ใครที่ติดตาม MenDetails มาเป็นเวลานานน่าจะทราบกันดีว่า เราได้เคยพูดถึงโรงงานรองเท้า Moonstar ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Kurume (คุรุเมะ) ในประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องอุตสาหกรรมยาง ทำให้มีโรงงานทำยางรถยนต์และรองเท้าผ้าใบใหญ่ๆตั้งอยู่ที่เมืองนี้หลายแห่ง และโรงงานรองเท้า Moonstar เองก็คือหนึ่งในนั้น
Moonstar ภาคภูมิใจในของดีของภูมิภาคตัวเองจนถึงขนาดพิมพ์ลงบนรองเท้าว่า “Made in Kurume” แทนที่จะเป็น Made in Japan อย่างเจ้าอื่นเขาเลยทีเดียว
ในครั้งที่แล้วเราพูดถึงรองเท้าที่มีชื่อว่า “Shoes Like Pottery” (รองเท้าที่มีกระบวนการผลิตเหมือนเครื่องปั้นดินเผา) ซึ่งเป็นรองเท้าที่ทาง Moonstar โปรโมตและออกวางจำหน่ายไปยังต่างประเทศทั่วโลก จนถ้าใครที่ไม่รู้ข้อมูลก็คงคิดไปว่า Shoes Like Pottery กับ Moonstar เป็นรองเท้าที่มาจากคนละเจ้าคนละโรงงาน ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำไป
เอาเข้าจริงๆมันมาจากที่เดียวกันนั่นแหละครับ แต่คนญี่ปุ่นเองจะคุ้นเคยกับยี่ห้อ Moonstar มากกว่า พิสูจน์ได้จากการที่ MenDetails เคยไปเดินหาซื้อรองเท้า Shoes Like Pottery ที่ญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ผลปรากฎว่าคนญี่ปุ่นน้อยคนนักที่จะรู้จัก
แต่พอบอกว่า Moonstar ปุ๊บ “โซเดสสึเน้….” (อย่างนี้นี่เองงงง) กันทันทีเลย
Moonstar “Gym Classic”
รองเท้าที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ ว่ากันตรงๆก็คือพ่อของ Shoes Like Pottery นั่นแหละครับ มันมีชื่อว่า “Gym Classic” รองเท้ารุ่นนี้คือการ Reproduction รองเท้ากีฬาของนักเรียนและนักกีฬาญี่ปุ่นในสมัยทศวรรษ 1960 อาศัยว่าทรงรองเท้าและการออกแบบมันคลาสสิค และร่วมสมัยมากๆ ทาง Moonstar จึงจับมาปัดฝุ่นผลิตใหม่ด้วยเทคโนโลยีวัตถุดิบและการตัดเย็บที่ดีขึ้น จนออกมาเป็น Gym Classic ที่เราเห็นกันอยู่ในรูปนี้นี่เอง
กระบวนการผลิตพื้นยางของรองเท้ายังคงเป็นแบบ Fine Vulcanized ด้วยการอบยางด้วยความร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Moonstar ซึ่งกระบวนการดังกล่าวทำให้พื้นยางของรองเท้ามีความแข็งแรงคงทน แต่ยังคงมีความยืดหยุ่นเป็นเยี่ยม
ผ้าที่ใช้ในการตัดเย็บตัวรองเท้าเป็นผ้าที่ทอให้หนาขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อยเพื่อความทนทานที่มากขึ้น และสีน้ำเงินตามแบบในรูปนี้คือสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของการทอผ้าแบบ Kurume Kasuri ที่เป็นการทอผ้าและย้อมสีเพื่อนำไปตัดเย็บชุดกิโมโนสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนอีกด้วย นอกจากนี้ตัวรองเท้าของ Gym Classic ยังมีการเคลือบด้วยสารที่ช่วยทำให้เนื้อผ้าใบนั้นกันน้ำและรอยเปื้อนต่างๆได้ดีขึ้นในระดับหนึ่งด้วย (แต่ไม่ถึงขนาดจุ่มน้ำแล้วไม่เปียกหรือเอาโคลนสาดก็ไม่เลอะนะครับ)
ลักษณะเด่นของเนื้อผ้าของ Gym Classic ตัวนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่อีกอย่างหนึ่งก็คือมันจะมีความ “สาก” และ “หยาบ” เล็กน้อยอยู่ โดยไม่มีการบุนวมหรือซับในให้ผ้าลื่นขึ้น ดังนั้นเมื่อสวมใส่แรกๆอาจจะไม่รู้สึกสบายเท้าเท่ากับเวลาที่เราใส่พวก Vans หรือ Converse แต่ทว่าความสาก และหยาบเล็กน้อยของเนื้อผ้านี่แหละที่สร้างความแตกต่างและให้สัมผัสแบบที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “Shibui” (ชิบูอิ) อันเป็นสัมผัสที่สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติและความดิบของเนื้อผ้าที่แท้จริง ใส่แล้วรู้สึกได้ว่าความเป็นธรรมชาติของมันคือความสวยงามนั่นเอง อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ไม่ได้ซาบซึ้งไปกับอาการ “ชิบูอิ” อาจจะต้องรำคาญกับความสากๆของมันนิดหน่อยบริเวณรอบๆข้อเท้าในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นผ้าจะค่อยๆนิ่มขึ้น และใส่ได้นุ่มสบายในที่สุดครับ
รูปทรงของรองเท้าละม้ายคล้าย Chuck Taylor และอาจมองว่าเป็นต้นแบบของ Shoes Like Pottery ก็พอได้ แต่ก็มีรายละเอียดหลายส่วนที่แตกต่างกัน ขอบยางสูงหุ้มถึงส่วนของนิ้วเท้า เพื่อป้องกันตัวรองเท้าขาดก่อนเวลาอันควรจากการเสียดสีของเล็บเท้าเวลาเดิน ปลายรองเท้ามี “กันชน” หรือยางที่นูนเพิ่มขึ้นมาต่างจาก Shoes Like Pottery ที่ไม่มีกันชนแบบนี้
รูร้อยเชือกรองเท้าจะอยู่ค่อนข้างชิดกันเมื่อเทียบกับรองเท้าผ้าใบรุ่นอื่น ยี่ห้ออื่น ทำให้เชือกรองเท้าดูถี่ชิดกันมาก ทั้งนี้ด้วยเหตุผลเพื่อให้ลิ้นรองเท้าด้านล่างเชือกรองเท้านั้นล็อกติดอยู่กับที่ ไม่เลื่อนไถลเบี้ยวไปซ้ายไปขวาให้รำคาญใจ นอกจากนี้บนตัวรองเท้ามีการเย็บแถบผ้าใบยาวตั้งแต่ส่วนบนของเชือกรองเท้ายาวจนถึงส่วนปลายสุดของรองเท้าใต้แผ่นยางที่เป็น Cap toe ของรองเท้าทั้งนี้ก็เพื่อความแข็งแรง และเมื่อรองเท้าผ่านการอบความร้อนแล้วก็จะมีรอยนูนอยู่ใต้แผ่นยางที่เป็น Cap toe ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรองเท้าไปด้วยเลย
ตัวพื้นรองเท้าส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนเวลาเดินจะเป็นสีของยางธรรมชาติแบบดิบๆ เซาะร่องลายเป็นลายก้างปลาแบบ Herringbone ที่เราเคยพูดถึงกันไปแล้วใน ประวัติศาสตร์ของรองเท้า Boat Shoes ว่าเป็นลายที่ช่วยกันลื่นได้เป็นอย่างดี แม้แต่พื้นน้ำลื่นๆก็ไม่หวั่น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการเกาะถนนของรองเท้า Gym Classic ได้เลยครับ
ดูรูปร่างภายนอกกันไปพอสมควรแล้วก็มาลองใส่ดูครับ ซึ่งหลังจากที่ MenDetails ลองใส่ดูแล้วก็พบว่า “มันสากจริงๆ” ถ้าไม่ใส่ถุงเท้าก็จะรู้สึกได้ชัดเจนถึงความสากของผ้าแคนวาสบนตัวรองเท้า แต่หลังจากที่มีประสบการณ์ตรงจาก Shoes Like Pottery ทำให้เรารู้ว่า ความสากแบบนี้มันก็แค่ชั่วคราว พอใช้ไปสักพักก็จะเริ่มนิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องขอชื่นชมจริงๆก็คือความนิ่มของพื้นยาง ใส่เดินแล้วไม่รู้สึกว่ากระด้างแบบ Chuck Taylor ที่จะออกแข็งๆมากกว่าคู่นี้ครับ และด้วยความยืดหยุ่นสูงบวกกับการอบยางด้วยความร้อนแบบ Fine Vulcanized ก็พอจะทำให้เชื่อได้ว่าพื้นยางของรองเท้าคู่นี้จะทนทานอยู่กับเราได้นานเลยทีเดียว
ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ MenDetails รู้สึกชอบรองเท้าคู่นี้มากๆก็คือความเนี้ยบในการตัดเย็บครับ คือเรารู้สึกได้ถึงความพิถีพิถันของการทำรองเท้า ตั้งแต่รอยเย็บผ้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อย เว้นช่องไฟสม่ำเสมอ รอยเย็บไม่มีการมาชนกันมั่วๆแบบที่เรามักเห็นกันทั่วไปเป็นปกติในรองเท้ายี่ห้ออื่นๆ รายละเอียดของพื้นยาง รอยต่อของยางกับตัวรองเท้าก็ทำได้เรียบเนียนแทบไม่มีที่ติสมเป็นงาน Handmade จริงๆครับ
ใครที่เชื่อมั่นในคุณภาพของรองเท้าผ้าใบที่ผลิตในญี่ปุ่นแท้ๆ แถมเป็นงานทำมือทั้งชิ้น และมาจากเมืองที่มีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมยางของญี่ปุ่นโดยเฉพาะ MenDetails เชื่อว่า Gym Classic ตัวนี้จะเป็นทางเลือกทีแตกต่างออกไปจากรองเท้าผ้าใบประเภทเดียวกันที่เป็นเจ้าตลาดอย่าง Converse หรือ Vans และด้วยความมีเอกลักษณ์ของรองเท้าจากโรงงานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ปี 1873 อย่าง Moonstar ทำให้เรามั่นใจว่า Gym Classic ที่ Made in Kurume คู่นี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ