MDs’ : แนะนำตัวหน่อยครับเป็นใคร ชื่ออะไร
Prad : ชื่อปราชญ์ โหมดประดิษฐ์ครับ ตอนนี้ก็อายุ 21 ปี เป็นหนึ่งใน 5 ของแฟนพันธุ์แท้ Converse ประเทศไทย จริงๆ ก็เป็นแค่นักสะสม Converse คนหนึ่งที่ชอบความเท่ห์ของมันแบบถอนตัวไม่ขึ้น
MDs’ : เริ่มต้นสะสมตอนอายุเท่าไร และอะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากสะสม Converse ครับ
Prad : เริ่มต้นสะสมตอนอายุ 15 นะถ้าจำไม่ผิด ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่าเป็นแฟนคลับพี่ตูน เห็นพี่ตูนใส่รองเท้า Converse เลยอยากมีบ้าง ก็เลยเลือกที่จะซื้อตามเค้า พอซื้อไปซื้อมา เริ่มศึกษาจริงๆ จังๆ ก็เริ่มชอบ คงเพราะประวัติและรูปลักษณ์ของรองเท้า ทำให้เริ่มตามเก็บมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ)
MDs’ : รองเท้าคู่แรกที่เริ่มเก็บคือคู่ไหนครับ
Prad : คู่แรกเลยต้องคู่นี้ครับ Converse Jackass NO.2 ซึ่งคู่นี้ทาง Converse ได้ร่วมมือกับหนังเรื่อง Jackass ภาคที่ 2 เลยเกิดเป็นรองเท้าคู่นี้ขึ้น แต่ไม่มี NO.1 นะ สาเหตุก็หนีไม่พ้นพี่ตูนอีกเช่นเคย ซื้อเพราะเขาใส่นี่แหละ
MDs’ : คู่ไหนใน Collection ของตัวเองที่รักที่สุด (ไม่เกี่ยวกับแพงถูกนะ)
Prad : คู่ที่หวงที่สุดเลยหรอ (ยิ้ม) ขอคิดก่อนนะ… น่าจะเป็น Converse Chuck Taylor ปี 1959 สีดำ ป้าย 3 ดาวเฉียง เพราะเป็นคู่ที่หายากที่สุดและแทบจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย แม้แต่เปิดหาใน Internet ก็ไม่มีนะเอาจริงๆ (หัวเราะ) แม้แต่รูปซักรูปใน Internet ก็ยังไม่มีเลยคิดดูสิ ในหนังสือก็ไม่มีนะ ผมหามานานมากและ พอดีเจอ เลยรีบกดซื้อทันทีแบบไม่ลังเล (หัวเราะ)
MDs’ : ในวงการ Collector คุณปราชญ์มี Idol ในใจมั้ยครับ แบบว่าชาติหนึ่งอยากทำให้ได้แบบนี้
Prad : อืมมม… งั้นต้องคนนี้เลยครับ คนที่เป็นเจ้าของ ShoeZeum ที่เก็บรองเท้าไว้ในโกดังของตัวเองชื่อ Jordan Geller เค้าเก็บสะสมรองเท้า Nike กว่า 2,000 คู่และชั้นวางที่เค้าวางรองเท้าแต่ละคู่ จะมีของเล่นหรือที่มาที่ไปของรองเท้านั้นๆ วางคู่กันอยู่ ถือว่าเจ๋งมากๆ เลย เช่น ถ้าเค้าเก็บรองเท้าลายยีราฟ เค้าจะเอาตุ๊กตายีราฟมาวางคู่ ลาย Star Wars ก็จะเอาของเล่นมาวางคู่ด้วย
MDs’ : ถ้าสามารถหยิบรองเท้าคู่ไหนก็ได้ในโลกมาเป็นของตัวเองได้คู่นึง จะเลือกหยิบคู่ไหน
Prad : คู่เดียวหรอครับ (หัวเราะ) ยากเลยทีนี้ อืม… โหยคู่เดียวยากอะ ถ้าเป็นคู่เดียวก็อยากได้ Nike Air Mag นะแต่ขอเลือกเป็น Converse ธรรมดาเลยแต่เป็นปี 1917 ซึ่งเป็นรองเท้าคู่รุ่นแรกที่โรงงาน Converse ผลิตออกมาวางขายในตลาด ซึ่งไม่สามารถหาได้อีกแล้ว น่าจะอยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ณ ตอนนี้ เคยเห็นอยู่คู่นึงเป็นปี 1919 ราคาที่ขายกันอยู่ก็จะตกประมาณ 750,000 บาทไทยเมื่อแบบ 3 ปีก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลยจนถึงทุกวันนี้
MDs’ : เริ่มต้นจากการเป็น Reseller ก่อนจะก้าวมาเป็น Collector ถามว่าคิดยังไงกับตลาด Reseller ณ ปัจจุบันครับ
Prad : ความคิดเห็นของผมส่วนตัวนะครับคือผมว่าตอนนี้คนเป็น Reseller เริ่มเยอะแถมปั่นราคากันเยอะด้วยนะ จริงๆ ควรขายในราคาที่สุขุมกว่านี้ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ก็แล้วแต่คนจะคิดนะ จริงๆ มันขึ้นอยู่กับคนซื้อ ว่าเค้าพอใจกับราคาขายหรือป่าว ถ้าเค้ายอมจ่ายมันก็โอเค แต่แค่รู้สึกว่า ณ ปัจจุบันคนที่อยากได้รองเท้าคู่นั้นๆ จริงๆ ไม่มีโอกาสได้ในราคาถูก เพราะน่าจะโดน Reseller กวาดไปปั่นราคาหมด คงเป็นเพราะเงินนะ เลยทำให้ Reseller ยอมลงทุนมากกว่าความชอบของคนที่อยากได้ แต่เอาจริงๆ บางครั้งคู่ที่ผมอยากได้มากๆ แต่ซื้อไม่ทันหรือหาไม่ได้ ผมก็ยอมเจ็บจาก Reseller เหมือนกัน
MDs’ : ถ้าทุกวันนี้ไม่ได้สะสมรองเท้า Converse จะหันไปสะสมอะไรแทน
Prad : คงหันไปสะสมของเล่น Star Wars (หัวเราะ) คงเป็นพวกตุ๊กตา Figure ทั้งหลายของ Star Wars พวกหน้ากาก ชุด ดาบ Lightsaber ทั้งหลาย คงมาอยู่ในห้องนี้แทนรองเท้าแน่นอน ตอนนี้ก็มี Lightsaber อยู่ 3-4 อันละ (หัวเราะ)
MDs’ : เป้าหมายที่ยังคงสะสมรองเท้าอยู่คืออะไรครับ
Prad : เป้าหมายจริงๆ เลยคืออยากเปิดพิพิธภัณฑ์รองเท้า Converse ให้คนเข้าไปดูประวัติศาสตร์ของรองเท้า ไปเรียนรู้ว่าคู่นี้มีประวัติอย่างไร หน้าตาอย่างไร ให้คนรุ่นหลังๆ ได้เห็นโฉมหน้ารองเท้า Converse ที่ไม่น่าจะได้เห็นอีกแล้วบนโลกใบนี้ รวมถึงรองเท้าสภาพแบบนี้ปีนั้นๆ ยังมีอยู่ อยากเก็บให้ดีที่สุด เพื่อคนรุ่นหลังนะครับ
MDs’ : ถ้าให้เลือกรองเท้า 5 คู่ที่รักที่สุด มีคู่ไหนบ้างครับ
Prad : อันนี้ยากเกินไป (หัวเราะ) แต่ลองดู ก็คู่แรกอันดับ 5 น่าจะเป็น Chuck Taylor Collaboration with David Bowie รุ่น Frame 90 ซึ่งคู่นี้คือการร่วมงานกันระหว่าง Converse กับ David Bowie นักร้องที่พึ่งเสียชีวิตไปไม่นานมานี้ เป็นรุ่นที่หายากมาก ใน Internet เห็นแค่ไม่กี่รูป เป็นรุ่นที่ทำออกมา Promote อัลบัมของ David Bowie เมื่อปี 90
คู่ต่อไปน่าจะเป็น Converse Player LT เป็นรุ่น Reproduction ของรุ่น Converse Lou Brock 1969 เพราะเป็นรุ่นที่หายาก เคยเห็นอยู่คู่เดียวไม่ว่าจะ Google / Ebay หรือเว็ปรองเท้าทั้งหลาย คู่เดียวคู่สุดท้าย
คู่ต่อไปคือ Converse Chuck Taylor ปี 1950 ตอนช่วงกลางๆ ของปี 1950 เพราะว่ามันหายาก (อีกแล้ว) แล้วถือว่าเป็น True Vintage รุ่นหนึ่งของ Chuck Taylor ซึ่งปีนี้น่าจะเป็นรุ่นที่ Elvis หยิบมาใส่นะ
ต่อไปก็ Converse Gripper ปี 1950 รักเพราะมันหายากมากๆ เป็นรุ่นที่ถูกดัดแปลงมาจากรองเท้าทหาร เพื่อมาเป็นรองเท้าบาส ก็จะมีทรงและลวดลายเหมือนรองเท้าทหาร
คู่สุดท้ายคือ Converse Chuck Taylor ปี 1959 เป็นรุ่นที่น่าจะทำมาแค่ 3-4 ปี รุ่นนี้รู้กันดีในหมู่นักสะสมว่าหายากมาก ส่วนใหญ่คนจะเห็นสีขาว แต่คู่นี้เป็นสีดำซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย น่าจะมีคู่นี้คู่เดียวในประเทศไทย และน่าจะเหลือคู่นี้คู่เดียวเป็นคู่สุดท้ายในโลกที่อยู่ในสภาพนี้ จุดเด่นคือโลโก้ยางที่อยู่ตรงตาตุ่ม และป้าย 3 ดาวเฉียงด้านหลังตรงส้นเท้า
จบละครับกับบทสัมภาษณ์สุดยอด Coverse Collector รายหนึ่งในเมืองไทย และน่าจะเป็นคนเดียวในประเทศที่มี Converse Chuck Taylor ตั้งแต่ปี 1930 จนถึงปัจจุบัน ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ