เมื่อเราสั่ง กาแฟเอสเปรสโซ่ ตามร้านกาแฟสดส่วนใหญ่ในไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟใหญ่ในปั๊มน้ำมันที่มีสาขาทั่วประเทศ, มุมกาแฟสดในร้านสะดวกซื้อ หรือร้านกาแฟสดทั่วไป เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็น เอสเปรสโซ่ร้อน หรือเอสเปรสโซ่เย็น รวมถึงกาแฟที่เราได้จะมีการผสมทั้งนมและน้ำตาล หรือนมข้นมาให้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่จะผสมให้มีรสชาติกาแฟที่เข้มขึ้น หรือขมมากขึ้นกว่าปกติ เพราะคำว่า กาแฟ Espresso สำหรับความเข้าใจของคนไทยจำนวนมากพอสมควรนั้นมีความหมายว่า “กาแฟที่เข้มขึ้นกว่าเดิม” เท่านั้นเอง
กาแฟ “เอสเปรสโซ่เย็น” แบบไทยๆ ที่มีทั้งนมข้นและนมสดผสมอยู่ด้วย
แต่สิ่งที่เราเข้าใจกันนั้นกลับไม่ใช่ กาแฟเอสเปรสโซ่ ตามความหมายที่สากลเข้าใจกัน วันนี้ MenDetails จะมาอธิบายถึงคำว่า เอสเปรสโซ่ (Espresso) ว่าที่จริงนั้นมันเป็นกาแฟแบบไหนกันแน่ และมีวิธีการชงและการดื่มอย่างไรจึงจะถูกต้องตามที่ต้นตำรับเจ้าของคำคำนี้แต่ดั้งเดิมเขาคิดไว้นะครับ
กาแฟเอสเปรสโซ่ (Espresso) คืออะไร?
เอสเปรสโซ่ มาจากภาษาอิตาลี คือคำว่า Caffè espresso ซึ่งแปลตรงตัวได้ความหมายว่า “กาแฟที่ถูกดันออกมา” อันเป็นการอธิบายวิธีการทำกาแฟชนิดนี้ว่ามาจากการใช้แรงดันจากน้ำที่กำลังเดือดให้พุ่งผ่านตัวกาแฟที่บดละเอียดอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนได้เป็นน้ำกาแฟดำชนิดเข้มข้นแท้ ๆ ที่ไม่ผสมอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น กาแฟแบบเอสเปรสโซ่เริ่มถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกราวปี ค.ศ.1884 จากการคิดค้นเครื่องชงกาแฟด้วยแรงดันน้ำโดยนักประดิษฐ์ชาวเมืองตูริน ประเทศอิตาลี นามว่า Angelo Moriondo (แองเจโล่ โมริออนโด้) เครื่องชงกาแฟของโมริออนโด้ได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจนกลายมาเป็นเครื่องชงกาแฟสดที่เราเห็นกันตามร้านกาแฟสดทุกวันนี้นั่นแหละครับ
จุดเด่นของกาแฟแบบ เอสเปรสโซ่ ที่ชงผ่านเครื่องชงกาแฟแรงดันสูงแบบนี้อยู่ตรงที่ความเข้มข้น และ “ครีม” (Crema) ที่เป็นฟองสีน้ำตาลทองที่ลอยเป็นชั้นบางๆอยู่บนตัวกาแฟ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราชงกาแฟเอสเปรสโซ่ด้วยแรงดันไอน้ำที่มากพอตั้งแต่ 8-10 บาร์ เพื่อให้ความดันสูงนั้นเค้นเอาฟองครีมของตัวกาแฟออกมาให้เราด้วย
หากเราได้มีโอกาสไปเยือนอิตาลีซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกาแฟชนิดนี้แล้วสั่ง Caffè espresso มาดื่ม เราจะได้กาแฟดำเข้มข้นแบบเพียว ๆ ที่ใส่มาในถ้วยเล็กนิดเดียว ดื่มเพียงอึกเดียวก็หมดแล้ว (ถ้าเรารับไหวกับความ ‘เข้ม’ ของมัน) และที่สำคัญก็คือ กาแฟเอสเปรสโซ่จะมีแต่แบบร้อนเท่านั้น จะไม่มีคำว่า “เอสเปรสโซ่เย็น” หรือ “Iced Espresso” อยู่ในสารบบเมนูกาแฟของสากลครับ
ข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ไม่ใช่ว่า “กาแฟดำ” ทุกชนิดจะจัดว่าเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่ทั้งหมดนะครับ เพราะกาแฟที่จะเรียกว่าเป็น Espresso ได้นั้น จะต้องเป็นกาแฟที่เกิดจาก “แรงดันไอน้ำดันออกมา” เท่านั้น การนำเอากาแฟสำเร็จรูปมาเติมน้ำร้อนให้เป็นกาแฟดำ ๆ นั้นยังไม่ถือว่าเป็น Espresso ได้ครับ
วิธีการดื่ม กาแฟเอสเปรสโซ่
“ดำเท่านั้น”
จุดประสงค์ของการดื่มกาแฟแบบ Espresso ก็เพื่อให้ผู้ที่ดื่มได้รับรสชาติแท้ที่จริงของเมล็ดกาแฟอย่างเข้มข้นโดยที่ไม่ผสมอะไรลงไปปรุงแต่งเพิ่มเติมทั้งสิ้น กาแฟประเภทนี้จะส่งกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟชนิดนั้นออกมาได้มากที่สุด ผู้ดื่มจึงควรค่อย ๆ ดมกลิ่น และจิบกาแฟทีละนิดเพื่อรับรู้รสชาติของมันอย่างละเอียด เทคนิคคือควรจิบน้ำเปล่าก่อนดื่มกาแฟเอสเปรสโซ่ เพราะน้ำเปล่าจะช่วย Reset รสชาติอาหารที่เรารับประทานเข้าไปก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะทำให้เราสามารถรับรสกาแฟแท้ ๆ แบบที่ไม่มีสิ่งอื่นเจือปนจริง ๆ
เติมสิ่งอื่นลงไปก็ไม่ใช่เอสเปรสโซ่แล้ว
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเราควรดื่ม Espresso แบบ “ดำและเข้มข้น” การเติมสิ่งอื่นลงไปทำให้กาแฟแก้วนั้นไม่เป็น Espresso อีกต่อไป เช่น หากเติมน้ำเปล่าลงไปก็จะกลายเป็นกาแฟที่เรียกว่าอเมริกาโน่ (Americano) หรือถ้าเติมนมลงไป กาแฟถ้วยนั้นก็จะกลายเป็นลาเต้ (Latte) ไปแทน เป็นต้น ดังนั้นถ้าจะได้ชื่อว่าดื่มกาแฟเอสเปรสโซ่จริงๆ ต้องดื่มกาแฟที่ออกมาจากเครื่องอย่างเข้มข้น แบบเพียวๆ เท่านั้นนะครับ
มีกับแกล้มก็ดีนะ
จะว่าไปการดื่ม Espresso ก็คล้าย การดื่มเหล้าแบบ Neat หรือแบบเพียวๆไม่ใส่อะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้นนั่นแหละครับ และจะยิ่งคล้ายกันเข้าไปอีกถ้ามี “กับแกล้ม” เพิ่มเติมเข้ามาด้วย โดยสิ่งที่เป็นกับแกล้มสำหรับกาแฟเอสเปรสโซ่ก็อย่างเช่น ขนมปังกรอบบิสกิตรสหวาน (Biscotti) หรือจะเป็นคุ้กกี้ก็โอเคครับ กัดคำเล็ก ๆ แล้วจิบกาแฟตาม ความเข้มข้นของกาแฟแท้ ๆ หอม ๆ พอผสมกับความหวานมันของคุ้กกี้ ก็เข้ากันได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
บทสรุป
ใครที่อ่านถึงตรงนี้คงจะเห็นได้ชัดเจนถึงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ กาแฟ เอสเปรสโซ่ ในเมืองไทย จนส่งผลทำให้การสั่งกาแฟชนิดนี้ในเมืองไทยผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงตามหลักสากล ไม่ต่างจากอีกหลายอย่างที่คนไทยรับเข้ามาแล้วปรับให้เป็นแบบไทย ๆ ตามความชอบใจของเรา
แต่เราในฐานะผู้ชายที่อยากพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ที่ดีขึ้นกว่าเดิมนั้น ควรที่จะรับรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อนำมาจับผิดหรือโอ้อวดใส่คนอื่น แต่เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองเข้าใจผิดอย่างเดิมต่อไปเรื่อย ๆโดยไม่คิดแก้ไขมากกว่านะครับ
MenDetails หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้ชายอีกหลายคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับกาแฟ Espresso ที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น และนำไปบอกกล่าวกับคนรอบข้าง หรืออาจเอาไปเป็นอีกหนึ่ง หัวข้อบทสนทนาในการชวนผู้หญิงคุยอย่างเป็นธรรมชาติ ได้ด้วยนะครับ