เมื่อไม่นานมานี้ เราได้มีโอกาสไปร่วมขับรถกับ Mercedes Driving Events ที่สนาม BIRA CIRCUIT ซึ่งแน่นอนว่าการจัดสอนขับรถในรูปแบบของ Mercedes นั้น ต้องไม่ธรรมดา เพราะมีรถหลากหลายรูปแบบให้เราได้ลองขับกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-AMG หรือ Mercedes-BENZ ทั้งรุ่นเล็ก / รุ่นใหญ่ มีมาครบ ซึ่งทางแบรนด์นั้น ให้เราได้ลองเหยียบกันอย่างมันกันไปเลยครับ
แต่ที่สิ่งได้บนสนามแข่ง บางครั้งก็ไม่ได้สามารถเอามาใช้ได้บนท้องถนนบ้านเราได้ 100% แน่ๆ แต่มีอยู่ 3 อย่างครับ ที่เราได้มาจากการฝึกอบรมครั้งนี้ ซึ่งเป็น 3 สิ่งที่คุณน่าลองนำไปใช้ดูครับ
-ลืมวิธีการจับพวงมาลัยแบบอื่นไปให้หมด-
เราอาจคุ้นเคยกับท่านั่งขับเท่ๆ ด้วยมือข้างเดียว หรือไม่ก็มีทฤษฎีอีกมากมายที่พูดกันปากต่อปากว่า “จับท่านี้สิดี” หรือเห็นคุณพ่อตัวเองขับมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ก็เลยเลือกที่จะจับและขับตามคุณพ่อ บอกเลยครับว่า ทั้งหมดทั้งมวลอาจถูก แต่ลักษณะการจับพวงมาลัยที่ดีจริงๆ มีอยู่ท่าเดียวครับ
ควรจับพวงมาลัยโดยยึดตำแหน่งที่ 3 และ 9 นาฬิกา เป็นหลัก และนั่งในตำแหน่งที่งอข้อศอกได้เล็กน้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสูงและช่วงแขนของแต่ละท่านครับว่า จะเหมาะสมที่ตำแหน่งนั่ง ณ จุดใด แต่อย่าจับพวงมาลัยให้แขนตึงเป็นพอครับ
นี่คือท่าที่ยอมรับกันในวงกว้าง โดยเฉพาะเหล่านักแข่งรถต่างๆ มากมาย อ่านมาถึงจุดนี้ก็จะเริ่มรู้แล้วใช่มั้ยครับว่า “หลายๆ คนน่าจะจับพวงมาลัยมาผิดตั้งแต่ต้น” เลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไร ตั้งแต่นี้ลองจับใหม่นะครับ
-เลือกมองในจุดที่ถูกต้อง-
จุดที่เราต้องใส่ใจให้มากไม่ใช่รถคันข้างหน้าเราครับ อย่าพยายามจ้องแต่รถคันข้างหน้าเราเท่านั้น เพราะจากจ้องมองแต่รถคันข้างหน้า จะทำให้คุณประเมินสถานการณ์ต่างๆ ได้ยากมากขึ้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันก็เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง ดังนั้นการมองถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในการขับรถนะครับ แต่ต้องมองในถูกที่ ว่าแต่ต้องมองที่ไหนหล่ะ
จุดที่ควรมองคือพื้นที่ข้างหน้าเลยจากรถคันหน้าเราไปอีก อาจดูเป็นเรื่องยากนะครับ แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ คุณก็จะเริ่มชินกับการมองดังกล่าว และที่สำคัญกว่านั้นเลยก็คือ สายตาควรสอดส่ายหาทางออกเสมอ เพราะรถจะวิ่งไปตามสายตาของเราครับ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ตาต้องสัมพันธ์กับมือและขยับรถหนีจากจุดอันตรายให้ได้
จุดนี้ค่อนข้างสำคัญนะครับ เพราะหลายๆ ครั้งที่เกิดอุบัติเหตุนั้น นอกจากความประมาทแล้ว ก็คือการมองและประเมินระยะต่างๆ ของเราผิดพลาด สายตาจ้องไปผิดที่ ทำให้รถพุ่งไปในทิศที่ไม่ควรไปนั่นเอง
-สุดท้ายคือ คุณ “เข้าใจ” รถที่คุณขับมากน้อยแค่ไหน-
หากจะพูดให้ชัดเลยก็คือ คุณได้เคยลองขับรถยนต์คันที่คุณขับอยู่ ถึงขีดจำกัดแล้วหรือยัง? ทั้งเรื่องความเร็ว เรื่องระยะเบรก วงโค้ง ความยาวของตัวรถ รวมไปถึงอัตราเร่งของรถคันดังกล่าว ซึ่งถ้าเรื่องเหล่านี้คุณยังไม่เคยทดสอบกับรถที่คุณขับแล้วนั้น คุณก็จะไม่สามารถดึงศักยภาพของตัวรถออกมาให้ได้มากที่สุด หรือในทางกลับกัน คุณก็จะไม่สามารถประเมินขีดความสามารถของรถคุณได้
คุณควรลองขับและทดสอบสมรรถนะของรถให้เข้าใจ เพื่อที่ว่าคุณจะได้ทราบและประเมินโอกาสทั้งระยะเบรกและอื่นๆ เพื่อที่จะเป็นช่วยประเมินขีดความสามารถในการขับได้อย่างถูกต้องครับ
ลองหาพื้นที่ว่างๆ แล้วลองขับด้วยความเร็วๆ แบบสุดๆ ดู หรือทดสอบระยะเบรกที่ความเร็วใดความเร็วหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจว่า เบรกของคุณนั้นสามารถทำหน้าที่ของมันได้ดีมากน้อยแค่ไหน ณ ระยะใดถึงเรียกว่าปลอดภัยนั่นเอง และจำไว้เสมอครับว่า ABS ไม่ใส่ที่คุณไม่ควรลองนะ ต้องทดสอบตลอด เพื่อจะได้ทราบนั่นเอง
ทั้งหมดอาจฟังเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวนะครับ บางท่านอาจบอกว่า การขับในเมืองก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เรื่องเหล่านี้มากถึงขนาดต้องลงรายละเอียดลึกขนาดนั้น แต่เชื่อเราเถอะครับว่า ถ้าคุณได้ลองและทดสอบแบบจริงๆ จังๆ สักครั้งดู เปลี่ยนแปลงท่าทางการขับ และมุมมองในการขับรถยนต์ เราเชื่อมั่นครับว่า คุณจะขับรถได้อย่างปลอดภัยขึ้นแน่นอน แต่ถ้าจะเอาให้สุดจริงๆ หากมีโอกาสก็ลองไปลงขับกับ Mercedes Driving Events ดูครับ เพราะคุณจะได้ทดสอบรถแบบครบๆ แถมได้ขับในสนามแข่งจริงอีกด้วย