แม้คนไทยจะไม่มีโอกาสได้ใส่สูทกันบ่อยนัก แต่เมื่อถึงเวลาที่ผู้ชายไทยต้องสวมใส่ชุดสูทตามโอกาสพิเศษ เราก็ควรจะ ใส่สูทให้ดูดี และถูกต้องตามธรรมเนียมสากล เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าของงานและให้เกียรติสถานที่ รวมถึงเพื่อบุคลิกภาพที่ดีของเราเองที่จะทำให้ผู้อื่นมองด้วยความชื่นชม และนี่คือกฎ 7 ข้อที่ MenDetails ขอแนะนำให้ผู้ชายที่ต้องการพัฒนาการใส่สูทของตัวเองให้ดูดีนั้นปฏิบัติตาม เพื่อให้คุณใส่สูทได้สวยขึ้น ดูดีขึ้น และมั่นใจยิ่งขึ้นครับ
1. Always Slim-Fit
-สูทที่เข้ารูปในแบบ Slim-fit จะทำให้การใส่สูทของคุณดูดีขึ้นได้ทันที-
ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างที่ ‘อ้วนล่ำ’ หรือ ‘ผอมแห้ง’ ขนาดไหน แต่การใส่สูทควรจะใส่ให้พอดีตัวแบบ Slim fit จึงจะดีที่สุดครับ แต่พึงระวังว่าอย่าสับสนระหว่างคำว่า Slim fit กับ Skinny fit นะครับ เพราะ Skinny นั้นคือการตัดสูทแบบ ‘รัดรูป’ แต่ Slim fit คือการตัดสูทด้วยทรงที่ ‘เข้ารูป’ ชุดสูทจะแนบกับตัวเราแบบกำลังดี ไม่หลวมโคร่ง หรือรัดตัวเรามากเกินไป ทรงสูทแบบ Slim fit จะสร้างรูปแบบ V-Shape ที่จะทำให้กับคนที่มีรูปร่างอ้วนนั้นดูผอมเพรียวขึ้นได้ ซึ่งต่างจากความเชื่อเดิมที่ว่าสูท Slim fit ไม่เหมาะกับคนอ้วน ขณะเดียวกันเนื้อผ้าของสูทที่หนาพอสมควรอยู่แล้ว และการเสริมไหล่ของเสื้อสูทย่อมทำให้ผู้ชายที่มีรูปร่างผอมนั้นดูสมส่วนมากขึ้น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบใดก็ตาม อย่าได้กลัวที่จะใส่สูทแบบ Slim fit ครับ เพราะเป็นทรงสูทที่จะทำให้คุณดูดีได้มากที่สุดนั่นเอง
-พิธีกรชื่อดังอย่าง James Corden แม้มีหุ้นที่เจ้าเนื้อ แต่ก็ดูดีได้ด้วยสูทแบบ Slim fit-
2. ไม่กลัดกระดุมเม็ดที่อยู่ล่างสุดของเสื้อสูท
–การกลัดกระดุมเม็ดล่างแบบรูปซ้ายจะทำให้ลำตัวดู ‘ตัน’ มากกว่าความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่กลัด-
MenDetails เคยกล่าวถึงเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ยังอยากจะขอย้ำไว้ตรงนี้อีกครั้งว่า สูทที่มีขนาดที่ฟิตพอดีตัวเรานั้นจะมีรูปทรงที่เข้ารูปเล็กน้อย ซึ่งทำให้ไม่เหมาะที่จะกลัดกระดุมเม็ดล่างสุด เพราะจะทำให้เสื้อสูทนั้น ‘รัดตึง’ เข้ากับตัวเราเกินไป (มีข้อยกเว้นหากเสื้อสูทของคุณเป็นแบบ กระดุมสองแถว หรือ Double-Breasted Suit ซึ่งคุณจะสามารถเลือกที่จะไม่กลัดกระดุมเม็ดล่างสุด หรือจะกลัดให้ครบทุกเม็ดก็ได้โดยไม่ทำให้ดูรัดกับช่วงลำตัวมากเกินไปถ้าสูทตัวนั้นเข้ารูปกำลังดี) หากผู้ชายคนไหนนึกเถียงในใจว่า “ไม่เห็นจะจริงเลย สูทผมกลัดกระดุมได้ทุกเม็ดโดยที่ผมไม่รู้สึกว่ามันรัดเกินไปตรงไหน” นั่นอาจแปลได้ว่า คุณกำลังใส่สูทที่ ‘หลวม’ เกินไปครับ เพราะฉะนั้น ใส่สูทที่เข้ารูปพอดีตัวกับเราเสมอ และไม่กลัดกระดุมเม็ดล่างสุดของเสื้อสูทนะครับ
-David Beckham กับเสื้อสูทแบบสองกระดุมที่ตัวเขาไม่กลัดกระดุมเม็ดล่างสุด-
3. ปลดกระดุมสูททุกครั้งที่นั่ง และกลัดทุกครั้งที่ยืนขึ้น
-เมื่อใดก็ตามที่นั่งลง ควรปลดกระดุมสูทออกทุกครั้ง-
กระดุมสูทแบบ Single Breasted จะเรียงกันตรงกลางเป็นแถวเดียว หากคุณกลัดกระดุมสูทแล้วฝืนตัวนั่งลง ตัวเสื้อสูทจะรั้งออกไปด้านข้างจนทำให้เสื้อสูทยับและอาจทำให้กระดุมและรังดุมของสูทเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นเราควรจะปลดกระดุมสูทให้หมดทุกครั้งที่นั่งลง และเมื่อใดก็ตามที่ยืนขึ้นก็ควรกลัดกระดุมสูทใหม่ทุกครั้งเช่นกัน เพราะการปลดกระดุมเสื้อสูทออกขณะยืนนั้นจะทำให้เราดูตัวใหญ่ขึ้นมากกว่าความเป็นจริงทันที และดูไม่ดีเท่าการใส่สูทที่กลัดกระดุมเรียบร้อยขณะที่เรายืนครับ อย่างไรก็ตาม มีข้อแม้ในเรื่องนี้ว่า ถ้าหากเราใส่สูทแบบ Double-breasted เราสามารถเลือกที่จะปลดกระดุมหรือไม่ปลดก็ได้ เพราะทรงของสูทแบบ Double-breasted จะไม่ทำให้เสื้อสูทรั้งออกด้านข้างเวลาที่เรานั่งเหมือนสูทแบบ Single-breasted ครับ
-Donald Trump (ซ้าย) ลืมปลดกระดุมเสื้อสูทออก ทำให้เสื้อสูทรั้งออกไปทางด้านข้างจนเสื้อยับเป็นรอย-
4. ปลายแขนเสื้อเชิ้ตควรโผล่พ้นปลายแขนเสื้อสูทออกมาประมาณครึ่งนิ้ว
นี่คือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่มีผลกระทบสำคัญมากกับการใส่สูทของผู้ชายทุกคน แขนเสื้อสูทที่ยาวเกินไปจะทำให้สูทของคุณดูตัวใหญ่กว่าปกติได้ทันที แขนเสื้อสูทควรจะยาวเพียงจรดเส้นข้อมือของเราเท่านั้น และควรจะให้แขนของเสื้อเชิ้ตด้านในยาวโผล่พ้นแขนเสื้อสูทออกมาประมาณ ‘ครึ่งนิ้ว’ เมื่อเราทิ้งแขนลงข้างลำตัว ผู้ชายที่ใส่สูทที่มีแขนเสื้อสูทที่ยาวเกินไปจนปิดแขนเสื้อเชิ้ตด้านในจนมิดนั้น สูทของเขาจะดู ‘ใหญ่’ กว่าอีกคนที่ใส่สูทที่แขนสูทยาวกำลังดีและเห็นปลายแขนเสื้อเชิ้ตด้านในโผล่พ้นออกมา ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบความยาวของแขนเสื้อสูททุกครั้งที่ใส่สูทนะครับ
-ฝั่งซ้ายคือแขนเสื้อสูทที่ยาวกำลังดี กับฝั่งขวาที่แขนเสื้อสูทยาวเกินไป-
5. ปลายขากางเกงยาวปิดตาตุ่มแบบพอดีๆ
-ขากางเกงที่ยาวปิดประมาณตาตุ่มพอดี เมื่อสวมรองเท้าแล้วจะไม่ทำให้ขากางเกงทับกันเป็นชั้น-
อีกจุดหนึ่งที่ผู้ชายไทยละเลยกันมาตลอดนั่นคือ ‘ความยาวของขากางเกง’ ที่เรามักจะใส่กางเกงที่มีปลายขายาวเกินไป จนกระทั่งเนื้อผ้าของปลายขากางเกงนั้นพับทบกองกันเป็นชั้นๆอยู่บนรองเท้าหนัง สิ่งนี้ทำให้ภาพรวมของการใส่สูทดูดีน้อยลงไปอย่างน่าเสียดาย หลักการง่ายๆที่ MenDetails อยากแนะนำก็คือ การกะความยาวให้ขากางเกงยาวปิดตาตุ่มพอดีๆเท่านั้นก็พอ การกะความยาวแบบนี้จะทำให้เมื่อเราใส่กางเกงและสวมรองเท้าหนังแล้ว ปลายขากางเกงของเราจะไปแตะคลุมอยู่ตรงส่วนบนของรองเท้าเราเล็กน้อย ทำให้เกิดเป็น Half Break หรือ Quarter Break ซึ่งแน่นอนว่าดูดีกว่าปล่อยให้ขากางเกงยาวเกินไปจนกองบนรองเท้าเป็นชั้นๆแน่นอนครับ ส่วนใครที่อยากจะให้ขาเต่อยิ่งกว่านั้นจนเป็น No Break ก็สามารถทำได้ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบและความมั่นใจของแต่ละบุคคลครับ อย่างไรก็ตามไม่ควรจะให้ขากางเกงสั้นเกินไปนะครับ
– ตัวอย่างของขากางเกงที่ยาวเกินไปจนทับกันเป็นชั้นๆและกองอยู่บนรองเท้า –
6. ใส่สิ่งของในกระเป๋าเสื้อและกางเกงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
– ปรับขนาดของสิ่งของที่เราพกติดตัวให้เล็กลง เพื่อการใส่สูทที่ดูดียิ่งขึ้น –
ของใช้ส่วนตัวของผู้ชายเรานั้นความจริงก็มีไม่เยอะมากมายอะไรนัก แต่ถ้าวันไหนที่คุณใส่สูท เราขอแนะนำให้ลดให้น้อยลงไปกว่าเดิมอีกครับ นั่นเพราะกางเกง dress pants ที่เราใส่คู่กับสูทนั้น มักจะทำจากเนื้อผ้าที่นิ่มและทิ้งตัวได้ดีอย่างผ้าวูล ทำให้สิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงของเรานั้นเห็นได้เด่นชัดมากขึ้นกว่าเดิม การลดจำนวนสิ่งของที่ใส่ในกระเป๋าลงจะทำให้การใส่สูทของเราดูแล้ว ‘Slim’ และดูดีมากยิ่งขึ้นครับ เช่น กระเป๋าสตางค์ที่เคยต้องพกติดตัวเสมอก็เอาออกไปก่อนชั่วคราว แล้วหันไปใช้เป็นคลิบหนีบธนบัตรหรือซองใส่นามบัตรบางๆที่มีบัตรและเงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้นแทน โทรศัพท์มือถือสามารถพกได้ แต่ควรย้ายไปเสียบไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังแทน เพื่อไม่ให้มันมาห้อยตุงอยู่ที่กระเป๋าด้านหน้าให้เห็นได้เด่นชัดครับ ส่วนกุญแจรถก็ให้ถอดเอาเฉพาะตัวกุญแจที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ต้องพกมาทั้งพวงพร้อมกุญแจล็อกโน่นนี่ด้วยหรอกนะครับ
7. รองเท้าหนังควรเป็นทรงคลาสสิค, มีสีที่เหมาะสม และ ‘เงางาม’ เสมอ
รองเท้าหนังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ชายไทยมักมองข้าม และเลือกใส่แบบ ‘ตามใจชอบ’ แต่ถ้าหากเราอยากจะพัฒนาการใส่สูทให้ดูดีไปอีกขั้น ผู้ชายเราควรจะหาความรู้เรื่องทรงของรองเท้าเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถลองคลิกไปดูทรงรองเท้าคลาสสิคที่ MenDetails เคยรวบรวมมาแนะนำไว้ในบทความก่อนหน้านี้ได้ครับ เมื่อได้ทรงคลาสสิคที่เหมาะสมแล้วการเลือก ‘สีของรองเท้า’ ให้เข้ากับสีของชุดสูทนั้นก็สำคัญมากๆเช่นกันครับ ซึ่งสีของรองเท้าที่เป็นขั้นพื้นฐานที่ผู้ชายทุกคนควรจับคู่ให้เป็นนั่นก็คือ สีดำ และ สีน้ำตาล ครับ
สูทและกางเกงสีดำ เราควรจะใส่รองเท้าสีดำจึงจะเข้ากัน และควรหลีกเลี่ยงรองเท้าสีน้ำตาล
สูทและกางเกงสีน้ำเงินหรือสีกรมท่า เราสามารถใส่รองเท้าได้ทั้งสีดำและสีน้ำตาลครับ แต่สีน้ำตาลจะสวยและรับกับสีน้ำเงินได้ดีกว่า
สูทและกางเกงสีเทา เราสามารถใส่ได้ทั้งรองเท้าสีดำและสีน้ำตาลเช่นกัน แต่รองเท้าสีดำจะเข้ากับสูทสีเทาได้ดีกว่า และรองเท้าสีน้ำตาลที่จะใส่กับสูทสีเทานั้นควรจะเป็นรองเท้าสีน้ำตาลเข้มๆจะดีกว่าสีน้ำตาลอ่อนครับ
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือรองเท้าหนังของเราควรจะสะอาดและเงางามอยู่เสมอจึงจะเป็นการเสริมให้การใส่สูทของคุณดูดีได้อย่างสมบูรณ์ครับ
– รองเท้าหนัง Oxford Cap Toe จาก Mango Mojito –
รวมทั้งหมด 7 ข้อที่เป็นสิ่งที่ผู้ชายควรทำตาม เพื่อที่จะทำให้ผู้ชาย ใส่สูทให้ดูดี ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ผู้ชายหลายคนอาจจะคิดว่า “จะทำตามไปทำไมให้มากเรื่อง เราไม่ได้ใส่สูทบ่อยๆอยู่แล้ว” แต่ MenDetails ยังคงขอยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องใส่สูท หากเราเอาใจใส่ในบุคลิกภาพและการแต่งกายของเราให้ดี เท่ากับเป็นการให้เกียรติสถานที่ และให้เกียรติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษพึงกระทำ และ MenDetails ก็ขอสนับสนุนให้ผู้ชายทุกคนไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปในทุกๆวันด้วยนะครับ