แม้จะเป็นในปี 2022 ก็ยังคงมีคำถามเรื่องให้เลือกระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้า กับ รถยนต์น้ำมัน โผล่มาให้เห็นอยู่เสมอ ๆ แต่เมื่อเทียบกับเวลาสัก 5-6 ปีก่อนก็บอกได้เลยว่า อัตราคนใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์ลงทุนกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้านั้นสูงขึ้นจนทำให้หลายคนสนใจและมองเห็นโอกาสในการที่รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นพาหนะหลักในการเดินทางของเราได้เช่นกันครับ แน่นอนว่าเมื่อจะขายรถยนต์ไฟฟ้า ทุกแบรนด์ย่อมบอกว่าสิ่งนี้มีแต่ข้อดี กลับกันคนที่ไม่เปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้าก็คงมองเห็นแต่ข้อเสียและยังเลือกรถยนต์น้ำมัน วันนี้ MenDetails เลยขอรวบรวม ข้อดีข้อเสีย ของ รถยนต์ไฟฟ้า มาบอกเล่าเพื่อให้ผู้บริโภคได้เป็นคนวิเคราะห์และตัดสินใจเลือกกันได้ครับ ว่าสุดท้ายแล้วรถยนต์ไฟฟ้าดีจริงไหม
ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับคนที่เปิดใจกับรถยนต์ไฟฟ้ามาบ้างแล้ว เราเชื่อว่าคงจะเห็นข้อดีในหลายส่วน ฉะนั้นขอเริ่มต้นที่ ข้อดี ของรถยนต์ไฟฟ้า กันก่อนครับ เรื่องแรก เป็นเรื่องของเสียงเครื่องยนต์และฟีลลิ่งในการขับขี่ ภายในตัวรถยนต์จะเงียบ เนื่องจากเป็นการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เพราะส่วนกลไกในการขับเคลื่อนนี้ไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อการเผาไหม้ เสียงเครื่องยนต์แบบที่คุ้นเคยจากรถยนต์น้ำมันหายไป ถ้าได้ทดลองนั่งหรือขับก็จะรู้สึกว่านั่งแล้วสบายหูกว่ากันมาก ส่วนฟีลลิ่งในการขับนั้น เป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการขับขี่ครับ เวลาเหยียบคันเร่งแล้ว รถยนต์จะตอบสนองทันที เพราะไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ ผู้ขับขี่ที่ชอบการตอบสนองแบบทันใจน่าจะชอบประสบการณ์แบบนี้ เรียกว่าให้แรงบิดที่มากกว่าตั้งแต่ตอนเริ่มออกตัว เลยทำให้อัตราเร่งดีกว่านั่นเอง
ถัดมา ข้อที่ผู้ผลิตมักจะหยิบมาโปรโมทกัน เป็นเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมครับ เนื่อกจากในปัจจุบันปริมาณของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 72% ในโลกนั้นเกิดขึ้นจากรถยนต์สันดาป จึงเป็นผลทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากว่ากันตามตรงในส่วนของตัวรถยนต์ที่ประกอบเสร็จแล้วก็จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์พลังงานน้ำมันจริง ทั้งในเชิงไม่มีการปล่อยไอเสียเพราะไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง จึงลดมลพิษทางอากาศ รวมถึงลดมลพิษทางเสียง แต่ว่าเราไม่สามาถเคลมว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ 100% นะครับ เนื่องจากเหตุผลอะไรเราขอยกไปพูดในส่วนของ ข้อเสีย ในหัวข้อถัดจากนี้
กลับมาเรื่องข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า จะมีเรื่องผู้ขับขี่ไม่ต้องแบกรับอัตราการผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจากเราชาร์จพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าอัดเข้าแบตเตอรี่ และราคาค่าไฟนั้นไม่ผันผวนเท่าน้ำมันที่ขึ้นตามราคาตลาดน้ำมันโลกรวมถึงเศรษฐกิจครับ ยกตัวอย่างปี 2022 นี้จะเห็นเลยว่าราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงมาก (อาจเคลมไม่ได้เต็มที่ว่ามันราคาถูก เพราะถึงอย่างไรก็ยังมีค่าใช้จ่ายในการชาร์จตามสถานีชาร์จ รวมถึงค่าไฟบ้านเวลาชาร์จเอง แต่ก็ประหยัดกว่าการเติมน้ำมันครับ)
สุดท้ายยังมีความอเนกประสงค์ในการใช้งาน เนื่องจากรถยนต์สามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าไปใช้จ่ายไฟทำอย่างอื่นได้ ต้องเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเต้าเสียบไฟบ้านมาให้ในคันรถก็จะสามารถแปลงพลังงานนั้นมาต่อเตาปิ้งบาร์บีคิว ใช้เครื่องชงกาแฟ หรือต่ออุปกรณ์เพื่อเล่นดนตรีต่าง ๆ ได้ครับ และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างจากรถยนต์พลังงานน้ำมัน
ประเด็นที่ยังต้องพิจารณาของรถยนต์ไฟฟ้า
ในส่วนข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องพิจารณาอยู่ครับ ประเด็นแรก คือ เรื่องของสถานีชาร์จ หากขับอยู่แค่ในกรุงเทพ ด้วยระยะทางและจำนวนจุดชาร์จ ในปีนี้ก็วางใจได้มากขึ้นแล้ว เพราะสามารถชาร์จ DC ได้ตามปั๊มน้ำมัน ตามห้างหรือโรงแรมที่มีโซน EV Car ให้บริการแล้ว เรียกได้ว่าค่อนข้างกระจายอย่างทั่วถึงทั่วกรุงเทพ
แต่ถ้าเราอยู่ต่างจังหวัด หรืออยู่กรุงเทพแล้วจะขับทางไกลไปต่างจังหวัด ด้วยระยะทางต่อรอบการชาร์จหนึ่งครั้งที่ไม่ได้ไกลมาก ส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 300 km ซึ่งถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับรถยนต์พลังงานน้ำมัน ประกอบกับสถานีชาร์จแต่ละแห่งอาจอยู่ไกลกัน จึงทำให้เรื่องนี้อาจเป็นจุดที่น่ากังวลใจได้อยู่ หรือบางทีต่อให้หาสถานีชาร์จเจอ ก็อาจเจอปัญหาว่าสถานีชาร์จนั้นใช้งานไม่ได้ ต้องมีแผนสำรองไว้ด้วยครับ พูดง่าย ๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอเคสไม่มีที่ชาร์จมากกว่ารถยนต์น้ำมัน ฉะนั้นหากใครจะใช้เดินทางไกลก็ควรทำการบ้านไปก่อน อย่าหวังขับไปแบบตามมีตามเกิด รอชาร์จข้างหน้าอย่างเดียว ทริปอาจสะดุดได้ครับ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องระยะทางที่ยังจำกัดอยู่ โดยเฉลี่ยแบรนด์ทำได้ระยะราว 300 – 400 km และระยะทางการขับที่ประเมินระยะทางจริงต่อรอบการชาร์จนั้นก็ไม่เท่ากับที่แบรนด์เคลมมาให้แต่แรกด้วยครับ เป็นประเด็นที่เราต้องรู้ก่อนซื้อ พอขับจริงจะได้ระยะทางน้อยกว่า เนื่องจากขึ้นอยู่กับพฤติกรรมคนขับ การเหยียบคันเร่ง การเลือกระบบการขับขี่ การเปิดแอร์และใช้ Infotainment ต่าง ๆ ในรถยนต์
ส่วนเรื่องของระยะเวลาในการชาร์จแบต หากเป็นการชาร์จด้วยกระแส AC ไฟบ้านก็จะใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งก็คงต้องเป็นการชาร์จทิ้งก่อนนอนเป็นเวลา 1 คืนนั่นล่ะครับ หรือถ้าจะย่นระยะเวลาให้สั้นกว่านั้น เราสามารถชาร์จที่สถานีชาร์จตามปั๊มที่เป็น DC ได้ แต่เวลาที่ไวที่สุด จาก 0-80% ก็ยังใช้เวลาราว 30 นาทีครับ หากเทียบกับเวลาในการเติมน้ำมัน ในจุดนี้ก็ต้องยอมรับว่าใช้เวลามากกว่าอยู่ดี
มาในส่วนของข้อที่กล่าวว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในข้างต้น เราขอขยายความมาในส่วนของประเด็นที่ควรประเมินเพิ่มเติมครับ เพราะจะบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 100% คงไม่ได้ เนื่องจากในกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่นั้น ต้องใช้แร่ธาตุหายากอย่างลิเธียม นิกเกิล โคบอลตด์ หรือกราไฟต์ในการผลิตแบตขึ้นมา ซึ่งแร่เหล่านี้อยู่ใต้พื้นผิวโลกที่ต้องมีการขุดเจาะซึ่งก่อมลพิษสูงอยู่ดี ในระยะยาวหากมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ก็อาจส่งผลให้แร่ธาตุเหล่านี้หายากขึ้นก็เป็นได้ และยังมีเรื่องของการกำจัดหรือหาทางรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่หมดอายุแล้วอีกในลำดับต่อ ๆ ไป ณ จุดนี้คงต้องยอมรับว่าเมื่อมนุษย์ดึงทรัพยากรทางธรรมชาติมาใช้ ถึงอย่างไรก็คงเกิดผลกระทบกับโลกและสิ่งแวดล้อมอยู่ดีครับ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องระวัง คือ รักษาสมดุลของธรรมชาติให้ได้ด้วย
และสุดท้ายสิ่งที่ต้องคำนึงยังมีเรื่องของการหมดอายุของแบตเตอรี่ ซึ่งเรามองว่าจุดนี้ อาจเป็นข้อที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด แม้ว่าราคาเริ่มต้นตอนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะค่อย ๆ ถูกลง มีหลายแบรนด์ที่ราคาต่ำล้านแล้วและสมรรถนะยอดเยี่ยม แต่ก่อนซื้อ เราต้องทราบราคาในการเปลี่ยนแบตเตอรี่และนำมาคำนวนเป็นต้นทุนด้วยครับ เพราะถึงเวลาหากใช้รถไประยะยาว เราก็ต้องจ่ายค่า Maintenance ในส่วนอยู่ดี
สรุปว่าควรซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า หรือไม่?
เมื่อเปรียบเทียบ ข้อดีข้อเสีย ของ รถยนต์ไฟฟ้า แล้ว ทุกคนก็คงจะพอเห็นภาพกันมากขึ้นว่าจุดไหนที่รถยนต์ไฟฟ้าโดดเด่นกว่ารถยนต์น้ำมัน และจุดไหนที่ยังต้องรอการพัฒนาและรอให้อุตสาหกรรมเติบโตขึ้นกว่านี้ สำหรับ MenDetails แล้ว เราเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นอนาคตที่จะมาถึงครับ แต่ทั้งนี้ยังต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย รวมถึงสมรรถนะของรถที่จะไปได้ไกลกว่านี้ด้วย
หากพูด ณ ปีนี้ สำหรับคนที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า หากเป็นคนที่มีบ้าน สามารถติดตั้งสถานีชาร์จได้ มีรถยนต์น้ำมันอยู่แล้ว และจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกสำหรับขับขี่เส้นทางในเมืองก็คงต้องบอกว่า รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยอดเยี่ยมครับ แต่ถ้าคุณอยู่คอนโด อยู่ที่พักแบบเช่าอาศัยที่จะต้องหาชาร์จจากสถานีชาร์จข้างนอกอย่างเดียว หรือจะเลือกรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์คันแรก โดยที่เราต้องมีการเดินทางไกลออกต่างจังหวัดอยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งครับ หรือบางทีการเลือกรถพลังงาน Hybrid ก็อาจเป็นคำตอบที่ดีกว่าการเลือกพลังงานไฟฟ้า 100% ครับ
สุดท้ายนี้ การเติบโตของขึ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน รวมถึงไทยเองก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทรนด์ที่มาแล้วในปัจจุบัน แต่จะเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคทุกคนในระยะยาวไหมก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วย เพราะนี่ก็ยังถือว่าเป็นสเตจแรก ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่เลย หากพิจารณาทั้ง ข้อดีข้อเสีย ของ รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งหมดที่เรากล่าวไปข้างต้น ก็น่าจะช่วยให้หลายคนตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์คันต่อไปกันได้มากขึ้นครับ ถึงอย่างไรแล้ว คนที่ขับรถยนต์ก็คือตัวเราอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ประเภทใดก็มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยครับ ศึกษาให้ดีแล้วค่อยลงทุนกับมัน จะได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุดนะครับ