เขียนและเรียบเรียงโดย : Anuk Pitukthanin ทำงานอยู่ที่ Kledthai, ผู้ร่วมก่อตั้ง Unfinished Project Publishing และ Bookmoby, บรรณาธิการวารสาร Bookmoby Review
ผมเพิ่งอ่าน “เสียงพูดสุดท้าย ‘รงค์ วงษ์สวรรค์” จบ
“เสียงพูดสุดท้าย ‘รงค์ วงษ์สวรรค์” เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับทัศนะต่อชีวิต ต่อโลก ต่อความสัมพันธ์ ต่อการกินดื่ม และต่อ ฯลฯ
ของนักเขียน “หนุ่ม” ที่ได้ฉายาว่า “พญาอินทรีแห่งสวนอักษร”
ในตอนหนึ่ง ‘รงค์ ได้กล่าวถึง “บ้าน”
จริงไหมที่บอกว่า ‘ผู้ชาย… ถ้าอายุ 30 ปีแล้วไม่มีบ้าน ก็จะไม่มีไปตลอดชีวิต’?จริง ของเรานี่มีตั้งแต่อายุ 27 ปี ตั้งใจไว้เลยว่าต้องมีบ้านให้ได้ ปลูกหลังแรกที่บางช่อนใช้เงินหมื่นกว่าบาททำง่ายๆ แบบเพิงหมาแหงน ห้องนอนห้องเดียว ครัวแยกไปต่างหาก เปียร์แชร์ได้สามพันกว่าบาท ยืมโรงพิมพ์ห้าหกพันเงินส่วนตัวอีกนิดหน่อย รวมแล้วได้หมื่นกว่าบาทก็ตัดสินใจปลูกไปเลย ตีฝาถูกๆ ด้วยกระเบื้องยิปซัม ตีตะปู ทาสี (…)พอปลูกบ้านได้ ชีวิตก็มีความสุข ไปทำงานด้วยรถรางบ้าง สามล้อ แท็กซี่บ้าง เราปลูกบ้านก่อนซื้อรถ เป็นความจริงนะที่พ่อเขียนไว้ใต้กระจกว่าผู้ชายถ้าอายุสามสิบแล้วไม่มีบ้าน ก็จะไม่มีไปตลอด เพื่อนหลายคนของเราเงินเดือนไม่ใช่น้อย ไม่มีบ้านอยู่ จนเดี๋ยวนี้บางคนก็ยังไม่มี ต้องเช่าบ้านหลังเป็นหมื่นอยู่’
สำหรับ ‘รงค์ แล้วการเช่าบ้านเป็นเรื่องทรมาน
หลักการหลายเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและใช้เงินของ ‘รงค์
อันรวมถึงการกินดื่ม เข้าสังคม และชีวิตรัก/คู่
ดูจะทำให้พญาอินทรีท่านนี้มีชีวิตและฐานะที่ดีกว่าเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน
แม้ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็อยู่ได้อย่างไม่ขัดสน และไม่ไส้แห้ง
การ “มีบ้านก่อนมีรถ” ของ ‘รงค์ นี้ถือว่าเป็นหลัก “การจัดการเงิน” ที่สำคัญอันหนึ่ง
บ้าน เป็นทรัพย์สินที่ราคาคงที่และเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว
รถ เป็นทรัพย์สินที่ราคาเสื่อมลง มีค่าเสื่อมราคา และการดูแลรักษา
บ้าน ทำให้เราประหยัดได้หลายอย่าง อย่างน้อยก็ค่ากับข้าวที่หุงหาเองง่ายๆ ได้
รถ มีค่าใช้จ่ายตลอดทุกวัน ทั้งค่าเชื้อเพลิง ค่าที่จอด ค่าซ่อมแซม และค่าอื่นๆ
“หนุ่มเมืองจันท์” นักเขียนอีกท่าน เคยคำนวนถึง “ความคุ้ม” ของการใช้แท็กซี่หรือขนส่งสาธารณะ กับรถยนต์
และเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาใช้ชีวิตโดยปราศจากรถ
ลองคิดคร่าวๆ ว่า
ถ้าเราใช้แท็กซี่หรือขนส่งสาธารณะวันหนึ่งเราเสียค่ารถเฉลี่ย 100 – 250 บาท เดือนหนึ่งตกอย่างมากประมาณ 3 – 7.5 พันบาท
แต่ถ้าเราใช้รถส่วนตัว
เฉพาะค่าเชื้อเพลิง เดือนหนึ่งเราอาจต้องใช้ประมาณ 1 พันบาท (ในกรณีของแก๊ซ) และประมาณ 5 พันบาท (ในกรณีของน้ำมัน)
เฉพาะค่าผ่อนรถอย่างต่ำ เดือนหนึ่งเราอาจต้องใช้ประมาณ 8 พันบาท
เฉพาะค่าประกัน เดือนหนึ่งเฉลี่ยราว 1 พันบาท
เฉพาะค่าที่จอดรถอื่นๆ อีกราวเดือนละ 5 ร้อยบาท
เดือนหนึ่งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถส่วนตัวจะตก “อย่างต่ำ” ประมาณ 1 หมื่นบาท – 1.5 หมื่นบาท
ส่วนต่างของการใช้ขนส่งสาธารณะหรือแท็กซี่ กับรถส่วนตัวคงอยู่ประมาณ 7 – 8 พันบาท (ซึ่งอาจมากกว่านี้)
เงินจำนวนเท่านี้สามารถผ่อนคอนโด หรือที่อยู่อาศัยได้ไม่ยาก
โดยที่บ้าน หรือที่อยู่อาศัย สามาถทำให้เราประหยัดในการกินอยู่ได้
เป็นทรัพย์สินที่ไม่เสื่อมราคา
หมดสภาพยาก
ขายต่อแล้วมีราคา
“ลำบากก่อนแล้วสบายทีหลัง” ยังคงเป็นวลีที่สำคัญในกรณีนี้
ยกเว้นว่าจะมีคนผ่อนรถ หรือจ่ายค่าเชื้อเพลิงให้
หรือมีที่ซุกหัวนอนแบบไม่ต้องผ่อนและมั่นคงอยู่แล้ว
อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
จากต้นฉบับที่ anuklife.wordpress.com
เขียนและเรียบเรียงโดย : Anuk Pitukthanin ทำงานอยู่ที่ Kledthai, ผู้ร่วมก่อตั้ง Unfinished Project Publishing และ Bookmoby, บรรณาธิการวารสาร Bookmoby Review