สาวก Apple ทุกคนคงทราบกันดีครับว่า ช่วงเดือนกันยายนถือเป็นเดือนที่ Apple จะประกาศเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอๆ และปีนี้ก็เช่นเดียวกัน หากแต่มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยเพราะในปีนี้ “ไม่มี Model 7S และ 7S Plus แต่เปิดตัว iPhone 8 และ 8 Plus แทน แถมกระโดดข้ามไป iPhone X (อ่านเป็นตัวเลขโรมัน) กล่าวคืออาจจะไม่มี iPhone 9 เกิดขึ้นในตลาดเลยก็เป็นได้ และนี่คือ 4 ข้อสังเกตจากหนึ่งในสาวก Apple บ้านๆ อย่างเราก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อครับ
iPhone 8 / 8 Plus ไม่ได้มีอะไรใหม่ขนาดนั้น
เอาตรงๆ เลยครับ มันไม่ได้ใหม่ขนาดให้คุณ Wow สิ่งที่ใหม่ขึ้นคือการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมเข้าไปในตัวโทรศัพท์เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ชิพประมวลผลตัวใหม่ / กล้องตัวใหม่ที่ถ่ายในที่มืดได้ดีขึ้นกว่าเดิม / หน้าจอใหม่ที่เพิ่มฟังค์ชั่น True Tone และลูกเล่นใหม่ในโหมด Portrait นอกนั้นคือสิ่งที่ Apple ทำได้ดีมาโดยตลอดนั่นก็คือ Design ที่ลงตัว พอดิบพอดี ซึ่งถ้าคุณมี iPhone 7 / 7 Plus อยู่ในมือ และการชาร์ตมือถือแบบไร้สายไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วหล่ะก็คือ เจ้า iPhone 8 / 8 Plus นั้นไม่ได้ใหม่เท่าไรเลย
ก่อนที่คุณจะด่วนตัดสินใจซื้อมือถือเครื่องใหม่ที่ราคาเริ่มต้นกว่า 25,000.- และ 28,000.- สำหรับโมเดล 64Gb ของ iPhone 8 / 8 Plus ตามลำดับ
สิ่งที่เราอยากให้คุณคิดก็คือ “iPhone เครื่องเก่าของคุณช้า หรือกล้องเสียแล้วหรือยัง” เพราะอย่าง iPhone 7 เราก็ยังคิดว่าเป็นมือถือที่ดีที่สุดเครื่องหนึ่งในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ยิ่งตอนนี้ iPhone 8 กำลังจะออก MDs คาดว่าค่ายมือถือต่างๆ คงพากันเริ่มลดราคาตัว iPhone 7 กันแล้ว ซึ่งเรายังเชื่อว่าถ้าคุณมี iPhone 7 อยู่ในมือแล้วมันไม่ได้งอแงกับคุณ iPhone 8 ไม่ได้มีอะไรดีเด่นกว่ามากสักเท่าใดนัก
iPhone X กับเทคโนโลยีที่ช้ากว่าเจ้าอื่น
เราไม่เถียงครับว่า iPhone ในสมัยก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถือเป็นโทรศัพท์มือถือที่เยี่ยมยอดที่สุด แปลกใหม่และล้ำสมัยที่สุด แต่ ณ ตอนนี้ให้หลังมากว่า 10 ปี Apple พึ่งเริ่มใช้งานเทคโนโลยีที่คู่แข่งอื่นๆ ต่างเริ่มใช้กันมาได้สักพักใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Face ID ที่ทาง Apple อ้างถึงความปลอดภัยที่เป็น New Standard ของระบบความปลอดภัยในมือถือนั้น Samsung เริ่มพัฒนาและต่อยอดมาก่อนหน้าหลายปีเลยทีเดียว และแม้แต่หน้าจอแบบ Edge to Edge Display เองก็ตาม iPhone X ก็ก้าวช้ากว่า Mi Mix 2 เสียอีก
ด้วยจำนวนเงินที่มากถึง 35,000.- สำหรับตัวเริ่มต้นของ iPhone X ซึ่งได้เทคโนโลยีที่ช้ากว่าแบรนด์คู่แข่ง และ Feature ต่างๆ ก็เป็นเพียง Gimmick เท่านั้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในงานเปิดตัวก็คือการที่มือถือ iPhone X เจ้ากรรมไม่สามารถปลดล็อคได้ด้วย Face ID กล่าวงานแถลงข่าวเปิดตัว และนั่นส่งผลต่อความไว้เนื้อเชื่อใจกับ Feature ดังกล่าว จนทำให้หุ้น Apple ตกลงทันทีหลังงานเปิดตัว iPhone X
เริ่มต้นที่ 64Gb แล้วข้ามไป 256Gb เลย
แต่ก่อนนั้น iPhone จะมีตัวเลือกต่างๆ ให้คุณเลือกก่อนการตัดสินใจซื้ออย่างน้อย 3 ความจุใน 1 รุ่น เพื่อให้คุณได้เลือกความจุที่เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างลงตัว กล่าวคือถ้าคุณไม่ได้เป็นคนชอบถ่ายวีดีโอ 4K เป็นชีวิตจิตใจ แต่อยากเล่นเกมส์และเก็บรูปที่ไปเที่ยวเยอะหน่อย เล่น Social Media Apps เยอะนิดนึงความจุที่ 64Gb ก็อาจจะไม่พอต่อการใช้งาน แต่คุณต้องถูกบังคับให้ก้าวกระโดดไปซื้อความจุ 256Gb แบบงงๆ เนื่องจาก Apple ไม่มี Tier กลางไว้รองรับการใช้งานอีกต่อไป
ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ จัด 256Gb ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่พอรวมกับ 2 ข้อแรกเข้าไป ใครที่กำลังมองหาขนาดความจุ 128Gb เราว่ามีเอียงกันบ้างแน่นอน
iPhone X กับ Design ที่ดูยังไงก็รู้สึกแปลกในสายตาเรา
Apple ถือเป็นแบรนด์ที่เริ่มจากเหล่านักออกแบบ / Designer และ Creative ที่เลือกหยิบเอาสินค้าของ Apple มาใช้งานเป็นของส่วนตัว เนื่องจากการออกแบบที่ดีเยี่ยม ใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดก่อนการเปิดตัว และเลือกที่จะหยิบเอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดมายัดลงไปในสินค้าของแบรนด์ตัวเอง แต่ครั้งนี้ iPhone X ถือเป็นงานออกแบบที่ใครหลายๆ คนคงรู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจ
จุดที่แปลกที่สุดที่เราพูดถึงก็คือ “เจ้าติ่ง 2 อันที่ยื่นขึ้นมาด้านบนของจอทั้งด้านซ้ายและขวา” อันนี้แหละที่ MDs ว่าแปลก ซึ่งตอนแรกเราก็แอบคิดในใจว่า UI ของตัว iPhone X คงมีความแตกต่างจากตัวปกติและน่าจะจัดการเจ้าติ่งด้านบนออกมาได้ดี (ตั้งแต่เห็น Leak จากที่ต่างๆ บนโลกออนไลน์) แต่กลับผลิตออกมาแล้วดูขาดๆ เกินๆ ยังไงบอกไม่ถูกครับ โดยเฉพาะตอนดู VDO หรือเปิดรูปดูเต็มจอ อันนี้ยิ่งรู้สึกแปลกและพูดตามตรงว่าไม่เหมือนเป็น Product ที่ออกแบบจาก Apple เลย
ถ้าเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง MDs คิดว่างานนี้มีหนาวครับ เพราะ Design ของแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาดเริ่มปรับตัวให้ดูดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพื่อเอามาชนกับ Design ของ Apple นี่แหละ
นี่คือ 4 ข้อสังเกตที่ MDs หยิบมาฝากกันหลังจากนั่งดู Keynote อย่างใจจดใจจ่อเมื่อตอนเที่ยงคืน ซึ่งเราได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากในงานเปิดตัวไม่ว่าจะเป็นระบบ AR ที่จับมาใส่อยู่ในมือถือเพื่อตอบสนองการเล่นเกมส์รูปแบบใหม่ หรือกระจกแบบใหม่ที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยนำมาผลิตเป็นมือถือบนโลกใบนี้ และ Apple Watch Series 3 ที่มี Cellular ในตัวมาให้ด้วย
เอาเข้าจริง Keynote ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่ถูกปรับให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลากหลายแบรนด์ไม่เคยพูดถึง หรือหยิบมานำเสนออย่างพิถีพิถันแบบนี้ คำถามสำคัญก็คือว่า “คุณจะซื้อ iPhone X หรือไม่” “ซื้อเพราะอะไร” สำหรับเราที่เป็นสาวก iPhone คงหนีไปหา iPhone 8 หรือไม่ก็ iPhone 7 ที่ค่ายมือถือต่างๆ คงนำออกมาลดราคากันแบบสุดๆ เพื่อล้างสต๊อกแน่นอน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีนะครับ แล้วรอ iPhone X ตัวใหม่ว่าจะปรับไปในทิศทางไหนต่อไปในอนาคต