ในช่วงวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ผู้ชายไทยอาจไม่รู้จักมักคุ้นกับเครื่องแต่งกายที่เรียกว่า ‘สูท’ เท่าใดนัก แต่เมื่อผู้ชายเติบโตเป็นสุภาพบุรุษและเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พวกเราหลีกเลี่ยงแทบไม่ได้เลยที่จะต้องใส่สูทไม่คราวใดก็คราวหนึ่ง เว้นก็แต่ว่าคุณเลือกที่จะเป็นผู้ชายที่ยังไงๆ ก็จะไม่ปรับเปลี่ยนตัวเองโดยแต่งตัวภูมิฐานให้เข้ากับงานที่เป็นทางการใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ MenDetails สนับสนุนให้สุภาพบุรุษชาวไทยกระทำกันนะครับ
แต่สำหรับผู้ชายที่ยอมรับ และต้องการที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้แต่งกายด้วยชุดสูทตามหลักสากลให้ดูดี ตามแต่กาลเทศะจะเอื้ออำนวย ผู้ชายกลุ่มนี้ย่อมจะต้องมีสูทตัวเก่งคนละชุดถึงสองชุดเก็บไว้ที่บ้านกันอยู่แล้วครับ และเชื่อเถอะว่าแทบจะ 99% ของสูททั้งหมดจะเป็นสูทแบบกระดุมแถวเดียว หรือ Single Breasted Suit กันทั้งนั้นเลย
เมื่อผู้ชายไทยใส่สูทแบบกระดุมแถวเดียว (ดูตัวอย่างตามรูปข้างบน) กันทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้ ความแตกต่างจึงแทบไม่มี ดังนั้นสำหรับผู้ชายไทยคนใดที่มั่นใจในตัวเอง และอยากจะฉีกตัวเองออกมาจากกระแสหลักของการใส่สูทในเมืองไทย MenDetails ขอเสนอสูทที่เรียกว่า Double Breasted Suit หรือสูทกระดุมสองแถว ซึ่งเป็นสูทที่จะสร้าง character และความแตกต่างระหว่างคุณกับผู้ชายที่ใส่สูทแบบกระดุมแถวเดียวธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็ตาม สูทแบบ Double Breasted เป็นสูทที่ต้องอาศัยความละเอียดในการเลือกซื้อ และเลือกใส่มากกว่าสูทแบบ Single Breasted ด้วยเหตุนี้ MenDetails จึงขอเสนอ MDs’ STYLE | 6 สิ่งที่ผู้ชายไทยควรรู้ก่อนซื้อ ‘สูท แบบ Double Breasted’ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปอ่านกันได้เลยครับ
1 | รู้จักประวัติความเป็นมาของ Double Breasted Suit
สูทแบบ double breasted นั้น มีที่มาดั้งเดิมจากเสื้อแจ็กเก็ตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘Reefer Jacket’ ซึ่งเป็นเสื้อแจ็กเก็ตที่เป็นเครื่องแบบของราชนาวีอังกฤษ โดยประโยชน์หลักของ Reefer Jacket คือไว้ใช้กันลมและกันหนาว ซึ่งด้วยความที่มันเป็นสูทที่มีส่วนของผ้าซ้อนกัน ทำให้สูทแบบ double breasted ใส่แล้วอบอุ่นกว่าสูทแบบ single breasted ครับ
2 | มองให้ออกว่าขนาดของ Double Breasted Suit แบบไหน ที่เรียกว่าฟิตพอดีกับตัวคุณ
การใส่สูทแบบ double breasted นั้น มีสิ่งสำคัญมากที่เราต้องระวังก็คือ มันควรจะเป็นสูทที่ฟิตเข้ารูปกับเราพอดีจริงๆเท่านั้นจึงจะใส่แล้วดูดี เพราะหากสูทแบบนี้หลวมเกินไป ผู้ชายที่ใส่จะดูเหมือนคนแก่สวมผ้าคลุมทันที ดังนั้นหากคุณอยากใส่สูทแบบ double breasted แล้วล่ะก็ MenDetails แนะนำว่าต้องเป็นการวัดตัวสั่งตัด หรือ tailor made เท่านั้น แล้วอย่าลืมกำชับช่างตัดสูทให้ตัดสูท double breasted แบบ slim fit เข้ารูปกับตัวคุณให้กระชับที่สุดจะเป็นการเหมาะกว่าการตัดสูทให้มีขนาดเผื่อใส่แบบหลวมๆนะครับ
3 | รู้จักรูปแบบ และจำนวนกระดุมบนเสื้อสูท
ด้วยจำนวนแถวของกระดุมที่มากขึ้น ทำให้มีจำนวนกระดุมบนเสื้อสูทแบบ double breasted มากกว่า single breasted ครับ โดยวิธีการเรียกรูปแบบการจัดวางกระดุมนั้น จะเป็นแบบ ‘ตัวเลข x ตัวเลข’ ตัวอย่างเช่น สูท double breasted กระดุม 6×2 หมายความว่าสูทตัวนี้มีกระดุมทั้งหมด 6 เม็ดของตัวเสื้อ และจะมีกระดุม 2 เม็ดเอาไว้สำหรับกลัดให้เห็นข้างนอก (ไม่นับกระดุมหลัก หรือ Anchor button ที่จะซ่อนอยู่ในตัวเสื้ออีกทีนะครับ)
รูปแบบและจำนวนกระดุมที่เป็นมาตรฐานที่สุดของ double breasted ก็คือ ‘6×2’ นั่นแหละครับ ดังนั้นหากนี่เป็นการตัดสูทแบบ double breasted ครั้งแรกของคุณล่ะก็ จงบอกช่างตัดสูทให้เย็บกระดุมเป็นแบบ ‘6×2’ เอาไว้ดีกว่านะครับ หากใครนึกไม่ออกว่าสูท double breasted กระดุม 6×2 นั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ลองดูภาพตัวอย่างสูทสวยๆด้านล่างจาก Brooks Brothers ได้เลยครับ
photo : Brooks Brothers
4 | รู้ว่า Double Breasted Suit ควรคู่กับแถบปกเสื้อสูทแบบ Peak Lapel
สูทแบบ single breasted นั้นจะสามารถเข้ากับแถบปกเสื้อสูท หรือ lapel ได้หลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับสูทแบบ double breasted นั้น แถบปกเสื้อสูทที่เหมาะสมที่สุดก็คือแบบที่เรียกว่า ‘Peak lapel’ โดยปกสูทแบบนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ และมีปลายแหลมชี้ไปทางส่วนไหล่ของผู้ที่ใส่สูท ซึ่งเมื่อเราสวมสูท และกลัดกระดุมสูทเรียบร้อย จะมองเห็นแถบปกทับกันดูเป็นรูปตัว Y แทนที่จะเป็นรูปตัว V เหมือนสูทแบบ single breasted ที่มีปกสูทแบบธรรมดา ดังนั้นอย่าลืมบอกช่างตัดสูทให้ใช้ Peak Lapel กับ double breasted suit ของคุณด้วยนะครับ ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่า Peak lapel เป็นอย่างไร ลองดูรูปด้านล่างนี้ได้เลยครับ
5 | รู้ว่าเนกไทที่จะมาใส่กับสูทแบบนี้ต้องมีขนาดพอเหมาะกำลังดีกับขนาดปก Peak Lapel
ยังอยู่ที่รูปตัวอย่างด้านบนนะครับ โดยให้สังเกตปกของเสื้อสูทที่ใหญ่ขึ้นตามสไตล์ของ Peak Lapel ทำให้การเลือกใส่เนกไทของคุณต้องเลือกให้เหมาะสมเช่นกันครับ โดยเนกไทที่คุณจะใส่ควรจะมีขนาดที่ใหญ่ใกล้เคียงกับปกของเสื้อสูท มิฉะนั้นจะทำให้ใส่ออกมาแล้วดูไม่สมส่วนกันครับ ดังนั้นอย่าไปเอาเนกไทเส้นบางๆ แบบ Skinny tie ที่ใส่กับ single breasted suit มาใส่กับ double breasted ครับ แต่ให้เลือกซื้อเนกไทเส้นใหญ่หน่อยมาใส่คู่กันจะดีกว่าครับผม
6 | รู้ว่าเมื่อยืนขึ้นให้กลัดกระดุมหลัก (Anchor button) และกระดุมเม็ดบนเอาไว้ โดยไม่กลัดกระดุมเม็ดล่าง
แม้จะมีจำนวนกระดุมบนเสื้อสูทเยอะกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องกลัดให้ครบทุกเม็ดนะครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าหากสูท double breasted ของคุณใช้รูปแบบกระดุมแบบ 6×2 ตามที่เราแนะนำแล้วล่ะก็ ในขณะที่ยืนขึ้น ให้คุณกลัดกระดุมที่เป็นกระดุมหลัก หรือ Anchor button ด้านในตัวเสื้อที่ซ้อนทับกันอยู่ จากนั้นก็กลัดกระดุมเม็ดบน แล้วเว้นกระดุมเม็ดล่างเอาไว้ อย่าได้ไปกลัดกระดุมเม็ดล่างเม็ดนั้นจะดีกว่านะครับ
ส่วนในขณะที่เรานั่งนั้น ปกติถ้าเป็นสูทแบบ single breasted เราจะแนะนำให้ปลดกระดุมทุกเม็ดออกหมด เพื่อไม่ให้ตัวสูทรั้งกับกระดุมออกด้านข้างเวลานั่งลงจนสูทยับและเสียทรงครับ แต่ถ้าเป็นสูทแบบ double breasted นั้น ปัญหาเรื่องการที่กระดุมที่กลัดอยู่จะไปรั้งตัวสูทเวลานั่งลงนั้นจะมีน้อยกว่าครับ ดังนั้นผู้ชายที่ใส่สูทแบบ double breasted ไม่จำเป็นที่จะต้องปลดกระดุมสูทออกเวลานั่งลงนะครับ แต่ถ้าใครนั่งแล้วรู้สึกอึดอัด อยากจะปลดให้สบายๆ อันนี้ไม่มีปัญหาครับ สามารถทำได้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรจำไว้ให้ดีก็คือ สูทแบบ Double breasted นั้นจะดูเห่ยมากถ้าหากคุณไม่ได้กลัดกระดุมสูทเวลาที่ยืนขึ้น ดังนั้น นั่งแล้วปลดกระดุมออกก็ได้ แต่เวลายืนต้องกลัดกระดุมกลับไปทุกครั้งนะครับ ห้ามลืมเด็ดขาด
photo : hespokestyle.com
และทั้ง 6 ข้อ คือข้อมูลเบสิกพื้นฐานที่สุดในการทำความเข้าใจสูทแบบ double breasted ก่อนที่คุณจะซื้อสูทชนิดนี้มาใส่ครับ สิ่งสำคัญที่อยากจะย้ำอีกครั้งสำหรับผู้ชายไทยที่ต้องการความแตกต่าง และใส่สูทที่โดดเด่นกว่าคนอื่นอย่าง double breasted นั้น จำไว้ว่าต้องเป็นสูทที่เข้ารูป slim fit แบบพอดีเป๊ะจริงๆเท่านั้น จึงจะใส่แล้วดูดี ไม่ดูแก่หรือเชยครับ
ขอให้ได้สูทสวยถูกใจกันทุกคนนะครับ