ทุกๆคนย่อมรู้กันดีอยู่แล้วว่าเมืองไทยนั้นเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อน ดังนั้นฤดูกาลของเราจึงมีแค่ 3 ฤดูคือ ฤดูร้อน, ฤดูฝน และฤดูหนาว ซึ่งประเทศไทยเรานั้นหลายครั้งก็ลดลงเหลือเพียงสองฤดูคือ “ฤดูร้อน” กับ “ฤดูร้อนมากๆ” เท่านั้น ดังนั้นเราคนไทยจึงแทบไม่มีโอกาสได้ใช้เสื้อโค้ตกันหนาวในเมืองไทยเลย (ยกเว้นบางปีที่สภาพอากาศไม่ปกติจริงๆเท่านั้น)
แต่ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ที่เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้บ่อยขึ้นในราคาที่ถูกลง ทำให้เราคนไทยได้มีโอกาสเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวในต่างประเทศอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ดังนั้นจึงไม่น่าจะผิดนักหาก MenDetails อยากจะขอแนะนำเสื้อโค้ตกันหนาวที่ผู้ชายไทยสามารถหาซื้อเก็บไว้เพื่อนำไปสวมใส่ในเวลาที่มีโอกาสไปท่องเที่ยวในประเทศที่มีอากาศหนาวๆให้ดูคลาสสิคและมีสไตล์ ซึ่งเสื้อโค้ตกันหนาวที่เราจะมาแนะนำในวันนี้คือเสื้อโค้ตทรงสุดคลาสสิคที่มีชื่อว่า “พี โค้ต” (Pea coat) ครับผม
Pea Coat จาก J.Crew
ต้นกำเนิดจากเสื้อของทหาร
Pea Coat คือเสื้อโค้ตกันหนาวแบบหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากเสื้อโค้ตของทหารในกองทัพอย่างเสื้อ Reefer Jacket และ Bridge Coat จะว่าไปนั้นหากสังเกตดีๆลักษณะของ Pea Coat จะมีรูปร่างหน้าตาและแถวของกระดุมที่คล้ายกันกับ Double-Breasted Suit หรือสูทกระดุมสองแถวซึ่งมีที่มาจาก Reefer Jacket ของทหารเช่นเดียวกัน คำว่า “Pea” สันนิษฐานกันว่ามาจากชื่อเรียกเนื้อผ้า Twilled สีน้ำเงินในภาษาดัตช์หรือ “Pijakker” ลักษณะเนื้อผ้าของ Pea Coat จะเป็นผ้าที่หนาเพื่อใช้กันหนาว, ใช้ปกเสื้อแบบ Notch Lapel ขนาดใหญ่ และจะมีความยาวลงมาจนถึงประมาณต้นขาซึ่งยาวกว่าสูท Double-Breasted ครับ
Reefer Jacket
ด้วยลักษณะเนื้อผ้าแบบ twilled หนาๆของ Pea Coat นี่เองที่ทำให้มันเหมาะมากที่จะใส่คู่กับสูทในวันที่มีอากาศหนาวถึงหนาวมาก แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยผ้าที่หนาและไม่เป็นแนวหรูหราแบบ Dress Coat เต็มรูปแบบ ทำให้เราสามารถใช้งาน Pea Coat ได้หลากหลาย ทั้งใส่คู่กับ เสื้อยืด, เสื้อโปโล, เสื้อเชิ้ต OCBD ผนวกคู่กับกางเกงได้แทบทุกแนวทั้งยีนส์, ชีโน่ หรือสแล็คอย่าง Active Trousers ก็ทำได้เช่นกัน พูดง่ายๆว่าเราสามารถปรับใช้ Pea Coat ได้กับเสื้อผ้าแทบทุกแนวทั้ง formal และ casual เลยนั่นแหละครับ
วิธีเลือกซื้อและวิธีใส่ Pea Coat
ลักษณะของ Pea Coat ที่หน้าตาคล้าย สูท Double-Breasted ทำให้คนใส่ดูสมาร์ทและภูมิฐานมากขึ้นไปโดยอัตโนมัติ การเลือกซื้อ Pea Coat จึงควรลองสวมใส่ให้ฟิตเข้ารูปแบบกำลังพอดีตัวคล้ายเลือกซื้อแจ็กเก็ตสูท (แตกต่างจากเสื้อกันหนาวแบบอื่นๆที่อาจไม่จำเป็นต้องมีขนาดที่ “เป๊ะ” มากนัก) และถ้าจะให้ปลอดภัยควรเลือกสีพื้นแบบไม่มีลวดลาย อย่างสีดำ, สีเทา หรือสีน้ำเงินเข้มกรมท่า ส่วนใครที่ต้องการความโดดเด่นอาจเลือกซื้อสีเบอร์กันดี หรือน้ำตาลเบจเข้มๆก็น่าสนใจครับ
photo : Asos.com
เมื่อได้ Pea Coat ตัวที่สวยถูกใจแล้ว การสวมใส่ก็คล้ายเสื้อสูท Double-Breasted เช่นกัน นั่นก็คือการเว้นกระดุมเม็ดสุดท้ายเอาไว้โดยไม่ต้องกลัด ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ตัว Pea Coat โอบรัดช่วงก้นของเรามากเกินไปจนทำให้ร่างกายดูตันๆ อีกทั้งยังช่วยให้เราเดินเหินได้สะดวกคล่องตัวมากขึ้นด้วยนะครับ
ถ้าคุณชอบใส่เสื้อยืด หรือ เสื้อโปโล + กางเกงยีนส์แล้วสวมทับด้วย Pea Coat ขอให้พยายามใส่เสื้อยืดหรือเสื้อโปโลที่เป็นสีพื้นจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้มันไป “ตี” กับภาพภูมิฐานของตัวโค้ต ส่วนกางเกงยีนส์ก็เลือกตัวที่เป็น Raw Denim ที่มี fade สวยๆ จากนั้นตบท้ายด้วย รองเท้า Boots ดีๆสักคู่ เท่านี้ก็หล่อด้วย Pea Coat ได้สบายๆครับ
photo : J.Crew
แต่ถ้าคุณชอบใส่เสื้อเชิ้ต กางเกง Dress Pants เป็นทุนเดิม การใส่ เสื้อเชิ้ต OCBD พร้อมกางเกงสแล็ค คู่กับ รองเท้าหนังทรงคลาสสิคคุณภาพดี แล้วสวมทับด้วย Pea Coat ก็จะทำให้ลุค Smart Casual ของคุณโดดเด่นเตะตาขึ้นมาได้ทันทีเช่นกันครับ
Pea Coat ถือเป็นเสื้อโค้ตที่คลาสสิคมากๆสำหรับผู้ชายครับ ด้วยความที่มันเป็นเสื้อกันหนาวที่เมื่อกลัดกระดุมแล้วจะดูฟิตเข้ารูป จึงไม่ทำให้ผู้ชายที่ใส่นั้นดูตัวใหญ่และหนาขึ้นกว่าเดิมเหมือนกับการใส่เสื้อกันหนาวแบบอื่นๆ กลับกันการเลือกซื้อ Pea Coat ที่มีขนาดกำลังพอดีตัวจะช่วยทำให้ผู้ชายไทยสามารถใส่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่มีอากาศหนาวได้อย่างมีสไตล์และคลาสสิคสุดๆอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองหนาวเร็วๆนี้ จัด Pea Coat ไปอย่าให้เสียชื่อชาว MenDetails นะครับผม
photo : Asos.com