ประเทศนอร์เวย์ถือเป็นประเทศพัฒนาแล้วในยุโรป ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่คนไทยหลายคนนิยมไปกัน โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มในวัยผู้ใหญ่ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม และอากาศหนาวเย็น รวมทั้งปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอย่าง “พระอาทิตย์เที่ยงคืน” หรือ “แสงเหนือออโรร่า” ซึ่งที่นอร์เวย์ก็มีปรากฎให้เห็นเช่นกัน แต่ทั้ง 2 อย่างนั้น MenDetails “ไม่ได้ไป” เพราะเราตั้งใจที่จะแบกเป้ Freitag Skipper เที่ยวในเมืองหลวงอย่างกรุงออสโล รวมทั้งเขตพื้นที่รอบๆ มากกว่า เรียกว่า “ขอชิลล์ไว้ก่อนดีกว่า”
(ซ้าย) Grand Hotel Oslo (ขวา) พระราชวังหลวง Royal Palace ในกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
แต่ไม่ว่าจะเดินทางดั้นด้นไปดูแสงเหนือ หรือจะแค่เดินเล่นในกรุงออสโลก็ตาม กระเป๋าใส่สัมภาระถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา ทั้งใส่กล้องถ่ายรูป, กล้องวีดีโอ, พาสปอร์ตและเอกสารสำคัญต่างๆที่จำเป็นต้องติดตัวไว้ตลอดเวลา รวมถึงเสื้อผ้าสำรองเผื่อในกรณีที่อากาศหนาวเย็นขึ้นฉับพลัน ซึ่งถึงแม้ว่าช่วงที่เราไปเที่ยวนั้นจะถือเป็นหน้าร้อนของนอร์เวย์ก็ตาม แต่หน้าร้อนที่มีอุณหภูมิต่ำถึง 0 องศาในช่วงเวลากลางคืน มันหาใช่หน้าร้อนไม่สำหรับคนไทย!
ถนนช็อปปิ้งสายหลักของเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์
Take-Off to Oslo!
การเดินทางของเราเริ่มต้นตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเราตัดสินใจใช้บริการของสายการบินราคาประหยัด อีกทั้งเรายังคงคอนเส็ปท์ ‘Travel Light’ ตาม คำแนะนำที่เราเคยให้ไว้เกี่ยวกับเทคนิคการขึ้นเครื่องบินอย่างประหยัดและชาญฉลาดสำหรับผู้ชาย เราจึงไม่ซื้อกระเป๋าสัมภาระเพิ่มเติมใดๆ สำหรับโหลดลงเครื่องบิน นั่นจึงทำให้เราจำเป็นต้องหากระเป๋าที่มีขนาดพอเหมาะทั้งหมด 2 ใบ ใบแรกเป็นกระเป๋าเดินทางมาตรฐานขนาด 20 นิ้ว กับอีกใบหนึ่งเป็นกระเป๋าถือ หรือ ‘Handbag’ ซึ่งสายการบินที่เราใช้นั้น อนุญาตให้พกไปเพิ่มได้อีก 1 ใบ ข้อควรระวังคือเรื่องของน้ำหนักอย่าให้มากเกินไปจนทำให้สายการบินจำเป็นต้องโหลดกระเป๋าลงเครื่อง และคิดค่าใช้จ่ายเราเพิ่มนะครับ
บรรยากาศที่สนามบิน Oslo Gardomoen
เราเลือกใช้ Freitag Skipper นั่นเพราะ Freitag เป็นอีกแบรนด์ในดวงใจของเรา ด้วยแนวคิดการผลิตสินค้าที่สร้างสรรค์จากผ้าใบคลุมรถบรรทุกเหลือใช้ อีกทั้งมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ชาญฉลาด และที่สำคัญ Freitag Skipper เป็นกระเป๋าที่มีขนาดใกล้เคียงกับขนาดของ Handbag ที่ทางสายการบินกำหนดอีกด้วย จึงไม่เป็นปัญหาในการผ่านการตรวจสอบของทางสายการบินก่อนขึ้นเครื่องแต่อย่างใด
ท่าเรือภายในกรุงออสโล พร้อมเรือโบราณที่คอยบริการนำเที่ยว
Backpacking in Beautiful Capital
ใช้เวลาการบินทั้งหมด 11 ชั่วโมงกว่าๆ เครื่องบินก็นำพาเรามาถึงกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์เรียบร้อย เราคว้า Freitag ‘Skipper’ กับกระเป๋าล้อลาก ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วพุ่งตรงออกจากสนามบินได้ทันทีโดยไม่ต้องรอกระเป๋าที่โหลดลงเครื่องแบบผู้โดยสารคนอื่นๆ ให้เสียเวลาเที่ยว เมื่อเรานำกระเป๋าเดินทางล้อลากไปเก็บในที่พักเรียบร้อยก็ถึงเวลาคว้าเจ้า Freitag Skipper ไปสำรวจเมืองกันต่อได้แล้วครับ
“Troll” ตัวละครในนิทานปรัมปราของแถบสแกนดิเนเวีย มีให้เห็นเป็นของที่ระลึกวางขายทั่วไป
ออสโล (Oslo) เป็นเมืองที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เมืองหลวงของประเทศที่เจริญแล้วพึงมี แต่ที่พิเศษคือความเจริญของออสโลเป็นไปอย่าง “พอเพียง” ไม่มากจนแออัดยัดเยียด และก็ไม่น้อยเกินไปจนดูเงียบเหงา ภูมิทัศน์บ้านเมืองและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บวกกับอากาศที่เย็นแบบ “หนาวกำลังดี” ทำให้เราสะพาย Freitag Skipper เดินเที่ยวเพลินแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย จะมีก็แต่อาการปวดเมื่อยขาเท่านั้นแหละครับ
แดดร่มลมตกกับถนนหน้า Grand Hotel Oslo เชื่อมสู่พระราชวัง Royal Palace
อีกหนึ่งมุมจาก Rooftop Bar ของโรงแรม Grand Hotel Oslo ด้านหน้าคือสาธารณะหน้าโรงละครแห่งชาติ National Theatre ส่วนสองตึกสูงด้านซ้ายคือศาลาว่าการเมืองออสโล
Breathtaking Nature Scenery
นอกจากจะเดินเที่ยวชมเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยอาคารสวยๆ และแหล่งช็อปปิ้ง MenDetails ยังได้มีโอกาสนั่งรถออกไปนอกเมืองเพื่อชื่นชมกับธรรมชาติอันสวยงามของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับคนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายและหลีกหนีความยุ่งวุ่นวายจากการทำงานในเมืองไทยจริงๆ เมืองที่เราได้มีโอกาสแวะไป มีชื่อว่า ‘Kragero’ เป็นเมืองแห่งหมู่เกาะ และถือเป็นเมืองตากอากาศที่สำคัญของคนนอร์เวย์
เรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งระหว่างเดินทางจากออสโล สู่เมืองคราเกอโร ประเทศนอร์เวย์
วิวริมทะเลนอกเมือง Oslo ประเทศ Norway
ช่องใส่ของด้านหลังที่สามารถใส่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปได้ และปรับเปลี่ยนมาใส่สัมภาระจำเป็นสำหรับการเดินทางได้ด้วยเช่นกัน
แต่การเดินเที่ยวชมธรรมชาติ หรือ Trekking แบบนี้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องเตรียมข้าวของสัมภาระให้พร้อม ทั้งเสื้อผ้าสำรอง เช่นเสื้อกันหนาวและกันฝนในยามที่อากาศเย็นลงหรือมีฝนตกแบบกะทันกัน รวมถึงกระติกน้ำ, กล้องถ่ายรูป และสัมภาระอื่นๆ ซึ่งเราก็ยัดทั้งหมดเข้าไปใน Freitag Skipper แล้วกลายร่างมันให้กลายเป็นกระเป๋าเดินป่าไปในพริบตา และ Freitag ‘Skipper’ ก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมือง Kragero ประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองตากอากาศของคนนอร์เวย์ คล้ายๆ หัวหินบ้านเรา
ธรรมชาติร่มรื่นนอกตัวเมือง Oslo กับอากาศเย็นสบายที่เราไม่ค่อยได้สัมผัสนักในเมืองไทย
ช่องใส่สัมภาระหลักของ Freitag Skipper ที่สามารถจุของได้มากมาย เป็นได้ทั้งกระเป๋าเดินทาง และเป้ใส่ของประจำวัน
หลังจากที่ MenDetails ใช้เวลาเดินทางอยู่กับ Freitag Skipper กว่า 10 วัน ทั้งขึ้นเครื่องบิน, นั่งรถ, ลงเรือ, เที่ยวเมือง, เข้าป่า ครบถ้วนแทบทุกสถานการณ์ในประเทศนอร์เวย์ ก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นกระเป๋าสัมภาระที่ “ลงตัวที่สุด” ใบหนึ่งเท่าที่เราได้เคยใช้มา ด้วยขนาดกำลังดีที่สามารถ “ปรับสัดส่วนได้” ทำให้ Freitag Skipper ทั้งใหญ่พอที่จะเป็นกระเป๋าเดินทาง แต่ก็สามารถหดตัวให้เล็กและคล่องตัวพอที่จะเป็นกระเป๋าสัมภาระขณะเดินเที่ยวระหว่างทริปได้เช่นกัน
ขนาดกำลังพอดี พกพาง่าย แบกขึ้นลงรถไฟที่นอร์เวย์ได้แบบสบายๆ
หากสายการบินที่คุณใช้เดินทางนั้นเป็นสายการบินราคาประหยัด ที่อนุญาตให้เราสามารถพกพากระเป๋าประเภท Handbag ขึ้นเครื่องได้อีก 1 ใบ นอกเหนือจากกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม MenDetails ก็ขอแนะนำให้คุณพก Freitag Skipper ติดตัวไปด้วย เมื่อถึงที่หมายและเช็คอินเก็บกระเป๋าใบใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็ปรับ Freitag Skipper ให้เป็นกระเป๋าเป้ Backpack พกพาสิ่งของจำเป็นออกไปเดินเที่ยวให้หนำใจ หลังจากจบทริปแล้วก็เก็บ Freitag Skipper ไว้ใช้ต่อ ทั้งในชีวิตประจำวันและเมื่อมีทริปสั้นๆ สุดสัปดาห์ ทั้งหมดที่พูดมาทำให้เรายืนยันว่า Freitag F511 Skipper คือ “กระเป๋าสุดเพอร์เฟ็คท์ สำหรับทุกทริปของผู้ชายจริงๆ”