็นกระดุมที่ไม่สวยงามและเป็นแบบทำเอง แถมในบางประเทศมีการตั้ง Guild สำหรับนักทำกระดุมขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อควบคุมการผลิตกระดุมและการขายกระดุมในตลาด อย่างเช่นในฝรั่งเศส ศตวรรษที่ 16 มีการตั้ง Guild นี้ขึ้นมา เพื่อออกกฏควบคุมการผลิตและการใส่กระดุม
แต่กระดุมก็เป็นของสำหรับชนชั้นสูงได้ราว 500 ปี เท่านั้น เพราะเมื่อเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม การผลิตกระดุมทำได้ง่ายขึ้น จำนวนมากขึ้นและราคาถูกลง ทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงกระดุมได้อย่างเท่าเทียม มีการใช้วัสดุใหม่ ๆ รวมถึงการคิดลวดลาย รูปแบบใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นในยุคนี้
และในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมยังเป็นจุดกำเนิดของกระดุมเรียบแบบ 4 รู ที่เราใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้อีกด้วย กระดุม 4 รู ในยุคนั้นได้รับความนิยมมาก ทั้งในกลุ่มชาวบ้านประชาชนธรรมดา ไปจนถึงการนำไปใช้ในเครื่องแต่งกายทหาร
เมื่อศตวรรษที่ 20 มาถึง เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น มีการคิดค้นวัสดุชนิดใหม่อย่างพลาสติก การผลิตกระดุมก็ทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทำให้ประเภท วัสดุที่ใช้ ไปจนถึงราคาของกระดุมถูกลงไปอีก กระดุมกลายมาเป็นองค์ประกอบทั่วไปที่เราเห็นได้ในเสื้อผ้าไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีการคิดค้นอุปกรณ์อื่น ๆ ออกมา แต่กระดุมก็ยังเป็นอมตะ เพราะความคงทน ใช้งานง่าย ไม่มีเสียงให้รำคาญใจ หากชำรุดก็สามารถเย็บเข้าใหม่ได้ ทำให้กระดุมยังอยู่คู่กับการแต่งกายของมนุษย์ จนเรียกได้ว่ามันคือสิ่งที่ปฏิวัติแฟชั่นของมนุษย์ให้เป็นแบบทุกวันนี้เลยทีเดียว
ประเภทกระดุมเบื้องต้น
กระดุมในปัจจุบันมีหลายประเภทที่ต่างกันไป ทำให้กระดุมแต่ละแบบมีราคาหรือความสวยงามที่ต่างกัน และยังทำให้การแต่งกายของเรามีสไตล์ที่ต่างกัน ในหัวข้อนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับประเภทกระดุมเบื้องต้นครับ
1. กระดุมแบบเรียบ เป็นกระดุมแบบธรรมดาที่เราคุ้นตา พบเห็นได้ทั่วไป มีทั้งแบบสองและสี่รู สามารถเย็บติดเข้ากับเสื้อผ้าได้ง่าย ไม่ว่าจะด้วยเครื่องจักรหรือด้วยมือ กระดุมประเภทนี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย เพราะมันทำให้เสื้อผ้าของเราดูดีได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตของผู้ชายที่เราจะเห็นกระดุมประเภทนี้
กระดุมแบบเรียบนี้ มีหลายขนาด สี ลวดลายและวัสดุให้เลือก รวมถึงอาจมีการแต่งเติมรายละเอียดรอบกระดุมทำให้กระดุมอาจไม่เป็นวงกลมเสมอไป ก็จะส่งผลต่อราคาและการนำไปใช้ครับ
2. Shank เป็นกระดุมที่จะมีรูอยู่ใต้กระดุมหรือด้านหลัง แทนที่จะเป็นตรงกลางแบบกระดุมเรียบ เป็นกระดุมที่มีความหนาขึ้นมาจากกระดุมเรียบ ทำให้ Shank มีความโดดเด่น ทำให้เสื้อผ้าดูหรูหรามากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการออกแบบ
กระดุม Shank ก็เหมือนกระดุมเรียบที่มีหลายขนาด หลายวัสดุ ลวดลายให้เลือก แต่กระดุมแบบนี้จะต้องผลิตออกมาให้มีคุณภาพดี โดยเฉพาะเสื้อรูด้านใต้ที่ต้องสอดด้ายเย็บผ้าผ่านเข้าไป ทำให้กระดุมแบบนี้ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าดูดีอย่างเดียว แต่ยังคงทน ใช้ได้นานอีกด้วย
3.Snaps (หรือ Poppers / Press stud) กระดุมแบบนี้จะไม่ใช้การสอดกระดุมเข้าไปในรังดุม ทำให้มีความแตกต่างจากกระดุมแบบอื่น แต่จะแยกออกเป็นสองส่วน ที่จะเย็บติดเข้าไปในเสื้อผ้า กระดุมแบบนี้มักจะเป็นวงกลม ทั้งสองส่วนจะยึดเกาะกัน ใส่ง่ายแค่จับให้ตรงแล้วกดลงไป เวลาจะถอดก็ดึงให้แยกจากกันได้เลย
Snaps ทั่วไป มักจะทำมาจากโลหะ หรือพลาสสิก แต่ไม่ว่าจะทำมาจากอะไร การยึดเกาะของมันจะแน่น ไม่หลุดออกมาง่าย ๆ และมันมาในสีสัน ลวดลายที่หลากหลาย ทำให้ในเสื้อผ้าแต่ละตัวที่ใช้ Snaps เราจะเห็นการเลือกใช้วัสดุ และสีที่ต่างกัน ให้เข้ากับสีและเนื้อผ้าของเสื้อผ้าชิ้นนั้น
4. Stud กระดุมแบบนี้ มักพบเห็นในกางเกงยีนส์หรือเสื้อผ้าที่ทำจากเดนิม Stud จะแบ่งเป็นสองส่วนคล้าย Snaps แต่ Stud ทั้งสองส่วนจะยึดติดกันด้วยเครื่องมือพิเศษ ทำให้มันไม่มีทางหลุดจากกันได้ ยกเว้นแต่จะถึงอายุขัย หรือมันเสีย เวลาใส่เราจะดันมันผ่านรูผ้าคล้ายกระดุมปกติ แล้ว Stud จะทำการยึดผ้าเอาไว้ให้กระชับครับ
นอกจากจะใช้งานเพื่อยึดเกาะผ้าเข้าด้วยกันแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องประดับได้ด้วย เราจะเห็นกางเกงยีนส์มีกระดุม Stud ประดับอยู่บริเวณกระเป๋า หรือส่วนอื่น เพื่อเพิ่มความเท่ ความสวยงาม
กระดุมบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับสไตล์ได้บ้าง
รู้จัก ประวัติกระดุม กับ ประเภทกระดุม กันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว แต่กระดุมที่อยู่บนเสื้อผ้าของเรายังสามารถบ่งบอกอะไรได้อีกหลายอย่าง เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ แต่เป็นองค์ประกอบเสริมให้เราดูดีขึ้นได้ครับ
กระดุมบนเสื้อผ้าของเรานั้น สามารถบ่งบอกคุณภาพ ความหรูหราของเสื้อผ้า ไปจนถึงรสนิยมของผู้ใส่ได้ครับ เพราะเสื้อผ้าที่ดี จะต้องมีการตัดเย็บหรือใช้กระดุมที่มีคุณภาพ ทำให้อาจจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่การที่เราเลือกเสื้อผ้าที่ตัดเย็บกระดุมได้ดี แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของเรา รวมถึงมั่นใจได้ว่ากระดุมบนเสื้อผ้าจะไม่หลุดออกมาง่าย ๆ
นอกจากนำมาใช้งานแล้ว สีสัน ดีไซน์ รูปร่าง ไปจนถึงวัสดุที่ใช้ ยังบอกถึงความชอบของเราได้ด้วย เพราะบางคนอาจจะไม่ชอบกระดุมที่ทำจากพลาสติก แต่อาจชอบกระดุมที่ทำจากแก้ว หรือบางคนเวลาใส่ชุดไปออกงานเลี้ยง อาจอยากได้กระดุมที่มีลวดลายที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ถึงแม้ว่าในเสื้อผ้าสำเร็จปกติที่เราใส่กันทุกวัน กระดุมจะมากับเสื้อผ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เสื้อผ้าหลายแบรนด์ก็มีกระดุมหลายแบบให้เราได้เลือก เพื่อตอบรับความต้องการ
หรือคนบางกลุ่ม อาจไม่ได้เอากระดุมมาใช้งาน แต่เป็นการสะสมกระดุมหายาก กระดุมโบราณ ซื้อขาย แลกเปลีย่นกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็มีครับ เพราะกระดุมบางเม็ดมีเรื่องเล่า ลวดลายพิเศษ ที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงเวลานั้น ๆ หรือวัฒนธรรมในพื้นที่นั้น ๆ ได้ดี กระดุมจึงไม่ได้เป็นแค่แฟชั่น เครื่องแต่งกาย แต่ยังเป็นจดหมายที่บอกเล่าเรื่องราวได้ด้วย
ถ้าหากโลกนี้ไม่มีกระดุม
ในทางกลับกัน ลองคิดดูเล่น ๆ ว่า หากโลกนี้ไม่มีกระดุมเกิดขึ้นมา มนุษย์จะมีการแต่งกายอย่างไร
แน่นอนว่าการแต่งกายแบบที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น มนุษย์อาจจะยังคงใช้ผ้าผืนใหญ่ ๆ รุ่มร่าม ห่อตัวกันแบบชาวโรมันอีกหลายร้อยปี แม้จะมีการคิดค้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เรามีในปัจจุบัน อย่าง ตีนตุ๊กแก แต่มันก็มีเสียงที่ดังรบกวนเวลาแกะ เวลาผ่านไปอาจเสื่อมสภาพ ไม่สะดวกสบายเหมือนกระดุม สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดก็อาจจะเป็นการผลิตเสื้อผ้าแบบสวมอย่างเดียว
การออกแบบเสื้อผ้า กระแสแฟชั่น ก็อาจจะต่างไปจากที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ชุดสูทที่เราใส่กันก็จะมีหน้าตาแตกต่างไปจากนี้ เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ก็จะไม่เป็นแบบที่เราใช้กัน การเกิดขึ้นของกระดุมจึงเป็นการปฏิวัติการสวมใส่เสื้อผ้าของมนุษย์และวงการแฟชั่นอย่างแท้จริง
กระดุมเป็นสิ่งที่นับตั้งแต่การกำเนิดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก และยังเป็นสิ่งที่ทำให้การแต่งกายเข้าที่เข้าทางมากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องแฟชั่น ไม่ว่าอนาคตจะมีเทคโนโลยีอะไรออกมาใหม่ แต่ก็คาดว่ากระดุม จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของมนุษย์ไปอีกนาน
นี่คือเรื่องราวความเป็นมาที่ไม่เล็ก ของสิ่งเล็ก ๆ ที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้จัก เผื่อในการไปเลือกซื้อเสื้อผ้าครั้งหน้า หลายคนอาจจะเริ่มสังเกตกระดุมที่อยู่บนเสื้อผ้าแต่ละตัว ว่ามีลักษณะ ดีไซน์เป็นอย่างไร ทำมาจากอะไร เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบในการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าสักตัวก็เป็นได้ครับ