หลังจากที่เราได้ ทำการวัดตัวกับคุณฮิงาชิ โนริยูกิ (Higashi Noriyuki) เพื่อตัดเสื้อ สูท Sartoria Raffaniello แบบ Bespoke ในสไตล์ Double Breasted ที่ร้าน The Decorum Bangkok ไปแล้วก่อนหน้านี้ ทางคุณฮิงาชิได้เดินทางกลับไปที่ญี่ปุ่นเพื่อลงมือทำการตัดเสื้อแจ็กเก็ตตัวดังกล่าว และประมาณ 5 เดือนถัดมาจึงได้นำชิ้นร่างของเสื้อมาให้เราได้ทดลองสวมใส่เป็นครั้งแรก หรือที่เรียกว่า First Fitting ซึ่งมักจะมีในการตัดเสื้อสูทแบบ Bespoke เท่านั้น
First Fitting with Sartoria Raffaniello
คุณฮิงาชิเริ่มต้นงาน First Fitting ด้วยการรีดผ้าของชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้เรียบร้อยดีเสียก่อน เพื่อให้ฟิตติ้งได้สวยงามใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด จากนั้นจึงนำโครงร่างของตัวแจ็กเก็ตทั้งหมดมาให้ลองสวมใส่ เพื่อดูความพอดีโดยรวมเสียก่อน
โครงร่างของฟิตติ้งแรก สำหรับงาน Bespoke (บี-สโป๊ค) ของ Sartoria Raffaniello จะเป็นโครงร่างที่สามารถแยกชิ้นส่วนออกจากกันได้ทั้งหมดด้วยมือ ซึ่งงานเย็บทุกจุดที่เกิดขึ้นจะมาจากฝีมือ Handmade ของ ฮิงาชิซัง ล้วน ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้เขารู้จักชิ้นส่วนทั้งหมดที่เย็บขึ้นมาเองทุกซอกทุกมุม นั่นจึงทำให้ไม่ว่าฟิตติ้งจะเกิดปัญหาตรงไหน เขาจะรู้ได้ทันทีว่าจะแก้ไขยังไงให้ดีที่สุด
จุดแรกที่ทางฮิงาชิซังตรวจพบคือช่วงวงแขนที่คับและสูงเกินไปเล็กน้อย รวมถึงช่วงของหน้าอกที่ค่อนข้างเข้ารูปแบบพอดีเป๊ะจนทำให้ขยับแขนได้ลำบาก ซึ่งทาง Noriyuki Higashi ได้แก้ไขด้วยการแกะแขนเสื้อออกและเย็บใหม่แบบสด ๆ เพื่อให้เห็นชัดเจนตรงนั้นเลย ว่าเขาจำเป็นต้องขยายช่วงแขนและช่วงอกให้กว้างแค่ไหนและอย่างไร เพื่อให้เข้ากับร่างกายของผู้สวมใส่จริง ๆ ซึ่งจุดนี้เป็นความพิเศษของ Bespoke Tailoring ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนไม่ว่าจะตัดสูทกับใครก็ตาม
จุดเด่นของ Sartoria Raffaniello ‘Bespoke’ ที่เราสัมผัสได้ อยู่ที่ผู้ตัดสูทเป็นทั้งผู้วัดตัว, เป็นช่างตัด, เป็นคนลองเสื้อ และเป็นผู้ที่แก้ไขรายละเอียดทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่มีการส่งต่อการทำงานให้ใครทั้งสิ้น ฮิงาชิซังจึงรู้จักทุกจุดของตัวเสื้อที่ตัดให้เราและพร้อมลงมือแก้ไขเองได้ทันทีที่หน้างาน เพื่อเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เขาต้องการให้ได้ครบถ้วนที่สุด ต่างจากร้านสูทที่เรียกตัวเองว่า Bespoke Tailor อื่น ๆ ซึ่งคนวัดตัว, ช่างตัดเสื้อ, คนลอง ฯลฯ ในกระบวนการทั้งหมดมักเป็นคนละคนกัน ซ้ำร้ายบางแห่ง “ส่งต่องาน” (Outsource) ให้โรงงานตัดให้แบบรวม ๆ กันไปหมด จนลดทอนความหมายของ Bespoke ให้ด้อยค่าลงโดยปริยายไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
อีกจุดหนึ่งที่ Higashisan ทำการปรับให้นั่นคือ การเก็บผ้าส่วนเกินบริเวณสาบเสื้อด้านหน้า (Jacket Dart) เพื่อให้ตัวเสื้อแนบเข้ากับลำตัวได้สนิทยิ่งขึ้น ไม่ให้มีผ้าเหลือเป็นริ้วจนดูไม่พอดีตัว รวมถึงการปรับความยาวของตัวเสื้อให้ย่วขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อให้สมดุลกับความสูงของร่างกายผู้สวมใส่มากขึ้นอีก
Change 6×2 to 6×1 with Wider Lapel
อีกหนึ่งข้อดีของการตัดเสื้อ Bespoke กับ Higashisan โดยตรง คือการที่เราสามารถเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างได้ระหว่าง First Fitting และ Second Fitting ในกรณีที่เราเกิดเปลี่ยนใจอยากที่จะปรับอะไรเพิ่มเติม ทั้งนี้ MenDetails แนะนำให้สอบถามกับ Higashisan โดยตรงก่อน ว่ารายละเอียดที่เราต้องการนั้น ยังสามารถเปลี่ยนได้ทันเวลาในตอนนั้นหรือไม่ หาก Higashisan บอกว่าได้ ก็จัดไป แต่ถ้าไม่ได้ก็อย่าไปฝืนนะครับ
สำหรับ MenDetails นั้นเราต้องการให้ผู้อ่านได้เห็นดีไซน์ใหม่ ๆ ที่ดูแปลกตากว่าเสื้อสูทรูปแบบมาตรฐานทั่วไป เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงให้คุณผู้อ่านที่สนใจได้เห็นว่า หากตัดออกมาอยู่บนตัวผู้ชายไทยรูปร่างมาตรฐานอย่างทีมงาน MenDetails แล้วนั้น มันจะดูเป็นอย่างไร เราจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนจาก Double Breasted Jacket ที่มีแนวกระดุมแบบ 6×2 ให้กลายเป็นกระดุมแบบ 6×1 รวมทั้งขยายขนาดความกว้างของปก ให้ใหญ่ขึ้นตามสไตล์ของ Sartoria Raffaniello
คุณโนริยูกิ ฮิงาชิ จะกลับมาเปิด Trunk Show ในนามร้าน สูท Sartoria Raffaniello อยู่เป็นประจำที่ The Decorum Bangkok ทุก ๆ 4-5 เดือน และในครั้งหน้าที่เขามาเมืองไทย MenDetails จะมี Update ของ Second Fitting มาฝากกันอีกครั้ง เป็นซีรี่ส์ให้ได้ติดตามกันยาว ๆ แน่นอนครับ