ใกล้เข้าหน้าหนาวละครับ หลายๆ คนก็เริ่มต้นที่จะ Pack ชุดไปเที่ยวตะลุยหิมะ ซึ่งน่าจะเป็นทริปที่จองไว้ตั้งแต่ต้นปี แน่นอนว่า นอกจากเรื่องการเดินทางก็ต้องมีเรื่องของชุดกันหนาวนี่แหละครับที่ต้องใส่ใจสักหน่อย และควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแต่งตัวรับลมหนาวในแบบ Layering ไว้ล่วงหน้าด้วยเช่นเดียวกัน (อ่านรายละเอียดได้ที่นี่) เพราะแต่ละชั้นก็มีความสำคัญที่แตกต่างกันไป แต่มีอยู่ชั้นหนึ่งครับที่คุณควรให้ความสำคัญค่อนข้างมากนั่นก็คือชั้น Baselayer นั่นเอง
การมี Baselayer ที่ดีจะช่วยให้คุณออกไปเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นได้เป็นเวลานานขึ้น และจะช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อุ่นอยู่เสมออีกด้วย
Baselayer นั้นมีความสำคัญมากทีเดียวครับ ถือเป็นชั้นที่คอยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ไม่ปล่อยให้ความร้อนผ่านออกสู่ด้านนอก ซึ่งช่วยให้ร่างกายยังคงความอุ่นให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
-ในรูปจะเป็น Omni-Heat รุ่นก่อนครับ ที่ใช้ Patternแบบจุด สำหรับตัว Foil-
จนถึงวันนี้ เรายังรู้สึกว่า Baselayer ที่ตัวเรากล้าที่จะหยิบเอาไปใช้งานจริง ในสภาพอากาศที่หนาวตั้งแต่เลขเดี่ยวไปจนถึงติดลบก็คือ Baselayer จาก Columbia นี่แหละครับ เพรามีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นเวลานานราวๆ 8 วัน การเลือกติด Baselayer ไปใช้งานจึงมีอยู่หลายแบรนด์พอสมควร ตั้งแต่แบรนด์พื้นฐาน / ระดับกลาง และระดับ Performance ทุกครั้งที่เปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นนอกเหนือจาก Omni-Heat แล้วเนี่ย มันรู้สึกได้ทันทีว่า “ร่างกายสัมผัสกับอากาศเย็นมากกว่าปกติ”
-Pattern ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม เพิ่มพื้นที่ของ Foil มากขึ้น ก็สะท้อนความร้อนได้มากขึ้น-
Baselayer รุ่นใหม่ล่าสุดกับ Omni-Heat 3D ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหาบางประการของรุ่นเก่า
เจ้าเทคโนโลยี Omni-Heat นั้นคือเทคโนโลยีดักจับความร้อนที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในท้องตลาด ณ ปัจจุบันละครับ ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีที่ได้รับอิทธิพลมาจากองค์การ NASA เลยทีเดียว ด้วยเม็ด Foil เม็ดเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วตัวผ้าด้านใน จะช่วยสะท้อนความร้อนกลับเข้าหาตัวเราได้เป็นอย่างดีครับ ซึ่งใน Version ใหม่ของตัว Baselayer นั้น ทางแบรนด์ได้ปรับเปลี่ยนรูปร่างของเจ้าเม็ด Foil ดังกล่าวให้มีรูปร่างแปลกตาแต่เพิ่มพื้นที่ของ Foil ทำให้สามารถสะท้อนความร้อนได้มากขึ้นนั่นเอง และให้ชื่อว่า “Omni-Heat Thermal Reflective”
Omni-Heat Thermal Reflective ในรุ่นนี้มีการพัฒนารูปแบบของ Foil และเพิ่มชิ้นส่วนสำคัญอย่าง Vertically Oriented Fibers (ลักษณะเป็นขนเส้นเล็กๆ เป็นจุดก่อนถึงตัว Foil) ซึ่งตัว Vertically Oriented Fibers นั้นนอกจากจะช่วยกักเก็บความร้อนได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความอึดอัดเวลาสวมใส่ซึ่งดีกว่าตัว Omni-Heat เดิมมากทีเดียว (ใส่แล้วนุ่มดีจริงๆ) และถือเป็นเทคโนโลยีใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า Omni-Heat 3D
ปัญหาบางประการที่ว่าของเจ้า Omni-Heat รุ่นเก่าคือ “เวลาสวมใส่จะแอบรู้สึกเหนอะตัวยังไงบอกไม่ถูกครับ เนื่องจากเจ้าเม็ด Foil เม็ดเล็กๆ มักจะติดตามผิวจนทำให้รู้สึกใส่ยากสักเล็กน้อย รวมไปถึงตัวเม็ด Foil เองนั้นพอแตะถูกผิดแบบเต็มๆ จะให้ความรู้สึกเย็นเล็กน้อย แต่สำหรับเจ้า Omni-Heat 3D นั้น ถือว่าพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหาตามรายละเอียดข้างต้นนั่นเอง
ใส่แล้วร้อนเลย ไม่ต้องรอให้ร่างกายขยับเพื่อสร้างความร้อนเพิ่มเติม
ใช่ครับ เจ้า Omni-Heat 3D นั้น ใส่แล้วอุ่นและค่อยๆ ร้อนขึ้นมากทันที เพราะด้วยตัวเทคโนโลยี Omni-Heat นั้น “จะสะท้อนความร้อนที่มีอยู่แล้วในตัวกลับเข้าหาร่างกายโดยจะปล่อยให้ระบายอากาศได้เฉพาะบางช่วงเท่านั้น” บางช่วงที่ว่าก็คือตามร่องที่ไม่มีตัว Foil ไปปรากฎอยู่นั่นเอง นี่แหละคือข้อดีของ Baselayer ของแบรนด์ Columbia ตัวนี้เลย แถมมาพร้อมตัว Omni-Wick ซึ่งจะช่วยระบายอากาศได้มากขึ้น ซึ่งตัวแบรนด์เองได้พัฒนาให้พื้นที่ของ Foil นั้นมีมากขึ้น ช่วยสะท้อนความร้อนได้มากขึ้น มันจึงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมจนน่าตกใจ
สิ่งเดียวที่ต้องรอดูกันต่อไปก็คือเจ้า Vertically Oriented Fibers จะหลุดง่ายหรือไม่ (ซึ่งเท่าที่ลองคือไม่หลุดแน่ๆ) เพราะถ้าพูดถึงเรื่องความอุ่นแล้ว เราค่อนข้างมั่นใจว่า ใส่ Omni-Heat แล้วหายห่วงแน่นอน
ไว้ต้องรอดูกันหน่อยครับว่า Omni-Heat 3D ตัวนี้จะสามารถทนต่อการใช้งานได้มากน้อยแค่ไหนครับ แต่เท่าที่ลองดูจากตัว Demo ถือว่ายืดหยุ่นได้ดี และสามารถทนต่อแรงเสียดทานได้ค่อนข้างมากจริงๆ ครับ และเรากล้ายืนยันได้เลยว่า Columbia Titanium Baselayer Omni-Heat 3D คือตัวที่เราแนะนำให้ทุกท่านไปซื้อหามาใช้งานกัน รับประกันว่าคุณจะรู้สึกได้ทันทีว่า “มันดีจริงๆ” เมื่อคุณไปพบเจอกับอากาศหนาวๆ แบบเลขเดี่ยวครับ