วันนี้เราได้รับเกียรติจากทาง Kojima Denim มาเยือนร้าน Japan Blue Jeans หนึ่งแบรนด์ภายใต้ร้าน Kojima Denim นั่นเอง ซึ่งถ้าพูดถึง Japan Blue Jeans คงไม่มีใครบอกได้ดีกว่าคุณ Hiroki Kishimoto, General Manager แห่ง Japan Blue Jeans ที่วันนี้ได้มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยตัวเองเลยทีเดียว
“ถ้าจะกล่าวถึง Japan Blue ต้องย้อนกลับไปกว่า 27 ปีที่แล้ว” คุณ Kishimoto กล่าว “เพราะเริ่มต้นด้วยการเป็นบริษัทผู้ผลิตผ้ายีนส์ส่งให้แก่แบรนด์ดังๆ ทั่วโลก โดยยึดหลักการว่า ต้องผลิตผ้าที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้” ฉะนั้นถ้าพูดถึง Japan Blue ก็จะมีเอกลักษณ์ด้านผ้าที่มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ผ้าผสม Zimbabwe x American Menphis หรือ Cote d’Ivorie เป็นต้น
สินค้าในไลน์การผลิตของแบรนด์จะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ทรง และมีความหลายหลายของผ้าเยอะมาก ตั้งแต่นิ่มไปจนแข็ง ทรงใหญ่ไปจนถึง Skinny เรียกได้ว่าครบทุกความต้องการในราคาที่น่าคบหามากทีเดียว “JBJ พยายามนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นทรงใหม่ที่ผมเองเป็นคนออกแบบอย่าง Indigo Man” คุณ Kishimoto กล่าวก่อนเพิ่มเติมว่า “นอกจากทรงที่หลากหลาย เรายังคัดสรรฝ้ายที่ดีที่สุดอย่าง Cote d’Ivorie มาผลิตเป็นยีนส์ที่นิ่ม ใส่สบายให้กับลูกค้าอีกด้วย”
ฝ้ายจาก Cote d’Ivoire คือฝ้ายที่ปลูกตามธรรมชาติ เก็บด้วยมือเท่านั้น ทำให้เส้นใยไม่ขาดมากเท่ากับการเก็บฝ้ายด้วยเครื่องจักร ด้วยเส้นในฝ้ายที่ยาวกว่าปกติ ชาวยุโรปจึงนิยมนำไปผลิตเป็นเสื้อผ้า แต่ทางแบรนด์ Japan Blue Jeans เลือกที่จะนำมาปั่น / ย้อม / ทอ / ตัดเย็บเป็นกางเกงยีนส์ในแบบของ Japan Blue นั่นเอง ทำให้ได้กางเกงยีนส์ที่นิ่มมากตัวหนึ่ง และมีเอกลักษณ์การ Fade ที่สวยงาม
สิ่งที่ทำให้ Japan Blue Jeans มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ชัดเจนก็คือความใส่ใจด้านการผลิตผ้ายีนส์ตั้งแต่ 14.8oz ไปจนถึง 18oz ที่เลือกผ้าฝ้ายในการผสมอย่างลงตัว หรือแม้กระทั้งการผลิตผ้าให้กับแบรนด์อย่าง Momotaro ที่เน้นความหนาผ้าที่ 15.7oz เป็นต้น (ซึ่งความหนาที่วัดกันเป็นจุดทศนิยมนี่แหละครับคือความใส่ใจ) รวมถึงทรงที่หลากหลาย มีให้เลือกมากมาย และถูกผลิตด้วยกลุ่มคนที่รักยีนส์ตัวจริงอย่างเช่นคุณ Hiroki Kishimoto
“ยีนส์คือความหลงไหลของผมมาตั้งแต่วัยรุ่น หลังจากที่เริ่มรู้จักกางเกงยีนส์ Levi’s เป้าหมายของผมก็เริ่มชัดเจน นั่นก็คือการได้ทำงานในบริษัทผู้ผลิตกางเกงยีนส์” Kishimoto กล่าว “เพราะกางเกงยีนส์มันเรื่องราวของคนใส่อยู่ในนั้น มันเหมือนหน้าประวัติศาสตร์ กับความหลงไหลที่ไม่เสื่อมคลาย”