– Kintarō Hattori ผู้ก่อตั้ง Seikosha อันเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ Seiko –
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1881 ณ Ginza ในกรุงโตเกียว Kintarō Hattori ใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี ก่อนจะผลิตนาฬิกาเรือนแรกในนาม Seikosha ที่แปลว่า ‘สำนักผลิตงานฝีมืออันประณีตบรรจง’ จนพัฒนามาเป็นแบรนด์นาฬิกา Seiko และผลิตนาฬิกาเรือนแรกภายใต้แบรนด์ดังกล่าวเมื่อปี 1924 แต่หน้าประวัติศาสตร์สำคัญของ Seiko น่าจะเป็นช่วงปี 1963 เมื่อตัวแบรนด์ Seiko ได้เปิดไลน์สินค้าไลน์ใหม่นามว่า Seiko 5 โดยต้องการสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบ นาฬิกาที่ดีและมีคุณภาพ แต่มาในราคาที่ย่อมเยากว่าแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาด
Seiko 5 | The Youth of The ’60s
นาฬิกา Seiko 5 ได้สร้างกระแสในยุคคริสต์ทศวรรษที่ 1960’s ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยดีไซน์ที่เป็นสมัยใหม่และล้ำหน้ามากในขณะนั้น พ่วงด้วยราคาอันย่อมเยาที่มาพร้อมกับคุณสมบัติโดดเด่นเกินราคา ซึ่งตัวเลข 5 ที่อยู่ในคำว่า “Seiko 5” นั้น มีที่มาจากคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม 5 ประการ ที่จะต้องมีในนาฬิกา Seiko 5 ทุกเรือนตั้งแต่เริ่มต้น ได้แก่
1.) ระบบเดินเข็มแบบอัตโนมัติ (Automatic Movement)
2.) ช่องบอกวัน และวันที่ครบถ้วน (Day / Date Window)
3.) การกันน้ำที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาด
4.) ตำแหน่งเม็ดมะยมที่ 4 นาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์
5.) วัสดุตัวเรือนและสายนาฬิกาที่แข็งแรงทนทาน
– Seiko 5 Sports รุ่นแรกสุดที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1968 –
นี่คือ 5 สิ่งที่ทำให้ Seiko 5 เป็นที่จดจำ (ถึงแม้ข้อ 4 จะมีหลุดไปบ้างใน Seiko 5 บางรุ่น แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนรุ่นทั้งหมด) และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในท้องตลาด ส่งผลให้ Seiko จำเป็นต้องเพิ่มไลน์ผลิต Seiko 5 ในรูปแบบของนาฬิกาสปอร์ต กลายเป็น นาฬิกา Seiko 5 Sports เพิ่มเติมเข้ามาในปี 1968 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชายที่อยากได้นาฬิกา Sport Watch ที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 5 อย่างข้างต้นในราคาที่คุ้มค่าที่สุดเช่นกัน
นาฬิกา Seiko 5 Sports 2019
หากใครก็ตามที่รู้จัก Seiko 5 เป็นอย่างดี ย่อมจะพอทราบว่าทาง Seiko ผลิตนาฬิกา Seiko 5 ออกมาหลายรูปแบบ หลากสี หลายสไตล์จนนับกันแทบไม่หวาดไม่ไหว โดยมีเทคนิคการแยกรุ่นย่อยที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือการใช้โมเดลเดียวกัน จากนั้นทำการเปลี่ยนสีของหนัาปัด, เปลี่ยนวัสดุสายนาฬิกา หรือเปลี่ยนสีตัวเรือนให้แตกต่างกันออกไป นี่จึงทำให้นาฬิกา Seiko 5 โมเดลเดียว สามารถแตกแขนงแยกย่อยออกไปได้เป็นสิบแบบ เพื่อสะท้อนบุคลิกภาพ, สไตล์การแต่งกาย และความชอบส่วนตัวของผู้ชายแต่ละคนให้ครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่น Seiko 5 SNKL41 , SNKL43, SNKL45 และ SNKL47 เป็นต้น
และสำหรับในเวอร์ชั่น ปี 2019 นี้ก็เช่นกันที่ทาง Seiko ได้เปิดตัว Seiko 5 Sports โดยใช้รหัสโมเดลหลักว่า ‘SRPD’ จากนั้นจึงปรับเปลี่ยน สีตัวเรือน, สีหน้าปัด และสายนาฬิกา กลายเป็นนาฬิการุ่นย่อยทั้งหมด 27 แบบที่สะท้อนบุคลิกภาพของผู้ชาย 5 สไตล์ ได้แก่ Sports, Suits, Specialist, Street และ Sense รวมถึงมีการปรับโลโก้หมายเลข 5 ใต้คำว่า Seiko บนหน้าปัดนาฬิกาให้ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นอีกด้วย
สไตล์ Sports คือสไตล์มาตรฐานของ Seiko 5 Sports ‘SRPD’ รุ่นนี้ที่ยึดมั่นสีตัวเรือนเป็นสีเงินเป็นหลัก จากนั้นจึงเปลี่ยนสีหน้าปัด และสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สายเหล็กหรือสาย Nato สีดำ ส่วนรุ่น Suits คือการปรับสไตล์ให้ดูเป็นทางการมากขึ้นด้วยสายนาฬิกาแบบ Milanese ที่น้อยครั้งนักที่เราจะเห็น Seiko 5 หยิบมาใช้อย่างเป็นทางการ ด้วยบุคลิกที่มี Class มากขึ้นทำให้เรือนนี้สามารถใส่กับชุดสูทได้ สมชื่อ Suits จริงๆ
ถัดมาคือรุ่น Specialist ที่ปรับไปใช้สายหนังแท้ และตัวเรือนสี Rose Gold ให้เลือก เพื่อเพิ่มอารมณ์ความคลาสสิกของผู้ชายที่รักเครื่องหนัง, งานคราฟท์ หรือสินค้าทำมือ ในขณะที่รุ่น Street ปรับตัวเองให้เป็น “ขบถ” มากขึ้น ตามแนวทางที่เป็นตัวของตัวเอง ด้วยสีสันของเข็มและดัชนีบอกเวลา ภายใต้ตัวเรือนสเตนเลสสตีลรมดำ เพิ่มความดุให้กับการแต่งกายสไตล์ Street และสุดท้ายคืสไตล์ Sense ที่เสริมผัสสะเพิ่มเติมด้วยการใส่พื้นผิวขรุขระน่าสนใจบนหน้าปัดนาฬิกา กลายเป็นรุ่นพิเศษที่มีเพียงสองเรือนสองรูปแบบเท่านั้น
Seiko 5 Sports ‘SRPD’ โดดเด่นด้วยดีไซน์ของนาฬิกาสไตล์สปอร์ตที่ดูทันสมัยแต่ตั้งอยู่บนความคลาสสิกที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ นาฬิกาสไตล์นี้ก็ไม่มีทาง “ตกยุค” ประกอบกับกลไกเดินเข็มแบบอัตโนมัติ Caliber 4R36 ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Seiko ที่เชื่อถือได้เสมอมา ตามสไตล์วิศวกรรมสัญชาติญี่ปุ่นแท้ๆ สำรองพลังงานเดินเข็มได้ 41 ชั่วโมง พร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีล และหน้าปัดวัสดุ Hardlex Crystal กันรอยขีดข่วนได้สบายๆ ในราคาที่เราขอบอกได้เลยว่า “คิดจะหานาฬิกาที่ราคาถูกกว่านี้บนคุณภาพที่เท่ากัน ถือเป็นเรื่องยากถึง ‘ยากที่สุด’ แล้วล่ะครับ”
อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตเล็กน้อยสำหรับ Seiko 5 Sports ‘SRPD’ เช่นกัน อย่างคุณสมบัติการกันน้ำที่ทำได้ 100 เมตร (10 บาร์) ซึ่งถึงแม้จะเป็นความสามารถในการกันน้ำที่น่าพอใจและเพียงพอสำหรับการใส่นาฬิกาล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ แต่ย่อมไม่เหมาะที่จะเอาไปใช้สำหรับกิจกรรมหรือกีฬาทางน้ำเต็มรูปแบบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาไป “ดำน้ำ” ซึ่งเราคงต้องขอร้องทักดังๆ ถ้าคุณคิดจะซื้อ Seiko 5 Sports รุ่นนี้ไปทำเช่นนั้นครับ
Seiko 5 ถือเป็นรุ่นนาฬิกาอมตะที่สร้างตำนานบทสำคัญของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่ผลิตออกวางจำหน่ายในปี 1968 หรือกว่า 50 ปีมาแล้ว และ นาฬิกา Seiko 5 Sports 2019 รหัส SRPD รุ่นนี้ย่อมถือเป็นการปลุกยักษ์ที่หลับใหลมาหลายปี ให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ถือเป็นนาฬิกาในระบบอัตโนมัติ หรือ Automatic ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายที่กำลังสนใจที่จะก้าวเข้าสู่โลกของวิศวกรรมเรือนเวลาอันซับซ้อนใบนี้ ด้วยราคาที่คุ้มค่าจนยากจะหาใครแข่งขันได้ หากคุณกำลังจะควักกระเป๋าตังค์เอาเงินหลักพันปลายๆ ด้วยความตั้งใจจะซื้อนาฬิกาที่คิดว่าคุณภาพดีให้ตัวเองสักเรือนหนึ่ง อย่าเพิ่งตัดสินใจจนกว่าจะได้เปรียบเทียบความคุ้มค่ากับ “Seiko 5” จากแบรนด์นาฬิกาอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นแบรนด์นี้นะครับ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ Seiko 5 Sport โฉมใหม่ 2019 ได้ที่ Seiko5Sports.com/EN/ และไปดูนาฬิการุ่นย่อยทั้ง 27 เรือนของ Seiko 5 Sport ‘SRPD’ ได้ที่ SeikoWatches.com ได้เลยครับ