ของสะสมที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของผู้ชายนั่นก็คือ “นาฬิกาข้อมือ” ที่นักสะสมแต่ละแขนงก็สนใจนาฬิกาแตกต่างกันออกไป บ้างเน้นนาฬิกาที่มีแบรนด์หรูราคาแพงเท่านั้น ส่วนบางคนก็อาจจะชอบนาฬิกาแนว “วินเทจ” หรือเป็นของเก่าเก็บเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อพูดถึงคำว่าสะสม นั่นหมายความว่าพวกเขามีจำนวนนาฬิกาในครอบครองเยอะกว่าปกติ
แต่ถ้าสำหรับผู้ชายที่เราเชื่อว่าเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ พวกเราชื่นชอบนาฬิกาข้อมือ แต่ไม่ถึงขนาดต้องการ “สะสม” เป็นจำนวนหลายๆ เรือน เราต้องการความคุ้มค่าและการใช้งานที่เหมาะสม หากนาฬิกา 1 เรือนสามารถใช้งานได้ในหลายโอกาส ก็จะเป็นการดีเยี่ยมเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นาฬิกาโดยส่วนใหญ่ที่ MenDetails แนะนำมักจะเป็นนาฬิกาที่ใช้งานได้หลากหลายและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในสากลเป็นหลัก คุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่จ่ายไปครับ
Tissot Chrono XL ‘Classic’
เราได้เคยพูดถึงนาฬิกา Chronograph และวิธีการใช้ฟังก์ชั่น ‘โครโนกราฟ’ กันไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ และนาฬิกาที่เรานำมาสาธิตก็คือ Tissot Chrono XL เวอร์ชั่น Sport ที่เราคิดว่าเป็นนาฬิกาที่โครโนกราฟที่ใช้งานง่ายที่สุดเรือนหนึ่งในท้องตลาด อีกทั้งยังเข้ากันกับความตั้งใจของเราที่อยากจะแนะนำนาฬิกาที่มีราคาจับต้องได้ แต่ต้องมีคุณภาพที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือสามารถใช้งานได้หลากรูปแบบ หลายโอกาส ตามสไตล์ของ MenDetails ครับ
Tissot Chrono XL ขนาด 45 mm ตัวเรือนสีดำ พร้อมสายสีหนังฟอกฝาดสีน้ำตาล สไตล์ Sport Watch
และถ้าหากคุณคิดว่านาฬิกาเรือนดำสายหนังสีนำ้ตาลแบบฉบับ Sport ที่เราแนะนำไปนั้นดูแล้วยังไม่คลาสสิกเพียงพอ ทิสโซต์ ก็คงจะอ่านใจคุณออก จึงได้นำ Tissot Chrono XL มาปรับเป็นเวอร์ชั่น ‘Classic’ โดยลดทอนการเล่นสีของตัวเรือนให้เหลือเพียงสีคลาสสิกอย่าง เรือนเงิน และเรือนสีทองเท่านั้น ส่วนหน้าปัดก็จะมีสีขาว สีดำ และสีน้ำเงิน ให้เลือกเข้าคู่กับตัวเรือน ทางด้านสายนาฬิกาของ Tissot Chrono XL ฉบับ Classic นี้จะย้อนไปสู่สายเหล็กสเตนเลสสตีล และสายหนังเลียนลวดลายหนังจรเข้เป็นหลัก โดยตัวเรือนสีทองจะมีเฉพาะสายหนังให้เข้าคู่กันเท่านั้น ขณะที่ตัวเรือนสีเงินจะสามารถเลือกได้หมดทั้งสายหนังและสายสเตนเลสสีเงินครับ
Tissot Chrono XL ฉบับ Classic ด้วยตัวเรือนสีเงิน และหน้าปัดสีน้ำเงิน สวยโดนใจจนเป็น MDs’ RECOMMEND
อีกหนึ่งเวอร์ชั่น ของ Tissot Chrono XL Classic ตัวเรือนสีทอง พร้อมสายหนังลวดลายเลียนหนังจรเข้ เรียบและหรูหราในสไตล์ Dress Watch
ส่วนเรื่องสเปกของนาฬิกานั้นหายห่วงไปได้เลย เพราะ Tissot Chrono XL ‘Classic’ ยังคงผลิตในบ้านเกิดของตัวเอง ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามมาตรฐาน ‘Swiss Made’ ตัวหน้าปัดขนาด 45 มม. เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในสไตล์ลำลอง แม้อาจจะดูใหญ่เกินไปสักหน่อยสำหรับการใช้กับชุดสูท แต่นั่นเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น ระบบการเดินเข็มแบบ Quartz จากพลังงานของแบตเตอรี่ ทำให้ง่ายต่อการดูแล และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายที่ไม่ได้ใส่นาฬิกาเป็นประจำทุกวัน เพราะไม่ต้องคอยหยิบนาฬิกามาขยับไขลานเหมือนระบบอื่นๆ ครับ
Tissot Chrono XL ‘Classic’
สำหรับ MenDetails แล้วนั้น เราโดนใจกับเวอร์ชั่นหน้าปัดสีน้ำเงินของ Tissot Chrono XL ‘Classic’ เป็นอย่างมาก นั่นอาจเป็นเพราะ Tissot ใช้สีน้ำเงินที่ค่อนข้างคล้ายกับสีหน้าปัดของ ‘Tissot Seastar 1000’ ซึ่งถูกใจพวกเราเป็นพิเศษอยู่แล้ว ด้วยมิติของสีน้ำเงินที่วับวาวแบบกำลังดี อีกทั้ง “สีน้ำเงิน” ยังเป็นสีที่เข้ากันได้ง่ายกับการแต่งกายแทบทุกรูปแบบของผู้ชาย ไม่ว่าจะแนว Sport หรือกึ่งทางการ ทำให้ Tissot Chrono XL ‘Classic’ ตัวเรือนสีเงิน สายเหล็ก หน้าปัดสีน้ำเงินเรือนนี้ กลายเป็น “MDs’ RECOMMEND” สำหรับเราครับ
‘Men in Blue’ Relaxing weekend with Tissot Chrono XL ‘Blue Dial’
เราเลือกใส่ Tissot Chrono XL ‘Classic’ หน้าปัดสีน้ำเงิน สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ได้พักเหนื่อยจากการทำงาน ตัดสินใจพักผ่อนแบบง่ายๆ ตามสไตล์ชาวบางกอก ด้วยการออกไปหาร้านอาหาร และร้านกาแฟเก๋ๆ นั่งหย่อนใจ ไม่ว่าจะไปคนเดียว หรือจะพาคนรู้ใจ และครอบครัวไปด้วยก็ตามแต่วาระโอกาสของแต่ละคนครับ
Safari Jacket ‘Irish Linen’ สีกรมท่าของ Ascot Chang ตัวนี้มีสีที่เข้ากันได้ดีกับสีน้ำเงินบนหน้าปัดนาฬิกาพอดิบพอดี อีกทั้งยังตัดกับสีเงินของตัวเรือนและสายนาฬิกาได้อย่างดีอีกด้วย เสื้อเชิ้ตตัวในเราใส่เป็น เสื้อ OCBD สีขาวจาก Kamakura ด้วยความลำลองในระดับที่พอดีๆ กับนาฬิกา Tissot Chrono XL Classic ที่เราเลือกใช้ ดูเป็นสไตล์ที่ไม่เคร่งเครียดเกินไป แต่ก็ไม่ปล่อยตัวจนเกินเหตุเช่นกัน
‘Contrast is Key’ หรือการแต่งกายให้มีสีสันตัดกันระหว่างท่อนล่างและท่อนบน คือสิ่งที่ผู้ชายควรคำนึงถึงในการแต่งกายเสมอ เราหยิบเอากางเกงยีนส์สีฟอกซีด แบบวินเทจไม่ลึกนักจาก Lee Riders 101z ของ James Dean มาตัดเฉดกับซาฟารีแจ็กเก็ตสีน้ำเงินเข้ม และหน้าปัดนาฬิกา Tissot Chrono XL Classic สีน้ำเงิน ‘Blue Dial’ ปิดท้ายด้วย รองเท้า Suede Loafers สีนำ้ตาลของ Carmina Shoemaker เพื่อดึงอารมณ์ความลำลองของกางเกงยีนส์ให้อยู่ในโทน อีกทั้งสีน้ำตาลยังช่วยไม่ให้ Look นี้มีแต่สีนำ้เงินท่วมตัวเกินไป ให้ผู้ชายแต่งกายด้วยบุคลิกที่ดีในอีกหนึ่งวันพักผ่อนครับ
Tissot Chrono XL ‘Classic’ วางจำหน่ายในราคา 13,400-14,600 บาท เท่านั้นเอง เรามองว่าเป็นราคาที่ไม่ได้แรงเกินไปแต่อย่างใดสำหรับมาตรฐานของ Tissot ใครสนใจไปลองสวมใส่เรือนจริงกันได้ที่ ร้านทิสโซต์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 1) โทร. 02-613-1172 / เซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า (ชั้น 2) โทร. 076-619-960 และที่เทอร์มินอล 21 พัทยา (ชั้น G) โทร. 033-252-608 รวมทั้งเคาน์เตอร์นาฬิกา Tissot ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-610-0200 หรือคลิกเลยที่ www.tissotwatches.com