หากไม่นับการเอาเงินไปหยอดกระปุกหมูออมสินแล้วล่ะก็ วิธีการที่คนเราใช้เก็บเงินกันอย่างง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดก็คงจะเป็นการเดินเอาเงินไปฝากธนาคารนั่นเอง เราส่วนใหญ่เชื่อกันว่าการฝากเงินในธนาคารนั้นเป็นการออมเงินที่แทบไม่มีความเสี่ยงใดๆ พอถึงสิ้นปีเงินฝากก็ยังอยู่ครบ แถมยังได้ดอกเบี้ยเงินฝากจากทางธนาคารอีกด้วย เมื่ออยากจะถอนเงินมาใช้ก็แค่กด ATM หรือถอนเงินที่ธนาคารออกมาก็จบ หากเกิดอะไรผิดพลาดธนาคารก็ต้องรับผิดชอบหาเงินมาคืนเรา และถ้าธนาคารเจ๊ง รัฐบาลก็จะคอยรับประกันว่าเงินฝากในธนาคารของเรายังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์
และนั่นคือความคิดเห็นของส่วนใหญ่ (คุณเองอาจเป็นหนึ่งในนั้น) แต่ในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะทาง สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กำลังจะประกาศกฎเกณฑ์ล่าสุดในการคุ้มครองเงินฝากในธนาคารของเราในกรณีที่ธนาคารเจ๊ง จากเดิมที่คุ้มครองเต็มจำนวน ลดลงมาเหลือแค่ 50 ล้านบาท และกำลังจะกลายเป็นเหลือการคุ้มครองเงินฝากแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2559 นี้แล้ว
นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป ต่อให้คุณมีเงินฝากในธนาคารแห่งหนึ่งเป็นสิบล้าน แต่ถ้าวันหนึ่งธนาคารแห่งนั้นเกิดประสบปัญหาจนต้องปิดกิจการขึ้นมา คุณก็จะได้เงินคืนกลับมาสูงสุดแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น!
ฟังดูเหมือนน่ากลัว แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจเกินกว่าเหตุไป เพราะธนาคารทั้งหลายของไทยในปัจจุบันถือว่ามีสุขภาพทางการเงินที่ค่อนข้างดี เนื่องจากได้บทเรียนที่หนักหนาสาหัสมาจากสมัยยุควิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้ทุกธนาคารในปัจจุบันต่างระมัดระวังตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น โอกาสที่ธนาคารจะเจ๊งกันจริงๆก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก
แต่ใครก็ตามที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทก็อาจจะต้องคอยติดตามข่าวของธนาคารที่ตัวเองฝากเงินบ่อยขึ้นอีกสักนิดนึง เผื่อมีปัญหาอะไรขึ้นมาจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ไม่ประมาทเป็นดีที่สุดนะครับ!