ถ้าพูดถึง Nike นวัตกรรมที่เจ๋งสุดๆ ตัวหนึ่งคงหนีไม่พ้น Air-Sole ที่นำเข้ามาประกอบใส่เข้าไปในตัวรองเท้า ซึ่งบิดาของคำว่า Air Max ก็หนีไม่พ้นบุคคลที่ชื่อว่า Tinker Hatfield ที่ได้ออกแบบรองเท้ารุ่นนี้และโด่งดังเป็นพลุแตกในปี ’90 ซึ่งเป็นที่มาของสี Infrared ที่เป็นสี Original และคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการฉลองวัน Air Max Day ด้วยการเอารุ่นที่ดังที่สุดของ Air Max มาผลิตใหม่และบวกเทคโนโลยีอย่าง Flyknit เข้ามาเพิ่ม จนได้เป็นหนึ่งในรุ่น HTM ซึ่งตั้งตามตัวอักษรแรกของนักออกแบบทั้ง 3 ท่าน โดยรุ่นนี้คือรุ่น T (Tinker Hatfield)
ลักษณะทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่น Air Max 90 มากนัก ที่เปลี่ยนไปคงเป็นสีของตัวรองเท้าและวัสดุที่ใช้ผลิต ที่ถูกพัฒนามากขึ้นจากรุ่น Original โดยสีจะเลือกใช้ทั้งหมด 3 สีคือ แดงเข้ม / น้ำเงินเข้ม / และสีดำ บวกกับ Air-Sole และ Mid-Sole สีขาว ทีเด็ดของคู่นี้คงหนีไม่พ้นเจ้า Flyknit (น่าจะได้แรงบันดาลใจจาก Nike Free Mercurial Superfly) ซึ่งทำออกมาได้ดีมากทีเดียว
วัสดุที่เปลี่ยนเช่นบริเวณที่เป็นสีแดง จะเปลี่ยนจากหนังในรุ่น Original มาเป็นแผ่นพลาสติกเคลือบบางๆ แต่ยังคงใช้หนังใส่การเย็บขอบด้านล่างอยู่เช่นเดิม ป้ายยางก็ยังคงใช้ลักษณะเดิม แต่ตัว Mide-Sole มีการเปลี่ยนเพื่อให้ตัวรองเท้าเบาขึ้น จึงใช้ EVA เกือบทั้งหมดและเซาะร่องเพื่อลดน้ำหนัก
บริเวณตัวดึงผ้า Flyknit ก็จะใช้หนังสีดำเย็บติดเป็นห่วงเพื่อให้การส่วมใส่สะดวกมากขึ้น ต้องยอมรับครับว่าการเปลี่ยนวัสดุแบบนี้ ทำให้ใส่สบายและเบามากขึ้นจริงๆ แต่ที่ตามมาติดๆ ก็คงหนีไม่พ้นการใส่ที่ยากขึ้นโดยเฉพาะตอนยัดเท้าเข้าไปในตัวรองเท้าครั้งแรก ถือว่ายากเย็นใช้ได้เลยทีเดียว ซึ่งถ้าเลือกไซด์พอดีกับเท้า อาจทำให้อึดอัดเล็กน้อยในช่วงแรก แต่รับประกันได้ครับว่าสบายชัวร์ๆ ในระยะยาว
ตอนนี้ใครอยากจะหาซื้อ คงต้องรอมือสองบน Ebay หรือคนไทยด้วยกันเองนี่แหละที่จะปล่อยมือสอง ถ้าใครอยากได้ รีบซื้อเก็บเลยนะครับ เพราะราคาน่าจะขึ้นแน่ๆ ส่วน MDs’ ขอฝันไปก่อนละกัน
Credit Shoes Owner : Prad Modpradit