พูดกันแบบซื่อๆ เลยครับว่า Editor อยากไปเมืองนี้เป็นการส่วนตัว เลยถือโอกาสมาเล่าประสบการณ์ให้ผู้อ่านทุกท่านให้ซึมซับบรรยากาศไปด้วยกัน และแน่นอนการไป “เมืองแห่งยีนส์” ในฐานะคนอยากไปเอง ย่อมไม่พลาดที่เก็บอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาฝากตามประสาคนรักยีนส์อีกคนเช่นกัน เรามาเริ่มต้นกันก่อนที่ทำเลที่ตั้งของเมือง Kojima เมืองนี้ห่างจากเมืองหลักอย่าง Okayama ออกไปประมาณ 20 นาทีเป็นเมืองตั้งติดกับทะเลเซโตะ (ทะเลที่ใช้ซักกางเกงยีนส์อย่าง Momotaro ในทุกรุ่นที่เป็น One-Wash นั่นเอง)
ภาพรวมของเมืองนี้หรอครับ “ไม่มีอะไรเลย” ไม่ต้องหวังจะมาเที่ยวทะเลหรืออะไรนะครับ เพราะ Kojima จาก สถานีรถไฟ JR Kojima จะเหมือนเมืองร้างๆ เล็กน้อย ไม่มีผู้คนเดินไปเดินมาเหมือนอย่างโอซาก้า ร้านค้าที่มีก็ เป็นร้านค้าท้องถิ่นที่เราไม่มีทางรู้จักมาก่อน และคงไม่วางแผนมาที่นี่เพื่อซื้อแน่นอน แต่เราไม่สนใจอยู่แล้วครับ เพราะจุดที่เราต้องการไปคือ Jeans Street แค่นั้น
รอบๆ ตัวทั้งหมด ตั้งแต่มาถึงสถานีรถไฟ Kojima Jeans Station จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับ “ยีนส์” เต็มไปหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้กดน้ำ ที่เขี่ยบุหรี่ ป้ายโฆษณาบนสถานีรถไฟ ยาวไปจนถึงมีกางเกงตัวยักษ์แขวนไว้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าตั้งใจโปรโมตให้ “ยีนส์” เป็นสินค้าเด่นประจำเมืองแบบเต็มที่ไม่มีกั๊กกันเลย
ที่นี่ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Kojima Blue” หรือ “เมืองสีน้ำเงิน” ตามสีย้อม Indigo นั่นเอง หลังจากเราลงจากสถานี เราก็เริ่มเดินเท้าไปยังสถานที่ที่เรียกว่า Jeans Street ซึ่งไม่ไกลมากจากสถานี ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ ถึงที่หมายที่เราตั้งใจมา สัญลักษณ์สำคัญคือ กางเกงตัวโตๆ และป้ายตัวใหญ่ๆ ที่ชี้เข้าไปในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง ตอนเราเดินๆ มาถึง ก็ยังงงๆ เพราะนึกว่าจะมีคนเยอะกว่านี้ แต่นี่มันไม่มีใครเลยจริงๆ ครับ
อย่างแรกเลยที่ต้องสะดุดคือรายละเอียดบนพื้นถนนครับ บนถนนญี่ปุ่นทุกที่จะมีการทาสีไว้เพื่อบ่งบอกพื้นที่การเดินเท้าบนถนน และที่นี่ก็ใส่รายละเอียดของริมแดงไว้บนพื้นถนนอย่างเห็นได้ชัด ริมแดงคือริมที่เป็นที่นิยมที่สุดในสมัย Levi’s และยังคงเป็นเอกลักษณ์ของยีนส์จนถึงปัจจุบัน เดินตามเส้นนี้เลยฮะ ไม่มีหลง แน่นอน เชื่อเรา และตั้งแต่หน้าถนนเราก็พบกับร้านขายกางเกงยีนส์แล้วครับ หนึ่งในนั้นคือร้าน “Kojima Genes”
เพียงแค่ไม่กี่ก้าวจากปากซอย ร้านกางเกงยีนส์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็มาเรียงรายให้เห็นไม่ขาดสายครับ แต่เราขอ หยุดเล่าประวัติเล็กน้อยว่า ที่นี่เมื่อ 40 ปีก่อน เคยเป็นเมือง Animation มาก่อน และถูกเรียกชื่อถนนว่า Ginza Street แต่หลังจากที่คนหนุ่มสาวย้ายเข้าสู่เมืองอย่างโอซาก้า โตเกียว ก็ทำให้เมืองนี้ร้างครับ จนกลุ่มผู้ผลิตยีน ส์มายืดเป็นฐานหลักในการผลิตยีนส์ จากเมืองที่ตายไปแล้วแต่ “ยีนส์” กลับชุบชีวิตเมืองนี้ด้วยการสร้างงานให้ กับคนในเมือง
ขอเริ่มต้นที่แรกอย่าง Kojima Genes ที่ผลิตกางเกงหลากหลายทรง และมีนำ้หนักให้เลือกตั้งแต่ 13 ออนซ์ ไป จนถึง 29 ออนซ์ ที่เรียกได้ว่า หนาและหยาบเป็นเอกลักษณ์แห่งหนึ่งในถนนเส้นนี้ เราเดินต่อไปครับ ก็มาพบกับอีก หนึ่งแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Pure Blue Japan ที่เอกลักษณ์คือเนื้อผ้าที่หยาบ และมีการใส่ด้ายยืนหลายหลาย สีสันเช่น ม่วง น้ำเงิน เป็นต้นในการผลิต
“ด้านบนเป็นตัวอย่าง Fade ของ PBJ ทรงขาม้าที่เคยเป็นที่นิยมสมัยก่อน”
เดินต่อมาอีกก็จะมาเจอกับอีกแบรนด์น้องใหม่ (ที่ไม่ใหม่ซะทีเดียว) คือ Kamikaze Attack ที่ได้รับให้ร่วม Collaborate กับหลากหลายแบรนด์เช่น Tate + Yoko หรือแม้กระทั่ง Naked and Famous ด้วยผ้านิ่ม Fade สวย ทำให้เป็นที่รู้จักของคนต่างชาติมากกว่าบ้านเรา ถ้ามีโอกาสลองก้าวเข้าไปครับ ในร้านจะรู้สึกเหมือนอยู่ บ้านคนที่รักยีนส์มากๆ คนหนึ่ง แถมเจ้าของแบรนด์คุณ Norihiko Kanazawa ยังนั่งอยู่ในนั้นให้เราได้พูดคุย อีกด้วย ถือว่าเป็นความโชคดีเล็กน้อยในทริปนี้
ต่อด้วยร้านที่ท้องถิ่นที่สุด (เพราะเราอ่านชื่อไม่ออก) แต่ร้านนี้รับตัดเย็บกางเกงยีนส์ One by one หรือ 1 ต่อ 1 นั่นเอง หมายถึงคุณต้องมาวัดขนาดตัว บอกความต้องการของยีนส์ที่คุณอยากได้ เช่น ช่วงน่องต้องการแบบ ไหน ช่วงเข่าแคบลงแค่ไหน ปลายขากว้างมั้ย เอวสูงแค่ไหน หรือจะเรียกว่าขายกางเกงยีนส์แบบ Tailor Made ก็ว่าได้ครับ เท่าที่ดู ร้านนี้มีลูกค้าสั่งตัดเยอะมากนะ ทุกคนดูยุ่งวุ่นวายมากในการตัดเย็บ และร้านเองก็มีพื้นที่สำหรับตัดเย็บเองด้วย เรียกได้ ว่า Hand Made กันจริงๆสดๆในร้านเลยทีเดียว
จบแล้วครับสำหรับ Part 1 ที่เราพาไปเที่ยวชมฝั่งใต้ของถนนเส้นนี้ ยังมีอีกนะครับ แต่ขออนุญาตไปต่อกันที่ Part 2 เพราะกลัวมันจะ ยาวเกินไป เนื่องจากยังมีรูปบรรยากาศและข้อมูลอีกเพียบมาเล่าให้ฟังกัน และแน่นอน Part 2 จะเดินไปยังฝั่งเหนือของถนนเส้นนี้บ้าง ซึ่งทางฝั่งเหนือจะเป็นที่ตั้งของบริษัทยีนส์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ นั่นก็คือ Japan Blue นี่เอง แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ