Omegawatches.com
1. หาขนาดของนาฬิกาข้อมือที่เหมาะกับตัวเอง
แต่ละคนมีขนาดของข้อมือไม่เท่ากัน ดังนั้นแต่ละคนก็มีขนาดของนาฬิกาข้อมือที่เหมาะกับตัวเองแตกต่างกันออกไป นาฬิกาที่ขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้ดูเหมือนเรากำลังตัวควบคุมหรือของเล่นอะไรบางอย่าง แต่ถ้าเล็กเกินไปก็จะกลายเป็นเหมือนกำไลข้อมือไปซะแทน ขนาดของตัวเรือนที่พอเหมาะกับข้อมือดูได้จากการที่ตัวเรือนอยู่บนข้อมือของเราได้สบายๆโดยที่ยังมีพื้นที่เหลือให้เห็นส่วนเริ่มต้นของสายนาฬิกาบนข้อมือของเราด้วย นาฬิกาข้อมือของผู้ชายส่วนใหญ่จะมีขนาดตัวเรือนตั้งแต่ 34 มม. ไปถีง 50 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่ครอบคลุมขนาดข้อมือของผู้ชายส่วนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นก่อนจะซื้อนาฬิกาข้อมือ ควรเทียบดูให้ดีเสียก่อนว่าขนาดเท่าไหร่จึงจะพอดีกับข้อมือของเรา
2. รูปลักษณ์และสีของนาฬิกา
ถัดจากขนาดก็มาถึงลักษณะของนาฬิกา หากคุณตั้งใจจะซื้อนาฬิกาแค่เพียง 1-2 เรือน เพื่อจะใส่ได้ในทุกโอกาส ขอแนะนำให้เลือกนาฬิกาที่มีโทนสีและรูปร่างหน้าตาที่เรียบง่าย เพราะนาฬิกาที่สุภาพสำหรับงานที่เป็นทางการก็คือนาฬิกาที่มีรูปร่างหน้าตาเรียบง่าย ไม่มีฟังค์ชั่นการใช้งานอะไรซับซ้อน มีเพียงการบอกเวลาเท่านั้นก็เพียงพอ และจะใช้สายหนังแท้เป็นส่วนใหญ่ ตัวเรือนที่เป็นสีทองทำให้นาฬิกาดูหรูหราฟู่ฟ่ามากขึ้น แต่ถ้าไม่อยากให้นาฬิกาดูวิบวับโดดเด่นเกินไป อาจเปลี่ยนไปใช้สีเงิน หรือสี Rose Gold ก็ดูดีเช่นกัน ควรหลีกเลี่ยงการซื้อนาฬิกาที่มีสีสันแสบตา และมีลูกเล่นหรือปุ่มกดมากมาย
3. สายนาฬิกามีหลากหลายแบบ
สายนาฬิกามีให้เลือกหลายวัสดุและหลายรูปแบบ สายนาฬิกาแบบนาโต้ (Nato strap) ที่กำลังได้รับความนิยมนั้น ถือเป็นสายนาฬิกาที่มีความเป็นทางการน้อย แต่สายนาโต้จะมีวัสดุและสีสันให้เลือกมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสายไนล่อน หรือสายหนังนิ่มๆ เราสามารถใช้สายนาโต้ในการทำให้นาฬิกาที่ดูเรียบๆนั้นดูมีสีสันและลูกเล่นมากขึ้นได้ อย่างเช่นนาฬิกา Timex รุ่น “Weekender” ที่ใช้สายนาโต้ทำให้นาฬิการูปร่างหน้าตาธรรมดาๆดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ทันที
หากชอบความคลาสสิค ให้มองไปยังสายนาฬิกาที่ทำจากหนังแท้สีดำหรือสีน้ำตาล สายหนังแท้มีเสน่ห์ตรงที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน และสายหนังแท้เมื่อใช้ไปนานๆจะค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองตามการใช้งานของแต่ละคนได้อีกด้วย เป็นเสน่ห์ที่สายหนังเทียมไม่มีทางทำได้แน่นอน สายหนังแท้สร้างความเป็นทางการให้กับนาฬิกาได้เป็นอย่างดี แต่มีข้อเสียตรงที่ถ้าใครเหงื่อออกเยอะ อาจทำให้สายหนังมีกลิ่นเหม็นอับเกิดขึ้นได้
สำหรับสายนาฬิกาที่ทำจากโลหะ ถือเป็นสายนาฬิกาที่มีน้ำหนักมากที่สุด นาฬิกาแบรนด์ดังอย่าง Rolex ก็มักจะให้สายโลหะมาเป็นมาตรฐาน สายโลหะมีข้อดีตรงที่ทนทาน ไม่มีการฉีกขาดง่ายๆ แต่ข้อเสียก็มีตรงที่มันหนักนี่แหละ ถ้าอยากได้นาฬิกาที่ใส่ได้เรื่อยๆ ถอดเข้าถอดออกได้โดยไม่ต้องคอยระวังว่ามันจะฉีกขาด แนะนำหาสายโลหะมาใส่ได้เลยครับ
hypebeast.com
4. ระบบกลไกการเดินเข็มนาฬิกา
ในปัจจุบัน นาฬิกาข้อมือแบบอนาล็อกจะมีกลไกการเดินหลักๆอยู่สองแบบ ได้แก่ แบบคว้อทส์ (Quartz) ซึ่งจะต้องใช้ถ่านหรือแบตเตอรี่ในการเดิน กับแบบขึ้นลานอัตโนมัติ (Automatic) ที่ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ แต่นาฬิกาจะขึ้นลานเพื่อเดินบอกเวลาเองเมื่อมีการสวมใส่หรือมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ถ้าปล่อยทิ้งไว้นิ่งๆนานๆ นาฬิกาแบบขึ้นลานอัตโนมัติก็จะหยุดเดิน นาฬิกาแบบคว้อทส์จะมีกลไกที่เรียบง่ายกว่า และราคาสบายกระเป๋ามากกว่าแบบขึ้นลานอัตโนมัติ ดังนั้นถ้าคุณต้องการนาฬิกาเพียงแค่บอกเวลาธรรมดาๆ ไม่ได้จะเอาแบบแพงเว่อร์อะไร จะซื้อแค่แบบคว้อทส์ไว้ใช้ก็ได้ ส่วนนาฬิกายี่ห้อแพงๆ ระดับหรูๆนั้น มักจะออกแบบมาเป็นระบบ Automatic เพื่อขายความซับซ้อนและการเดินเวลาที่แม่นยำเที่ยงตรงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และแน่นอนราคามันก็จะแพงขึ้น
อีกเรื่องหนึ่งที่ควรจะให้ความใส่ใจก็คือ “ความดังของเสียงเข็มนาฬิกา” โดยเฉพาะเข็มวินาทีที่เราควรจะให้ความสนใจสักนิดว่ามันไม่ควรจะเดินเสียงดังเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วอาจเกิดปัญหานอนไม่หลับเพราะไอ้เจ้าเสียงเข็มนาฬิกามันเดินดังติ๊กๆรบกวนตลอดคืนก็เป็นได้ ลองมองหานาฬิกาที่เป็น “Swiss movements” หรือ “Japanese movements” ที่จะมีเสียงการเดินที่เบาลงก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้ครับ
raredelights.com
5. ราคา
สุดท้ายก็ต้องมาจบที่งบประมาณในการซื้อหานาฬิกามาใส่ ราคาของนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชายที่มีคุณภาพเชื่อถือได้นั้นมีหลากหลายมาก ไล่ไปตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงบางเรือนที่อาจจะมีราคาเท่ากับบ้านทั้งหลังได้เลย ถ้าเรามองหานาฬิกาดีๆมีคุณภาพมีแบรนด์ที่น่าเชื่อถือได้ที่มีราคาไม่แพง ลองแวะไปดูแบรนด์อย่าง Timex, Swatch หรือ Seiko ก็เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว
หากเขยิบราคาขึ้นมาอีกสักหน่อยลองดูแบรนด์อย่าง Komono รุ่น Winston Regal ที่ใช้ระบบ Quartz และมีสายหนัง ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เรียบง่ายแต่มีดีไซน์ที่สวยงามก็ดูเป็นตัวเลือกที่ดีในราคาที่จับต้องได้
เขยิบอีกนิดเป็นหลักหมื่นบาท นึกอะไรไม่ออกลองไปดูแบรนด์อย่าง Hamilton ที่เป็นแบรนด์ของสหรัฐอเมริกาก็จริงอยู่ แต่ตัวนาฬิกาเป็นมาตรฐาน Swiss Movements และมีนาฬิการะบบ Automatic ที่ราคาไม่ทำให้คุณต้องร้องโวยวายว่าทำไมแพงจัง
แต่ถ้ามีงบประมาณไปจนถึงหลักแสนหรือหลักล้านล่ะก็ MenDetails แนะนำให้คุณเดินเข้า shop ของ Rolex, Panerai หรือ Patek Philipe แล้วก็ไปเลือกกันตามสะดวกนะครับ