หากพูดถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ต้องยอมรับว่ามีทิศทางเติบโตมากขึ้นทุกปีจริง ๆ ครับ จากการไปร่วมงานจัดแสดงรถยนต์ประจำปีทุกครั้งก็จะได้เห็นว่า ในแต่ละงาน รถยนต์ไฟฟ้ามักจะได้รับความนิยมมากขึ้น หลายค่ายหันมาดันรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก หรือปล่อยรถยนต์รุ่นใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้านั่นเองครับ ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่ผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 3 แบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้าจีน ได้แก่ GWM, NETA และ BYD ตามลำดับครับ หลายคนน่าจะได้เคยยินหรือได้เห็นรถจากแบรนด์ดังกล่าวบนท้องถนนกันมาบ้างแล้ว โดยบทความนี้ MenDetails ขอแนะนำให้รู้จัก 3 แบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้าจีน เบื้องต้น รวมถึงแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่เป็นรุ่นไฮไลท์จากทั้งสามแบรนด์ว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจ
เจ้าแมว ORA Good Cat ที่เรียกความสนใจคนไทยได้อย่างดี
ขอเริ่มต้นด้วยแบรนด์รถยนต์จีนที่เข้ามาตีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเป็นเจ้าแรก ๆ กับ GWM (Great Wall Motor) ครับ เป็นบริษัทที่มีแบรนด์ในเครือที่ผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง ORA อยู่ และรถยนต์ที่กลายเป็นกระแสในโซเชียลช่วงปลายปี 2021 ที่ทำให้คนจำนวนมากหันมาสนใจแบรนด์นี้ ได้แก่ ORA Good Cat ที่อยู่ใน Segment City car นั่นเอง
ORA เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2018 กับเป้าหมายการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ แบรนด์ใช้นักออกแบบมากฝีมือจากหลายประเทศ ทั้งเยอรมัน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เรียกว่าถึงจะขายภายใต้แบรนด์จีน แต่รถยนต์จากแบรนด์นี้มีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปผสมญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อยทีเดียว อย่างทรงภายนอก Good Cat ก็น่าจะทำให้หลายคนนึกถึง Porsche ครับ
เป็นค่ายรถยนต์ที่เติบโตในจีนอย่างรวดเร็วมาก ใน 2 ปีแรกก็มียอดขายในประเทศสูงกว่า 100,000.- คัน และประเทศไทยก็เป็นตลาดนอกประเทศแรกที่แบรนด์เลือกมาทำการตลาดด้วยครับ พูดถึงเจ้า ORA Good Cat กันสักหน่อย แบรนด์นี้มากับคอนเซปต์ที่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าของเขา เป็น Mobility Gadget ครับ รถยนต์ที่เป็นมากกว่ารถยนต์
Good Cat เป็นรถ Hatchback 5 ประตูที่มากับดีไซน์สไตล์เรโทร ไฟหน้าโดดเด่นด้วยทรง Cat eyes ภายนอกดูเท่และน่ารักไปพร้อมกัน ในขณะที่การตกแต่งภายในจะดูเรียบหรูและมีกลิ่นอายของความเป็นยุโรป เกียร์ตรงคอนโซลกลาง มาในแบบ Electronic Shifter เกียร์ไฟฟ้าแบบหมุน ไม่ใช่เกียร์แบบด้าม แม้ทรงรถภายนอกจะดูเล็ก แต่ห้องโดยสารภายในถือว่ากว้างกว่าที่คิด
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยพละกำลัง 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รวมถึงระบบความปลอดภัย Active Safety จัดมาแน่นกว่าเกือบ 20 รายการ ตัวที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้เป็นอย่างดี คือ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่ทำงานได้ฉลาดครับ โดย Good Cat รุ่น 400 TECH และ 400 PRO จะมีระยะทางวิ่งสูงสุดต่อรอบการชาร์จได้ถึง 400 km ส่วนรุ่น 500 ULTRA ก็วิ่งได้สูงสุดถึง 500 km ต่อรอบการชาร์จครับ ชื่อรุ่นหมายถึงระยะทางที่รถวิ่งได้นั่นเอง
ตอนแรกที่เปิดตัวก็ดูเหมือนหลายคนจะมองว่าสูงเกินราคาคาดการณ์ไปหลายแสน แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ก็อยู่ในเรนจ์ราคาที่ดึงความสนใจของคนได้มากขึ้น โดยมีการปรับราคารถยนต์สองครั้ง อย่างรถยนต์รุ่น 400 TECH ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น ปรับราคา 989,000.- ลดมาสองครั้ง กลายเป็นราคา 763,000.- และรุ่นอื่น ๆ อย่าง 400 PRO และ 500 ULTRA ก็ปรับลดลงเช่นกัน เท่ากับราคาทั้งหมดของทุกรุ่นจะอยู่ที่ต่ำล้าน โดย MenDetails เคยมีโอกาสทดลองขับ ORA Good Cat มาแล้ว ใครที่สนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ
NETA กับรถไฟฟ้ารุ่น NETA V ที่เปิดตัวในไทยรุ่นแรก
ถัดมา แบรนด์รถยนต์จากจีนที่เพิ่งเริ่มบุกตลาดไทยเต็มตัวในปี 2022 คือ NETA ดำเนินงานภายใต้บริษัทชื่อ Hozon New Energy เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีจุดยืนในเรื่องการสร้างรถยนต์เพื่อผู้คน สร้างสิทธิความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยีของคนทุกคน และแบรนด์มีความตั้งใจอยากให้รถยนต์ NETA เป็นมากกว่ายานพาหนะ นับส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ Next Generation
การที่เดินหน้าโฟกัสรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากอยากลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม โดยเริ่มเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน ปี 61 กับ รุ่น NETA N01 และค่อยเป็น NETA U และ NETA V ตามลำดับ สำหรับรุ่นที่นำมาเปิดตัวที่ไทยเป็นครั้งแรก ได้แก่ รุ่น NETA V นั่นเอง ส่วนความสามารถในการผลิตรถยนต์ (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม ปี 65) อยู่ที่ 250,000 คัน/ปี
พูดถึงรถยนต์ NETA V กันสักหน่อย เป็นรถยนต์ Compact Cross Over ที่มากับดีไซน์ที่ค่อนข้างล้ำสมัย แบรนด์เรียกมันว่า Touch Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของปลาโลมา อยากให้ทรงรถยนต์ออกมากะทัดรัด ขับได้อย่างคล่องแคล่วและปราดเปรียว
ในส่วนดีไซน์ภายนอก ไฟหน้าเป็นไฟ LED แบบ Daytime Running Light ส่วนไฟท้ายมีสปอยเลอร์ติดให้โดยรวมรอบคันดูสปอร์ต ในขณะที่การตกแต่งภายในมาในสไตล์ Hi-Tech Minimalist รวมการควบคุมต่าง ๆ ไว้จอเดียว จอใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว ไม่มีปุ่มควบคุมให้กดแล้ว หยิบฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยมาไว้ในจอให้ทัชสกรีนง่าย ไม่ว่าจะตั้งค่ารถยนต์ เปิดระบบปรับอากาศ ปรับโหมดการขับขี่ และยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนง่าย มีการ Mirroring สะท้อนจอโทรศัพท์ขึ้นจอใหญ่ได้ด้วย
คันนี้ไม่มีเกียร์อยู่ตรงกลางคอนโซลแล้วครับ จะเป็น Electronic Shifter เกียร์แบบก้าน อยู่ด้านข้างพวงมาลัยแทน มีฟังก์ชัน Smart key with ‘Ride & Go’ ทำงานโดยเพียงแค่เก็บกุญแจรถไว้ที่ตัว แล้วกดปุ่มตรงมือประตูได้เลย รถจะเตรียมพร้อมสู่การใช้งาน
ในเรื่องของสมรรถนะ ให้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าเทียบเท่า 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่วนเรื่องพลังงาน สามารถระยะทางขับได้ 384 km ต่อหนึ่งรอบการชาร์จ แต่เมื่อขับจริง จะได้ระยะทางน้อยกว่านี้นะครับ เนื่องจากขึ้นอยู่กับความเร็ว โหมดการขับขี่ที่เราเลือก รวมถึงการใช้งานจอ Infortainment ต่าง ๆ ในรถยนต์ และด้านความปลอดภัยก็ใส่มาทั้ง Active และ Passive Safety ครับ นอกจากนั้นยังสามาถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย (3,300 Watt capacity) จะต่อกีตาร์ไฟฟ้า ต่อเตาปิ้งบาร์บีคิวหรือใช้เครื่องชงกาแฟก็ทำได้ทั้งหมดครับ
ราคาเต็มอยู่ที่ 760,000.- แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ราคาขายคันนี้อยู่ที่ 549,000.- ครับ แต่ต้องเสริมข้อมูลว่า ราคาที่ลดลงเช่นนี้ มีเรื่องระยะเวลาและจำนวนการขายที่จำกัด เหมือนอย่างรุ่น ORA Good Cat ที่ตอนแรกเปิดตัวราคาหนึ่ง แต่เมื่อได้รับจากสนับสนุนจากรัฐก็จะปรับลงมาอีกราคาหนึ่ง ราคาแต่เฟสการขายอาจแตกต่างกันไป ฉะนั้นมีราคาดี ๆ แล้ว เราพร้อมจะเป็นเจ้าของ เราแนะนำว่าไม่ควรใช้เวลาตัดสินใจนานเกินไปครับ มิฉะนั้นอาจไม่ได้ราคาที่ต้องการ
เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ BYD รุ่น Dolphin
แบรนด์ BYD เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว ดำเนินงานในไทยภายใต้การดูแลของบริษัท Rêver Automotive ที่ลงทุนมูลค่ากว่า 3,000 ล้าน ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในไทย และมีความตั้งใจจะปั้นให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ในไทยภายใน 5 ปี เบื้องต้น BYD เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ได้รางวัล New Energy Vehicle อันดับ 1 มา 9 ปีซ้อน โฟกัสไปในด้านพลังงานรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศมากขึ้น
สำหรับรุ่นรถยนต์ที่มีแพลนจะเปิดตัวในปลายปี 2022 นี้ คาดว่าจะเป็นรุ่น Dolphin ที่มากับตัวถัง Hatchback สีทูโทนในดีไซน์ ‘Marine Aesthetics’ ชวนให้นึกถึงเจ้าโลมาสมชื่อ โครงของรถยนต์ใช้เป็น e-Platform 3.0 ออกแบบให้รถสามารถกระจายน้ำหนักได้ดี รถจะมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น
หากเทียบกับรถยนต์ Segment เดียวกันอย่าง ORA Good Cat เจ้า Dolphin คันนี้จะมีขนาดเล็กกว่าประมาณหนึ่งครับ การออกแบบภายในก็มากับดีไซน์สีทูโทนแบบเดียวกับภายนอก ทั้งคันรถจะเห็นเส้นดีไซน์ที๋โค้งมน รถเลยออกมาดูน่ารักและกะทัดรัดครับ พวงมาลัยเป็นแบบ Multifunction และเบาะนั่งเป็น Bucket Seat ทรงสปอร์ต เป็นเบาะไฟฟ้าที่สามารถปรับทิศทางได้
ในส่วนของพละกำลัง มอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังเทียบเท่ากับ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร และวิ่งได้ไกลถึง 405 km ต่อหนึ่งรอบการชาร์จ โดยราคาคาดการณ์จำหน่ายในไทยหลังปรับลดภาษีอากรนำเข้า คันนี้น่าจะอยู่ที่ราว 700,000.- ต้องมาดูกันครับว่าเปิดตัวจริงจะมาในราคาเท่าไหร่
และทั้งหมดนี้ คือ รถยนต์ไฟฟ้าจีน 3 แบรนด์ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้วครับ รุ่นที่เราหยิบมาแนะนำจะเป็นรุ่นที่ราคาต่ำล้านทั้งหมด ถือว่าอยู่ในเรนจ์ราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เทียบจากที่เมื่อก่อน รถยนต์ไฟฟ้าก็จะสตาร์ทที่ราคาล้านขึ้นไป เมื่อมีแบรนด์ก้าวเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้นก็ทำให้ได้ราคาที่เป็นมิตรต่อเราผู้บริโภคมากขึ้นตามไปด้วยครับ สำหรับ MenDetails ที่มีโอกาสทดลองขับทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานสันดาปแล้ว คงต้องยอมรับว่ามีฟีลลิ่งที่แตกต่างกันจริง ๆ แต่ใครจะชอบรถแบบไหน หรือจะลงทุนกับรถประเภทใดก็คงต้องลองทดสอบด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อครับ ออกไปสัมผัสประสบการณ์นั้นด้วยตัวเองจะดีที่สุด