Series ‘MDs’ Style Icons’ ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ ‘Icons of Men’s Style’ โดย Josh Sims ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษฉบับคลาสสิกตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เครื่องแต่งกายเหล่านี้ก็จะยังคงความคลาสสิกอยู่คู่กับสไตล์ของผู้ชายไปได้อีกนานแสนนาน
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส กับเสื้อเบลเซอร์สีกรมท่า กระดุมสีทอง พระองค์ทรงเป็นอีกหนึ่ง Iconic ที่ผู้ชายจะนึกถึงทุกครั้งยามที่พูดถึงเสื้อ Blazer
The Blazer
หากเราพูดถึงคำว่า “เบลเซอร์” ในปัจจุบัน เชื่อว่าผู้ชายหลายคนที่อาจจะพอคุ้นเคยกับการแต่งกายแนวกึ่งทางการอยู่บ้าง คงจะต้องนึกถึงเสื้อสูทที่แยกตัวออกมาจากกางเกงสูทที่เข้าคู่กัน จากนั้นหยิบมาใส่กับกางเกงตัวอื่นๆ ที่เรามี ในแง่นี้คำว่า “เบลเซอร์” จึงไปทับความหมายกับคำว่า “Sport Coat” ดังที่ MenDetails ได้เคยอธิบายไปแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีคำว่า “เบลเซอร์” โดยตัวของมันเองแล้วนั้นความจริงมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ และผู้ชายที่เคร่งครัดการแต่งกายบางคนอาจจะบีบความหมายของคำว่า “เบลเซอร์” ให้เหลือเพียงแค่ “เสื้อแจ็กเก็ตสีกรมท่า กระดุมสีทอง” เท่านั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ? วันนี้ MenDetails จะมาเปิดประวัติของ Blazer ให้ได้ทราบกันครับ
HMS ‘Blazer’ of the British Royal Navy
ประวัติของ “เสื้อเบลเซอร์” เกี่ยวโยงแนบแน่นกับกองทัพเรือแห่งอังกฤษตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 โดยในยุคดังกล่าวกัปตันของเรือแต่ละลำมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการกำหนดให้นายทหารผู้เป็นลูกเรือของตัวเองแต่งกายด้วยเครื่องแบบใดก็ได้ในยามปฏิบัติภารกิจ และในราวปี ค.ศ.1837 กัปตันของเรือที่มีชื่อว่า ‘HMS Blazer’ ได้กำหนดให้ลูกเรือทุกคนสวมใส่เสื้อแจ็กเก็ตตัวสั้นสีกรมท่า ที่มีปกสั้นแบบ Reefer Jacket และเป็นแจ็กเก็ตแบบ Double Breasted หรือมีกระดุมสองแถวสีดำ ทั้งนี้เพื่อเป็นการแต่งกายให้สุภาพที่สุดสำหรับต้อนรับการมาเยือนของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ในปีนั้น
เสื้อเบลเซอร์กระดุมสีทองของเหล่าทหารเรือระดับสูงในกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างให้การต้อนรับ ‘The Queen Mother’
อย่างไรก็ดี ยังมีตำนานอีกบทหนึ่งที่กล่าวว่าเสื้อแจ็กเก็ตในสไตล์ดังกล่าว เป็นเครื่องแบบของสมาชิกสโมสร ‘The Lady Margaret Boat Club of St John’s College’ ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อันโด่งดัง โดยเครื่องแบบดังกล่าวตัดเย็บด้วยสีแดงสด เพื่อปลุกใจให้ฮีกเหิมราวเปลวเพลิง อันเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า ‘Blazers’ (ผู้จุดเปลวเพลิงอันร้อนแรง)
เสื้อ Blazer มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ “การแล่นเรือ” ไม่ว่าจะเป็นทหารเรือ หรือสโมสรแข่งพายเรือ ก็มี Blazer สวมใส่ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นตำนานบทไหนก็ตามแต่ ในที่สุดเครื่องแบบของลูกเรือ HMS Blazer และของสโมสรแล่นเรือแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชุดนี้ ได้กลายเป็นเครื่องแบบที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในเวลาต่อมา พร้อมๆไปกับการแผ่ขยายอำนาจของจักรวรรดิอังกฤษไปทั่วโลก ด้วยกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดในขณะนั้น ต่อมาเสื้อแจ็กเก็ตปกสั้นแบบ Reefer ดั้งเดิม ก็ถูกปรับให้มีปกที่ยาวขึ้น และประดับด้วยกระดุม 6-8 เม็ด คล้ายกับเสื้อสูท Double-Breasted ทั่วไปในปัจจุบัน ประดับด้วยกระดุมโลหะสีทองอร่ามให้ดูภูมิฐานตามยศตำแหน่งของผู้ใส่ ความนิยมของเครื่องแบบของเรือ HMS Blazer แพร่ไปถึงกองทัพบก ที่เอาเสื้อแจ็กเก็ตแบบนี้ไปปรับเป็นสีเขียวตามสีประจำกองทัพ ใช้สำหรับใส่นอกเวลาประจำการอีกด้วย
‘Casual Smartness’ ลำลองแบบมีคลาส
สไตล์ที่มาจากเสื้อ Blazer คือสัญลักษณ์ของ ‘ความลำลองแบบมีคลาส’ โดยแท้จริง จากกองทัพทหารเรือเปลี่ยนมาสู่การเป็นเครื่องแบบของพลเรือนหลายหมู่เหล่า ไล่ตั้งแต่เป็นเครื่องแบบของนักเรียนนิสิตนักศึกษาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษ ซึ่งจะมีการปักสัญลักษณ์หรือตัวย่อของโรงเรียนติดอยู่ที่กระเป๋าหน้าอกเสื้อเบลเซอร์ นอกจากนี้ยังปรับตัวเสื้อจากแบบกระดุมสองแถวดั้งเดิม ให้เป็นกระดมแถวเดียว (Single Breasted) แต่ยังคงใช้ตัวกระดุมเป็นสีทองเป็นหลักเหมือนเดิม ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวได้รับความนิยมเช่นกันในกลุ่มอเมริกันชน ทำให้ Blazer สีกรมท่า กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Preppy หรือ Ivy League Style ในฟากฝั่งทวีปอเมริกาเช่นกัน
Double-Breasted Blazer สีกรมท่า กระดุมสีทอง ความคลาสสิกที่อะไรก็เปลี่ยนไม่ได้
นอกจากนี้ เสื้อ Blazer ยังกลายเป็นอีกวัฒนธรรมดนตรีของกลุ่ม Mods ในช่วงยุค 1960’s วงดนตรีชื่อดังอย่าง The Who, The Kinks หรือ The Animals นำเอาเสื้อ Blazer ไปใส่กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ส่งผลให้สไตล์ Smart Casual ยิ่งแพร่กระจายไปสู่คนส่วนใหญ่เร็วขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในยุคนี้ คำว่า Blazer จึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้ชายคุ้นเคยกันจากการแต่งกายเลียนแบบนักร้องนักดนตรีที่ตัวเองชื่นชอบ จนกระทั่งซึมซับเอาสไตล์และความคลาสสิกของเสื้อ Blazer มาเป็นของตัวเองในที่สุด
เสื้อเบลเซอร์ในบริบทปัจจุบัน เน้นที่สีกรมท่าเป็นหลักก็จริง แต่จะใช้กระดุมแบบอื่นแทนสีทอง และเป็น Single Breasted ก็ได้ครับ
ในบริบทปัจจุบัน คำว่า ‘Blazer’ กลายเป็นชื่อเรียกของเสื้อแจ็กเก็ต ที่เราแยกส่วนออกมาจากชุดสูท แล้วนำไปสวมใส่กับกางเกงสีอื่นแบบอื่นที่เรามีในตู้เสื้อผ้า ถือเป็นการอนุโลมในการใช้คำว่า “เสื้อเบลเซอร์” แบบละไว้ในฐานที่เข้าใจ อย่างไรก็ดีประวัติศาสตร์ของเสื้อ Blazer อันที่จริงมีความเป็นมาเกี่ยวข้องแนบแน่นกับกองราชนาวีอังกฤษ และมีจุดเริ่มต้นที่สีกรมท่า และกระดุมโลหะสีทองเป็นสำคัญ ถือเป็นเครื่องแต่งกายอีกประเภทหนึ่งของผู้ชาย ที่เข้าขั้นความเป็น ‘Men’s Style Icons’ สุด Classic ตลอดกาล อีกด้วย ใครมีเสื้อแบบนี้อยู่ที่บ้าน เอามาใส่อวดกันได้นะครับ