พูดถึงการออมเงิน ผู้ชายอย่างเราๆ ควรคิดที่จะออมตั้งแต่วัยทำงานแรกเริ่มเลยนะครับ เพราะเมื่อเราก้าวเข้าสู่วัย 40 ปี เราจะได้มีเงินออมเพียงพอที่จะทำเงินให้เราในบั่นปลายชีวิต หรือที่เขาเรียกว่า “การใช้เงินทำงาน” ซึ่งคุณอาจจะคิดว่า “ตอนนี้ผมมีน้อย ออมไปก็ไม่รวย” ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ครับ มีน้อยไม่ใช่ประเด็น เพราะเมื่อคุณเริ่มออมก่อนคนอื่น คุณจะมีเงินมากกว่าคนอื่นด้วยความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นนั่นเอง ว่าแล้วก็ตามมาดู 4 วิธีที่สุภาพบุรุษอย่างเราๆ ควรลงมือ “ออมเงิน” ได้เลย
50 / 30 /20
ถือเป็นกฏที่เข้าใจง่าย สำหรับคนที่มีเงินเข้ามาอย่างสม่ำเสมอเช่น เงินเดือนแต่ละเดือนนั่นเอง กฏนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องอดออมแบบประหยัดจนเกินไป แถมยังมีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่าแต่มันต้องทำอย่างไรกับ 50 / 30 /20
หลังจากที่คุณได้เงินเดือนมาแล้ว ให้คุณแบ่งเงินออกเป็น 3 กองครับ โดยเฉลี่ยให้ได้ 50% / 30% / 20% กองแรก 50% แบ่งไว้สำหรับค่ากินอยู่ การซื้อของใช้จำเป็นต่างๆ รวมถึงประกัน จำไว้ครับว่าอย่าซื้อเกิน 50% นี้เด็ดขาด มิฉะนั้นคุณจะขาดวินัยทางการเงินทันที กองที่สอง 30% ไว้สำหรับของที่จำเป็นน้อยลง ได้แก่ การซื้อทีวีเครื่องใหม่ เสื้อผ้าชุดใหม่ รองเท้า กระเป๋าและอื่นๆ และกองสุดท้าย 20% คุณต้องเก็บเอาไว้ในธนาคาร เผื่อฉุกเฉินในอนาคต หรือปรับไปลงทุนนั่นเอง
เก็บเพียง 10% ต่อเดือนพอ
ฟังแล้วดูดีกว่าข้อบนเยอะเลยใช่มั้ยครับ กฏนี้สำหรับคนที่ไม่สามารถจัดการการเงินได้จริงๆ แต่อยากจะออมเงินเสียเหลือเกิน แล้วจะทำอย่างไรดี เราแนะนำให้ทำแบบนี้ครับ
พอคุณได้เงินเดือนปุ๊บ ให้คุณหัก 10% ออกจากเงินดังกล่าวทันทีเป็นเงินออม ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม แล้วห้ามไปแตะต้องเงินก้อนนั้นเลยนะครับ จะย้ายไปเข้าบัญชีใหม่ก็ได้ไม่ว่ากัน ถือเป็นบัญชีเงินออมในอนาคต (เลือกบัญชีเงินฝากประจำด้วยจะดีมากครับ) แล้วเงินจำนวนที่เหลือ 90% ให้แบ่งออกเป็นครึ่งๆ ครึ่งแรกไว้ใช้จ่ายสำหรับสิ่งที่จ่ายประจำเช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าเช่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ และอื่นๆ ส่วนอีกครึ่งก็ไว้ใช้จ่ายอะไรก็ได้ที่อยากใช้ จำไว้ครับว่าอย่าไปแตะต้องเงิน 10% ของคุณที่แบ่งไว้แต่แรก ทิ้งไว้สัก 10 ปี แล้วคุณจะตกใจ
จำกัดค่าใช้จ่ายจำเป็นให้ต่ำที่สุด
วิธีนี้สำหรับคนที่ทำงานไม่ประจำอย่าง Freelance ที่ได้เงินเดือนต่อเดือนไม่สม่ำเสมอ ทำให้ไม่สามารถจัดการเงินได้อย่าง 2 ข้อบน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณทราบขึ้นค่าใช้จ่ายของสิ่งที่จำเป็นต่อเดือน แล้วลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวลง
คุณต้องพยายามจัดการการเงินคุณสักนิด ต้องกางบัญชีรายจ่ายที่จำเป็นออกมาดู ยกตัวอย่างเช่น การซื้อกาแฟ Starbucks กินสักแก้ว ที่เงิน 150.- ต่อวัน อาจจะเปลี่ยนเป็นทานเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งแล้วปรับไปทานกาแฟจากร้านอื่นที่ราคาถูกกว่า ก็จะลดค่าใช้จ่ายได้นั่นเอง (นี่เป็นเพียงตัวอย่างนะครับ) วิธีนี้จะต้องมีวินัยอย่างสูง และต้องคิดอยู่ตลอดเวลาว่า “จำเป็นต้องซื้อของแพงขนาดนี้มั้ย มีตัวเลือกอื่นที่ถูกกว่าหรือป่าว” แน่นอนว่ามันอาจจะทรมานคุณสักพักใหญ่ แต่คุณจะชินไปเอง แล้วหลังจากนั่นค่อยจัดสรรเงินออมประมาณ 10% จากส่วนที่เหลือครับ
คิดรายจ่ายเป็นรายอาทิตย์
อันนี้ถือเป็นกฏที่ช่วยให้คุณประหยัดได้มากที่สุด ลงลึกประมาณหนึ่งแบบไม่ถึงตาย และยังสามารถออมเงินได้แน่นอน 100% แต่คุณต้องใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นนะครับ อาจจะต้องลงรายละเอียดเป็นอาทิตย์ต่ออาทิตย์ว่าคุณมีรายจ่ายอะไรบ้าง
เริ่มต้นคุณต้องปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเสียใหม่ ด้วยการจดบันทึกก่อนสัก 1 เดือนล่วงหน้าก่อนการออมแบบนี้ เพื่อให้คุณเข้าใจรายจ่ายต่ออาทิตย์ และตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก เสร็จแล้วแบ่งเงินเป็นกองทั้งหมด 4 กอง แล้วใช้อาทิตย์ละกองเท่านั้นในจำนวนที่คุณคำนวณแล้วว่าจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากตอนปลายอาทิตย์ ส่วนที่เหลือจากรายจ่ายที่คำนวณและแบ่งเป็นกองก็ปรับให้เป็นเงินออม หรือถ้ายิ่งคุณประหยัดต่ออาทิตย์ได้มากเท่าไร เงินออมของคุณก็จะยิ่งมากเท่านั้น
นี่คือ 4 วิธีที่เราแนะนำสำหรับใครก็ตามที่อยากออมเงินอย่างง่าย แน่นอน ยิ่งคุณเริ่มออมเร็วเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีเงินมากเท่านั้นยามคุณแก่ตัวลง ช่วงออมเงินนี้ อาจจะเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ค่อยคุ้มเท่าไร แต่เชื่อเราเถอะครับว่า อีก 10 ปีข้างหน้า คุณจะมีชัยนำหน้าคนอื่นที่ใช้เงินล่วงหน้าแบบไม่คิดชีวิต