หากคุณคลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ MenDetails เชื่อว่าคุณคือผู้ชายอีกคนหนึ่งที่สนใจในการพัฒนาบุคลิกภาพและการเแต่งกายของตัวเองให้ดูดี, ถูกต้อง และเหมาะสม และต้องการคำแนะนำที่ดีเพื่อนำไปพัฒนาตนเองในแง่มุมเหล่านั้น MenDetails จึงพยายามที่จะรวบรวมพื้นฐานต่างๆของการแต่งกายที่ดีของผู้ชายที่เราได้อ่านและศึกษามา ทั้งจากสื่อ Offline และ Online ทั้งในและต่างประเทศ มารวบรวมและสื่อสารให้เข้ากับบริบทของคนไทย หลายครั้งที่เราได้ feedback จากแฟนๆของเวบไซต์ว่าอยากให้เราเริ่มต้นแนะนำตั้งแต่หลักการเบื้องต้นที่สุดเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้ MenDetails จึงขอทำเป็น Series ที่มีชื่อว่า “#Basics” เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาสไตล์ที่เป็นตัวเองของผู้ชายทุกคนครับ
photo : Asos.com
#Basics บทแรกสุดที่เราขออนุญาตหยิบนำมาแนะนำให้เพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดนั่นก็คือคำว่า “Fit is King” แปลตรงตัวว่า “ความพอดีตัวคือราชา” ความหมายจริงๆก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบบไหน จะถูกหรือจะแพงขนาดไหนก็ตาม ที่สำคัญที่สุดคือ “ความพอดีตัว” กับรูปร่างของเรา หากเสื้อผ้ามันไม่พอดีโดยมีขนาดเล็กไป หรือว่าใหญ่ไป ต่อให้ของชิ้นนั้นจะมีราคาแพงแค่ไหนแต่ใส่ยังไงก็ดูไม่ดีครับ
MenDetails ขอยกตัวอย่างชุดที่เป็นอมตะสำหรับผู้ชายไทยที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ “เสื้อยืด+ กางเกงยีนส์” คำว่าเสื้อยืดกางเกงยีนส์คือคำเรียกที่ติดปาก แต่ทว่าหากให้ผู้ชาย 10 คนใส่ชุด “เสื้อยืด+กางเกงยีนส์” มายืนเรียงกัน รับรองได้ว่าเราจะเห็นความแตกต่างและความดูดีที่ไม่เท่ากันอันเนื่องมาจากปัจจัยหลายอย่าง แต่ปัจจัยที่เราจะเห็นชัดที่สุดก็คือ ขนาดของเสื้อกับกางเกงที่เราจะมองออกได้ทันทีว่าคนไหนใส่แบบ “พอดีตัว” กับคนไหนที่ใส่เสื้อผ้าที่เล็กเกินไป หรือว่าใหญ่เกินไป
คนที่ใส่เสื้อผ้าเล็กเกินไป อะไรๆก็จะดูรัดติ้วไปหมด หากเป็นผู้ชายรูปร่างผอม การใส่เสื้อตัวเล็กๆรัดๆจะยิ่งทำให้คุณดูแคระแกร็นลงไปอีก หากเป็นผู้ชายรูปร่างอ้วน เสื้อตัวเล็กๆก็จะรัดคุณให้ดูเหมือนแหนมป้าย่นทันที กลับกันการใส่เสื้อตัวใหญ่เกินไปจนหลวมโคร่งก็จะทำให้คนที่เดินผ่านไปมารู้สึกสงสัยว่า “นี่ขโมยเสื้อพ่อมาใส่รึไง?”
จะรู้ได้อย่างไรว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่มีขนาด “พอดีตัว”
เสื้อผ้าแต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค กางเกงยีนส์ ฯลฯ ย่อมมีคำอธิบายและจุดสังเกตถึงความพอดีที่ไม่เหมือนกัน หากให้บอกทุกอย่างคงจะทำให้บทความนี้ยาวเกินไป เราจึงอยากจะขอสรุปให้เห็นลักษณะโดยรวมแบบพื้นฐานที่สุดดังนี้ครับ
1. เสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีจะ “เข้ารูป” แต่ไม่รัดติดกับตัว
คำว่าเข้ารูปของเราก็คือ ขนาดของเสื้อผ้าจะวาดไปตาม Body line หรือเส้นของร่างกายเราแบบพอดีๆ แต่จะไม่รัดตัวเราจนคับ เช่น เสื้อยืด หรือ เสื้อเชิ้ตที่พอดีตัว ไหล่จะไม่ตก และจุดตัดของแขนเสื้อจะอยู่ตรงมุมหัวไหล่ของเราพอดี แขนเสื้อจะลู่ไปตามขนาดของแขนของเรา ไม่บานออกมากเกินไป และกลับกันก็จะไม่รัดกับแขนของเรามากเกินไป หากเป็นกางเกง ไม่ว่าจะเป็น Dress Pants หรือ สแล็ค หรือกางเกงยีนส์ที่พอดีตัว จะไม่ใช่กางเกงทรงเดฟที่คุณต้องใช้เวลา 10 นาทีในการใส่เข้าหรือถอดออก ในทางกลับกันก็ไม่ใช่ทรงที่ใหญ่จะเหมือนคุณใส่กระสอบมาเดิน กางเกงที่พอดีจะมีขนาดความกว้างของขากางเกงที่ลู่ไปตามรูปร่างของช่วงขา แต่จะไม่รัดแนบแน่นกับขาของเราครับ
แน่นอนย่อมมีหลายคนเถียงอยู่ในใจว่า บ่อยครั้งที่แฟชั่นจะนำเสื้อผ้าที่เล็ก หรือใหญ่กว่าปกติมาเป็นเทรนด์ในการแต่งกาย แต่แฟชั่นก็คือแฟชั่น มันมักจะมาเพียงชั่วคราวแล้วก็จากไป แต่สิ่งที่ยั่งยืนกว่าคือ “Style” นะครับ
photo : Asos.com
photo : Asos.com
photo : Asos.com
2. เสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีจะมี “ความยาว” ที่เหมาะสม
ความยาวของเสื้อและกางเกงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะตัดสินได้ทันทีว่าเสื้อผ้าของเรามีขนาดที่พอดีหรือไม่ ความยาวของแขนเสื้อยืดแขนสั้นควรอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งระหว่างหัวไหล่ถึงข้อศอกของคุณ หากเป็นแขนยาว ความยาวของปลายแขนควรจะอยู่เลยข้อพับของข้อมือมาประมาณไม่เกิน 1 นิ้วเป็นต้น ส่วนขากางเกง หากเป็นกางเกง Dress Pants หรือกางเกงสแล็ค ความยาวของปลายขาควรจะแตะเพียงแค่ระดับตาตุ่ม หรือเลยตาตุ่มของเราไปไม่เกิน 1 นิ้วเท่านั้น เพื่อไม่ให้มันไปกองอยู่ทีรองเท้าของเรา แต่หากเป็นกางเกงยีนส์สามารถยาวจนเกือบถึงข้อเท้าได้ (วัดเมื่อเวลาไม่ได้ใส่รองเท้า) ที่ความยาวระดับนี้จะทำให้กางเกงยีนส์มีรอยพับหรือ ‘Breaks’ เมื่อใส่รองเท้า และหากต้องการให้ขาสั้นขึ้น คุณก็สามารถ พับขากางเกงยีนส์ ได้ครับ
photo : Asos.com
photo : Asos.com
photo : Asos.com
ทั้งสองข้อคือตัวอย่างของ “ขนาดที่พอดี” ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายคนไหนก็ตามที่เริ่มที่จะให้ความสนใจกับรายละเอียดการแต่งกายให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่านี่คือพื้นฐานขั้นแรกสุดเท่านั้น เพราะยังมีเครื่องแต่งกายของผู้ชายอีกหลายประเภทที่ต้องมีวิธีการสังเกต “ขนาดที่พอดี” ที่แตกต่างออกไปอีกมากมายครับ
ข้ออ้างหนึ่งที่ MenDetails มักจะได้รับอยู่เสมอก็คือ “ถ้าเราหน้าตาไม่หล่อ หุ่นไม่ดี ต่อให้แต่งตัวยังไงมันก็ดูดีไม่ได้หรอก แต่หากคุณหล่อ และหุ่นดี จะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ดูดีทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นจะแต่งตัวยังไงก็แต่งตามใจไปเถอะ” MenDetails มองว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคนที่หน้าตาไม่ดี หุ่นไม่ดี ยิ่งจำเป็นที่จะต้องศึกษาการดูแลตัวเองและพัฒนาการแต่งกายให้ดีขึ้น ความคิดที่ว่าจะแต่งอย่างไรตามใจก็ได้นั้น กลับจะทำให้ไม่เกิดการพัฒนาอะไรทั้งสิ้น
อย่างน้อย MenDetails ก็เชื่อว่าคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ย่อมมีความรู้สึก “ต้องการที่จะพัฒนาตัวเอง” และเราก็จะขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำ Series #Basics อันนี้มาฝากคุณเรื่อยๆเพื่อใช้ในการพัฒนาบุคลิกภาพของเราไปพร้อมๆกันนะครับ