หากกล่าวถึงรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการในตลาด ณ ปัจจุบัน ปฏิเสธได้ยากมากครับว่า รถไฟฟ้า คือหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของกลุ่มคนทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่า ทว่า ในช่วงขณะที่ประเทศไทยนั้น กำลังค่อย ๆ วางโครงสร้างและมาตราฐานให้กับโลกของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้ตัวเลือกดังกล่าวดูจะมีคำถามอยู่บ้างในบางกรณีเช่น การเดินทางออกต่างจังหวัด หรือคนต่างจังหวัดที่เลือกซื้อมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ได้มีสถานีชาร์จไฟใกล้ ๆ หรือไม่สามารถติดตั้งจุดชาร์จของตัวเองได้ที่บ้าน รวมไปถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่อาศัยอยู่ตามอพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโดมิเนียม ที่การหาจุดชาร์จไฟเป็นเรื่องยากเป็นต้น ตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงคาบเกี่ยวนี้ ต้องยกให้รถยนต์จากค่าย Nissan อย่าง KICKS ที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติม และน่าใช้มากเป็นพิเศษ วันนี้ MenDetails จะพาทุกท่านไปรู้จัก KICKS ในมุมที่คุณอาจคาดไม่ถึงกันครับ
ขับสนุกด้วยพลังไฟฟ้า
ก่อนอื่นต้องเริ่มต้นด้วยระบบการขับเคลื่อน e-POWER เสียก่อน ซึ่งหลาย ๆ ท่าน อาจจะยังไม่เข้าใจว่า เจ้า e-POWER มันทำงานอย่างไร มันจะเป็นรถไฟฟ้าได้อย่างไร หากยังต้องเติมน้ำมันอยู่ ต้องขออธิบายให้เห็นภาพดังนี้ครับว่า ระบบ e-POWER คือระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% นี่แหละครับ แต่เราไม่จำเป็นต้องหาจุดชาร์จไฟตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เราแวะพัก เนื่องจากตัว e-POWER มีระบบปั่นไฟในตัวซึ่งมาในรูปแบบของเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กซึ่งใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก ปั่นไฟไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ก้อนไม่ใหญ่มาก เพื่อให้เครื่องยนต์ไฟฟ้าสามารถดึงเอาไฟดังกล่าวออกมาใช้งานได้เมื่อจำเป็น
โดย KICKS ตัวล่าสุดที่ทางค่ายได้พัฒนาเป็น Generation ที่ 2 นั้น มีการลดน้ำหนักของตัวเครื่องยนต์โดยรวม แล้วเพิ่มพื้นที่ให้กับแบตเตอรี่มากขึ้น ส่งผลให้ได้กำลังเครื่องที่มากขึ้นด้วยแรงม้าสูงถึง 136 แรงม้า (เพิ่มจากรุ่นแรกราว 7 แรงม้า) ซึ่งถือเป็นการปรับแต่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ซึ่งส่งผลต่อการขับขี่ในทางอ้อมอีกเช่นกัน โดยตัวเครื่องแบบ e-POWER นั้น สามารถทำตัวเลขอัตราการประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร แต่จากการที่เราทดลองขับแบบใช้งานจริงแบบเหยียบสนุก ขึ้นเขาลงเขาแบบลุย ๆ Nissan KICKS คันนี้สามารถทำตัวเลขได้ถึง 16.3 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว
จุดศูนย์ถ่วงที่ดี พ่วงมาลัยคม
ขอพูดถึงประโยชน์ที่ต่อยอดจากการเพิ่มขนาดของแบตเตอรี่อีกสักนิดครับ เนื่องจากแบตเตอรี่บนรถยนต์ นิสสัน KICKS ที่เราได้ลองขับคันนี้ วางอยู่บริเวณใต้ที่นั่งคนขับตอนหน้า ซึ่งทำให้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ หรือจุด Center of Gravity นั้น ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้ตัวรถนั้นเกาะถนนได้เป็นอย่างดี ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะการเข้าโค้งด้วยความเร็วปานกลาง ผนวกกับพวงมาลัยที่คม แม่นยำ ทำให้การขับขี่รถคันนี้ สนุกขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ขับขึ้นเขา ลงเขา เข้าโค้งหักศอก สามารถทำได้แบบคม ๆ เกาะถนนได้เป็นอย่างดี แถมโหมดการขับขี่ของ e-POWER ที่มีให้เลือกถึง 4 แบบ ได้แก่ Normal Mode : คือการขับขี่แบบปกติ และมี B Mode ให้เลือกสำหรับการลงทางชัน Sport Mode : เพิ่มความสนุกในการขับขี่ แต่จะมีการหน่วงเพื่อ Regenerated พลังกลับสู่แบตเตอรี่มากกว่าปกติ ECO Mode : โหมดที่ปรับให้การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่สิ้นเปลืองน้อยที่สุด และสุดท้ายคือ EV Mode : คือการเลือกขับแบบไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนขณะขับขี่ ส่วนตัว MenDetails เราชื่นชอบ Normal Mode สำหรับทางเรียบปกติ และ Sport Mode สำหรับการขึ้นลงทางชัน ลองแล้วรัก e-Pedal Step เลยทีเดียว
AUTECH Version
หากพูดถึง Nissan ในวงการนักแข่งรถในสมัยก่อน ต้องมีคำว่า Nismo ต่อมาติด ๆ แน่นอนครับ แต่ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่หลายท่านอาจไม่คุ้นหู นั่นก็คือ AUTECH โดยเจ้า AUTECH นั้น เป็นการร่วมมือกันระหว่างญี่ปุ่นและอิตาลี ในการปรับแต่งเครื่องยนต์ (AUTECH, JP) รวมถึงภายใน (Zagato, IT) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1986 เป็นบริษัทลูกของนิสสัน ตั้งอยู่ที่เมือง Chigasaki จังหวัด Kanagawa โดยตั้งใจออกแบบ ปรับแต่งเครื่องยนต์ของแบรนด์นิสสันแล้ววางขายในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ต่อมาได้ควบรวมกับค่าย Nismo ในปี ค.ศ. 2022 แต่ยังคงเลือกใช้ชื่อ AUTECH อยู่ในการวางขาย KICKS Gen 2nd ตัวนี้ โดยมีสีน้ำเงินตัดกับสีเงิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเกลียวคลื่นจากเมือง Chigasaki นั่นเอง (สีเอกลักษณ์ของ AUTECH จึงเป็นสีน้ำเงิน)
ไม่ต้องรอรอบเครื่อง เหยียบคือพุ่ง
ตามสไตล์ของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่พอเหยียบคันเร่งเต็ม ๆ แรงก็ส่งจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบทันทีทันใด ทำให้ได้อัตราเร่งที่สนุกเร้าใจ เร่งแซงได้ง่ายขึ้น แถมการดูแลรักษาก็น้อยลงกว่ารถยนต์สันดาปภายในปกติอีกด้วย พูดมาถึงจุดนี้ เหมือนจะไม่มีข้อสังเกตใด ๆ ให้กังวลใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ MenDetails อยากแจ้งให้ทราบสักหน่อยครับว่า เจ้านิสสัน KICKS ที่ขับเคลื่อนด้วย e-POWER นั้น คุณต้องลดความสนใจกับเสียงเครื่องยนต์สันดาปลงให้มากทื่สุด ณ เวลาขับขี่นะครับ เพราะถ้าไปหลงตามเสียงเครื่องยนต์สันดาปภายใน จะทำให้เรารู้สึกว่า “ต้องรอรอบเครื่องหรือป่าว” แนะนำให้ลืม ๆ เสียงดังกล่าวไปครับ เพราะมันไม่ได้มีความสัมพันธ์กับอัตราเร่งแต่อย่างใด นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่กวนใจเวลาขับสักหน่อย แต่ถ้าคุ้นชินแล้ว น่าจะขับได้สนุกมากยิ่งขึ้นแน่นอน
เรียกว่าเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกมาก ๆ คันหนึ่งเลยครับ ขึ้นเขาลงเขา หากเลือกใช้งานโหมดให้ถูกต้อง ขับได้ลื่นไหลและไม่ต้องกังวลเรื่องเกียร์ให้วุ่นวาย ช่วงล่างดี เกาะถนน ไม่ย้วย อัตราเร่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ e-POWER ซึ่งใช้ไฟฟ้า 100% แถมงานออกแบบจาก AUTECH และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มาแบบครบ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Interlligent Cruise Control / Blind Spot Warning / Rear Cross Traffic Alert / Lane Departure Warning / High Beam Assist เป็นต้น ทั้งหมดนี้มาในราคาเพียง 949,000.- เท่านั้น สำหรับรุ่น AUTECH ที่เราได้ลองขับ ถือเป็นรถยนต์ที่น่าใช้งานมาก ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันไปสู่โลกของรถไฟฟ้าในอนาคต แนะนำให้ไปทดลองขับ แล้วจะเข้าใจครับว่า ความสนุกที่ได้ลองใช้งานรถยนต์มอเตอร์ไฟฟ้า แบบไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์จไฟนั้น เป็นอย่างไร
ต้องขอขอบคุณทาง Nissan Thailand อย่างยิ่งนะครับ ที่ชวนให้ไปลองขับในครั้งนี้