หากจะให้นับเปรียบเทียบความนิยมรองเท้าหนังประเภทผูกเชือกกันอย่างตรงไปตรงมาในกลุ่มผู้ชายชาวไทย MenDetails มีความเชื่อว่า ผู้ชายไทยนิยมใส่รองเท้าประเภท Derby (ดาร์บี้ หรือ เดอร์บี้) มากกว่ารองเท้าสไตล์ Oxford จะด้วยเหตุผลว่าชื่นชอบเป็นการส่วนตัว หรือจะเป็นการเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองใส่ Oxford อยู่ก็ตามที แต่รองเท้าดาร์บี้เองก็กลายเป็นรองเท้าที่เราเห็นผู้ชายส่วนใหญ่ใส่กันทั่วไป ทั้งไปเรียนมหาวิทยาลัยหรือไปทำงานออฟฟิศ
รองเท้าหนัง Fugashin Split Toe Derby
แต่รองเท้าสไตล์ Derby ใช่ว่าจะเหมือนกันไปหมด เพราะรูปทรงของหุ่นรองเท้าที่ใช้ และงานฝีมือในการตัดเย็บรวมถึงคุณภาพของชิ้นหนัง คือสิ่งที่แยกรองเท้าหนังดาร์บี้ทั่ว ๆ ไป ที่วางขายกลาดเกลื่อนตามท้องตลาด กับรองเท้าหนังดาร์บี้ระดับคุณภาพที่มีราคาสูงขึ้นไป และวันนี้ MenDetails ขอหยิบเอารองเท้าหนัง Split Toe Derby จากแบรนด์ Fugashin Shoemaker ที่รวบรวมงานฝีมือการเย็บชิ้นหนังชั้นครูหาดูยาก พร้อมหุ่นรองเท้าสุดเนี้ยบใช้งานได้หลากหลาย มาแนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักกันครับว่า ความแตกต่างของรองเท้าดาร์บี้ดี ๆ นั้น มันเป็นอย่างไร
รองเท้าหนัง Fugashin Split Toe Derby คู่นี้ ใช้หนังลูกวัว (Box Calf Leather) สีน้ำตาลเข้มจากโรงฟอกหนัง Tannerie d’Annonay ในประเทศฝรั่งเศสมาตัดเย็บที่ประเทศเวียดนาม แต่งสีแบบ Patina ให้ปลายหัวรองเท้าเข้มกว่าตัวรองเท้าเล็กน้อย ในส่วนของระบบผูกเชือกรองเท้าเป็นแบบ Open Lacing ตามสไตล์ Derby Shoes โครงสร้างรองเท้าแบบ Goodyear Welted Shoe เย็บพื้นรองเท้าแบบ Closed Channel Sole ซ่อนรอยเย็บสนิทเรียบร้อยดี ช่วงเอวของพื้นรองเท้ามี “เอวคอด” หรือ Beveled Waist ที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความโค้งเว้าให้กับรูปทรงของรองเท้าโดยรวม ความจริงด้วยคุณสมบัติเพียงเท่านี้ก็เรียกได้ว่ารองเท้าคู่นี้เข้าขั้นงาน “คุณภาพ” ได้แล้ว แต่ “ทีเด็ด” ของรองเท้าคู่นี้จริง ๆ ยังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้หรอกนะครับ
– พื้นหนังแบบ Closed Channel ช่วยให้รองเท้าคู่นี้ดูเนี้ยบมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง –
The Pie Crust Apron
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของ รองเท้าหนัง Fugashin รุ่นนี้ ก็คือรอยเย็บโค้งตรงช่วงหัวรองเท้า (Apron Stitching) ที่จะมีลักษณะพิเศษมองดูแล้วคล้ายคลึงกับ “ขอบแป้งขนมพายแบบกลม” ทำให้รอยเย็บเช่นนี้มีชื่อเล่นที่เรียกกันในวงการรองเท้าหนังทั่วโลกว่า “Pie Crust Apron” (รอยเย็บขอบขนมพาย) ซึ่งเป็นรอยเย็บที่เครื่องจักรไม่สามารถทำได้ จำเป็นจะต้องใช้การเย็บด้วยมือโดยช่างฝีมือที่ชำนาญงานเท่านั้น และจะใช้อุปกรณ์พิเศษที่เป็นเข็มประเภท Pig’s Bristle ที่โค้ง ยืดหยุ่น และมีความแข็งแรงสูง เพื่อสร้างรอยเย็บวิถีโค้งให้เกิดการตั้งของขอบขึ้นมาบาง ๆ แตกต่างจากรอยเย็บปกติที่เย็บขึ้นลงตรง ๆ แบบที่เครื่องจักรสามารถทำแทนมือคนได้สบาย ๆ
– รอยเย็บช่วงแอพรอน หรือแวมป์ของรองเท้า แบบ ‘Pie Crust’ –
The Skin Stitch
นอกจากรอยเย็บแบบ Pie Crust Apron วิถีโค้งบนตัวรองเท้าแล้วนั้น ที่ปลายหัวรองเท้าตรงส่วนที่เรียกว่า “Split Toe” ทาง Fugashin หยิบเอาเทคนิคที่เรียกว่า Skin Stitch ซึ่งเป็นการใช้ Pig’s Bristle เย็บรอยเย็บเพื่อเชื่อมหนังสองชิ้นติดกัน โดยจะเย็บให้รอยเย็บทั้งหมดนั้นอยู่ด้านใน และโชว์ลักษณะภายนอกให้เห็นเป็นเพียงฝีเย็บบาง ๆ ที่แทบไม่มีรอยนูนหรือรอยบุ๋มของการเย็บเผยให้เห็นตรงแนว Split toe ที่ปลายหัวรองเท้านั้นเลย และด้วยความที่รอยเย็บดูเรียบแทบไม่มีรอยต่อนี่เองจึงเป็นที่มาของชื่อว่า “Skin Stitch” ซึ่งจะแตกต่างจากรอยเย็บสไตล์อื่น อย่างเช่น Norwegian Split Toe ที่จะโชว์รอยเย็บตรงช่วงนี้ให้นูนขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจนนั่นเองครับ
– ลักษณะการเย็บแบบ Skin Stitch ตรงรอยเย็บ Split Toe ช่วงหัวรองเท้า –
ทั้งรอยเย็บแบบ Pie Crust Apron และ Skin Stitch นั้น จำเป็นต้องอาศัยความประณีตในการเย็บทีละช่อง ทีละฝีเข็ม เมื่อเริ่มลงมือเย็บแล้วจะหยุดกลางคันก็ไม่ได้ เพราะจะเสี่ยงกับการทำให้ฝีเข็มเพี้ยนอย่างง่ายดาย ความประณีตดังกล่าวทำให้รองเท้าแต่ละคู่ใช้เวลานานมากในการทำ แม้แต่ช่างเย็บรองเท้าที่ชำนาญงานที่สุดในปัจจุบันก็ยังสามารถทำได้เต็มที่ประมาณ 20 คู่ต่อสัปดาห์เท่านั้น แต่การสัมผัสถึงความแตกต่างและรับรู้เบื้องหลังว่า รอยเย็บดังกล่าวต้องใช้งานฝีมือระดับสูงขนาดไหนจึงจะสำเร็จเสร็จออกมาได้ นั่นแหละคือคุณค่าที่เรารู้ในใจ เป็นความพิเศษที่รองเท้า Derby คู่อื่นทั่ว ๆ ไปให้ไม่ได้
Fugashin’s Beautiful Laced up Last
หุ่นรองเท้า หรือ Last รองเท้าของ Fugashin ในสไตล์ Laced up หรือรองเท้าประเภทผูกเชือกนั้น ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของ Fugashin ในทัศนะของเราเลยก็ว่าได้ เพราะหุ่นรองเท้าแบบนี้ถือว่าลงตัวมากสำหรับรองเท้าหนังสไตล์ผูกเชือก อีกทั้งเข้ากับเท้าของคนไทยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งสำหรับ รองเท้าหนัง Fugashin Derby Split Toe คู่นี้ก็ยังคงใช้หุ่นรองเท้าแบบเดียวกับที่ใช้ในรองเท้า faux Oxfords หรือ รองเท้า Lazy Man ที่ MenDetails ได้รีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ และก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีเยี่ยมของ Fugashin เพราะอะไรที่เหมาะสม คลาสสิค และสวยงามอยู่ในตัวแล้วนั้น ก็หาได้มีความจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนแปลงให้สุ่มเสี่ยงกับความผิดพลาดแต่อย่างใดไม่
Very Versatile Derby Shoes
ความแตกต่างระหว่างรองเท้าประเภท Oxfords และ Derby อยู่ที่ระบบผูกเชือก และระดับความสุภาพหรือเป็นทางการ ซึ่งในเชิงทฤษฎีนั้น Oxfords จะมีระดับที่สุภาพและเป็นทางการมากกว่า แต่ความเป็นทางการสูงบางครั้งก็ทำร้ายรองเท้าสไตล์ Oxfords ในเรื่องของความหลากหลายในการใช้งานได้เช่นเดียวกัน ในขณะที่รองเท้าสไตล์ Derby ที่ใช้หุ่นรองเท้ารูปทรงสุดเนี้ยบและเรียบร้อยแบบรองเท้า Fugashin คู่นี้ อาจทดแทนรองเท้า Oxfords ได้อย่างสบาย แถมยังเผื่อไว้ใช้งานในโอกาสอื่น ๆ ที่ลำลองมากขึ้นได้อีกด้วย
ด้วยรูปทรงที่เนี้ยบเฉียบขาด ทำให้ Split Toe Derby จาก Fugashin คู่นี้ สวยงามและดูดีมากพอที่จะใส่คู่กับชุดสูททั้งชุด สำหรับการติดต่อธุรกิจ ขณะเดียวกันความลำลองของ Open Lacing และรอยเย็บแบบ Pie Crust Apron อันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้รองเท้าคู่นี้ “ขี้เล่น” มากพอที่จะใส่กับ Sport Coat และกางเกง odd trousers สวย ๆ สำหรับแนวการแต่งกายแบบ Smart Casual เช่นกัน และถ้าจะให้สุดไปอีกทางหนึ่ง โดยจะใส่กับกางเกงยีนส์ทรงสวย กับเสื้อเชิ้ตเนี้ยบ ๆ สักตัว สำหรับพาแฟนไปดินเนอร์บรรยากาศสบาย ๆ สีน้ำตาลเข้มแบบมีมิติจากรองเท้าของ Fugashin คู่นี้ก็จะตัดกับสีน้ำเงินของกางเกงยีนส์ของคุณได้งดงามดีนักเชียว
คำบรรยายงานฝีมือทั้งหมดของ รองเท้าหนัง Fugashin Derby Split Toe คู่นี้ หากอยู่บนรองเท้าที่ผลิตและนำเข้าจากอังกฤษหรือยุโรป เราเชื่อว่าราคาจะพุ่งไปสูงถึงเกือบครึ่งแสน แต่ทว่า Fugashin สามารถทำได้ในราคา 1 หมื่นบาทต้น ๆ เท่านั้น กับงานคุณภาพที่ทำออกมาได้ดีในแบบที่กล้าชนได้ทุกแบรนด์ดัง ว่าที่จริง MenDetails เชื่อว่างานของ Fugashin เก็บได้ดีและเนี้ยบกว่าแบรนด์รองเท้าหนังชื่อดังหลาย ๆ แบรนด์ด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ดี เรายังคงคำแนะนำเดิมนั่นก็คือ “อย่าเพิ่งเชื่อพวกเรา” ขอให้เดินทางไปลองสวมใส่ที่ The Shoeroom ในร้าน The Decorum ซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 เสียก่อน เพื่อดูว่ารองเท้าคู่นี้เหมาะกับเท้าของเรา และเหมาะกับการใช้งานของเราจริงหรือไม่ “ถ้าใส่แล้วชอบ ก็จัดเถอะครับ”